ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร ภาคเอกชน และเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน นำโดย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และวันแบงค็อก เพื่อมอบ “สุขแรก” เป็นของขวัญสุดพิเศษให้คนกรุงเทพฯ รับวัน “ศุกร์แรก” ของปีใหม่ ด้วยเทศกาล “กรุงเทพ ดีต่อใจ” ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนกรุงเทพฯ ได้สุขใจ สุขกายไปกับ 11 กิจกรรมตลอดทั้ง 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 5-7 มกราคม 2567 ณ สวนเบญจกิติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

เทศกาล “กรุงเทพ ดีต่อใจ” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2  โดยมีวัตถุประสงค์ในการต่อยอดเครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของคนเมือง พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยวในกทม. ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกเพศทุกวัยที่สนับสนุนการใช้ชีวิตเชื่อม “เมือง-สวน-ป่า-น้ำ” กับ “เยาวชน-ชุมชน และคนกรุงเทพฯ” ให้มาใช้ชีวิตบนพื้นที่สาธารณะอย่าง “สวนเบญจกิติ”

สุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “สำหรับงาน “กรุงเทพ ดีต่อใจ” นับว่าเป็นการร่วมมือกันของหลายภาคส่วน เพื่อมอบ “สุขแรก” ให้กับคนกรุงเทพฯ ได้มาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่สาธารณะอย่าง “สวนเบญจกิติ” ซึ่งเราจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากได้รับเสียงตอบรับจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างดี ซึ่งในปีนี้ยังมีกิจกรรมดีๆ และยังเพิ่มกิจกรรมไฮไลต์อีกมากมาย ให้คนกรุงฯ มีสุขภาพกาย และใจที่ดี และใช้ชีวิตในแบบยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ในการเป็นมากกว่า “ศูนย์การประชุม” และเป็นพื้นที่เชื่อมต่อพื้นที่สาธารณะอย่าง “สวนเบญจกิติ” เพื่อให้ประชาชน และชุมชนโดยรอบได้เข้ามาใช้ชีวิตในแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์”

 

สุขกาย-สุขใจกับกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ” ประกอบไปด้วย

  • สุขใจ กับกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ”
  1. เจริญสุขอย่างดีงาม ต้อนรับปีใหม่ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ร่วมใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้งในเช้าวันสุข (ศุกร์) แรกของปี
  2. เสียงธรรมยามเช้า เริ่มต้นปีด้วยใจที่ตื่นรู้ กับการบรรยายธรรมะของพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยใจที่ตื่นรู้
  3. *Nature Journey Workshop (กิจกรรมใหม่) ภารกิจสำรวจธรรมชาติ มาตรวจสุขภาพปอดกลางเมือง และ Nature Journey Workshop โดยผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติวิทยา
  4. Kids Climbing กิจกรรมที่พาน้องๆ ไปลองปีน และได้สัมผัสต้นไม้อย่างใกล้ชิด
  5. หมากรุกในสวน มาฝึกสมองกับกิจกรรมเล่นหมากรุก ที่จัดโดยสโมสรขุนทองคำ
  6. ระบายสี และเล่านิทานกลางสวน ร่วมฟังการเล่านิทานจากพี่ๆ วิทยากรท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของสวนเบญจกิติในช่วงเย็น หรือจะเลือกอ่านหนังสือที่สนใจ ภายในงานเพื่อเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์นักอ่านตัวน้อยสู่การเรียนรู้ที่ยั่งยืน พร้อมทั้งกิจกรรมระบายสีเสริมจินตนาการผ่านศิลปะ
  7. *Better SX Morning Talk (กิจกรรมใหม่) Morning Talk ในสวน ร่วมแบ่งปันประสบการณ์เรื่องราวความยั่งยืนเพื่อชีวิต สังคม และโลก และพร้อม Workshop ภารกิจสำรวจธรรมชาติ
  8. ตลาดนัดชุมชน และดนตรีดีต่อใจ ฟังดนตรีบรรยากาศชิลล์ๆในสวน และชอป ชิมของดี กทม. กับ “มีสุข ฟาร์มมาร์เก็ต” ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และวัตถุดิบ From Farm to Table รวมถึงตลาดต้นไม้จากชุมชนต่างๆ กว่า 40 ร้านค้า เอาใจคนกรุงฯ สายเฮลตี้ พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางรายได้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย
  9. SX REPARTMENT STORE ร่วมแบ่งปันของนอกสายตา ให้เป็นของมีค่าต่อใจ ส่งต่อของไม่ใช้แล้ว แบ่งปันเพื่อสร้างประโยชน์
  • สุขกาย กับกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ”
  1. Yoga in the Park and Sound Bath กิจกรรมโยคะในสวน เหมาะสำหรับคนเมืองที่ชีวิตเร่งรีบ และต้องการบำบัด ออฟฟิศซินโดรม และปรับสมดุล คลาสโยคะแบบ Mindfulness Yoga เพื่อฝึกกายใจให้แข็งแรง สงบ และผ่อนคลาย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย คลื่นเสียงบำบัด Sound Bath Therapy เปิดประสบการณ์อาบเสียงรับพลังงานบวกพาร่างกาย และจิตใจ มาสัมผัสศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณ เพื่อกายใจที่สงบสบายและผ่อนคลายในระดับลึก
  2. Nature Walk และ City Park Volunteer ร่วมพิทักษ์สวนกับกิจกรรมอาสาดูแลสวน กิจกรรมที่เชิญชวนคนกรุงฯ ร่วมดูแล ฟื้นฟูและสำรวจต้นไม้ เรียนรู้ระบบนิเวศของสวน

สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรม “กรุงเทพ ดีต่อใจ รับปีใหม่ 2567” ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 5-7 มกราคม 2567 ที่สวนเบญจกิติ ฝั่งเชื่อมต่อศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทางออก 3 หรือ รถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก ทางออก 4)  

กิจกรรมเวิร์คช็อปด้านเทคโนโลยีโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของอโกด้าสำหรับนักเรียนโรงเรียนนาหลวง

อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ (Saturday School) จัดทำโครงการ Agoda Tech Day Camp กิจกรรมเวิร์คช็อปด้านเทคโนโลยีสำหรับนักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษามหาวิทยาลัยในปี 2566 โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนนาหลวง จำนวน 60 คนได้เข้าร่วมเวิร์คช็อปครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2566  

ในงานดังกล่าว มีบุคคลสำคัญจากหน่วยงานหลักที่ร่วมดำเนินโครงการเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางสาวเพ็ญลักษณ์ บุญความดี ผู้อำนวยการโรงเรียนนาหลวง และนายออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ อโกด้า โดยมีพนักงานชาวไทยของอโกด้าซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเป็นผู้ดำเนินการอบรมและพัฒนาหลักสูตรขึ้นใหม่โดยเฉพาะ เพื่อให้เหมาะสมกับการสอนสร้างเว็บไซต์ให้กับนักเรียนโดยใช้โปรแกรมต่าง ๆ เช่น React-Bootstrap

 

โดยมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการศึกษา ได้ร่วมพัฒนาเนื้อหาการอบรมในครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียนมากที่สุด ในฐานะบริษัทด้านเทคโนโลยี อโกด้ามีความหลงใหลเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น การศึกษาด้านเทคโนโลยี Hackathon และ โครงการ Codegoda กิจกรรมแข่งขันเขียนโค้ดซึ่งอโกด้าจัดขึ้นเป็นประจำในทุก ๆ ปี

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แสดงความพร้อมที่จะร่วมงานกับอโกด้าในการพัฒนาการศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยกล่าวว่า “การปลูกฝังให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีนั้นเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราที่จะพัฒนาเมืองอันเต็มไปด้วยชีวิตอย่างกรุงเทพฯ โดยโครงการ 'Agoda Tech Day Camp' จะช่วยส่งเสริมและปลูกฝังแนวคิดด้านดิจิทัลสำหรับนักเรียนไทยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น" ผู้ว่าฯ ยังหวังที่จะขยายความร่วมมือนี้ไปสู่การร่วมกับองค์กรภาครัฐหรือเอกชนอื่น ๆ ในอนาคตเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรให้พร้อมรับมือกับสังคมที่กำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในวันข้างหน้า

 

นายออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโกด้า แสดงความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ กทม. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยคุณออมรีกล่าวว่า "ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อโกด้ามองว่าหน้าที่หลักของเรา คือการลงทุนและถ่ายทอดทั้งองค์ความรู้และ know-how แก่เหล่าผู้นำในอนาคตเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีทักษะที่เหมาะสมซึ่งจะเป็นรากฐานสู่ความสำเร็จได้"

โครงการ 'Agoda Tech Day Camp' ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือระหว่างอโกด้าและกทม. โดยทั้งสองฝ่ายยังมีโครงการอื่น ๆ ที่ได้มีโอกาสดำเนินการร่วมกัน อาทิ โครงการปลูกต้นไม้กลางกรุง กิจกรรม Action Day PM 2.5 BKK และโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนที่ตลาดน้อย

 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แสดงความพร้อมที่จะร่วมงานกับอโกด้าในการพัฒนาการศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยกล่าวว่า “การปลูกฝังให้คนรุ่นต่อไปได้เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีนั้นเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเราที่จะพัฒนาเมืองอันเต็มไปด้วยชีวิตอย่างกรุงเทพฯ โดยโครงการ 'Agoda Tech Day Camp' จะช่วยส่งเสริมและปลูกฝังแนวคิดด้านดิจิทัลสำหรับนักเรียนไทยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น" ผู้ว่าฯ ยังหวังที่จะขยายความร่วมมือนี้ไปสู่การร่วมกับองค์กรภาครัฐหรือเอกชนอื่น ๆ ในอนาคตเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบุคลากรให้พร้อมรับมือกับสังคมที่กำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในวันข้างหน้า

นายออมรี มอร์เกนสเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอโกด้า แสดงความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ กทม. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยคุณออมรีกล่าวว่า "ในฐานะบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อโกด้ามองว่าหน้าที่หลักของเรา คือการลงทุนและถ่ายทอดทั้งองค์ความรู้และ know-how แก่เหล่าผู้นำในอนาคตเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นมีทักษะที่เหมาะสมซึ่งจะเป็นรากฐานสู่ความสำเร็จได้"

 โครงการ 'Agoda Tech Day Camp' ที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือระหว่างอโกด้าและกทม. โดยทั้งสองฝ่ายยังมีโครงการอื่น ๆ ที่ได้มีโอกาสดำเนินการร่วมกัน อาทิ โครงการปลูกต้นไม้กลางกรุง กิจกรรม Action Day PM 2.5 BKK และโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนที่ตลาดน้อย

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ที่สามจากขวา) เป็นประธานในพิธีรับระบบห้องสมุดออนไลน์ไฮบรารี่ ร่วมกับ นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร (ที่สองจากขวา) นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (คนแรกจากซ้าย) นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (ที่สามจากซ้าย) พร้อมด้วย นายพัฒนา พิลึกฤาเดช ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (ที่สองจากซ้าย) เพื่อใช้ในโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” สำหรับประชาชนในเขตกรุงเทพฯ สามารถอ่านอีบุ๊กได้ฟรี ผู้สนใจสามารถสมัครได้เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Hibary ทาง App store หรือ Play Store กดสมัครสมาชิก เลือกห้องสมุด BKK X Hibrary หรือที่เว็บไซต์ bkk.hibrary.me

ห้องสมุดออนไลน์องค์กรแนวโน้มโตต่อเนื่อง จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมการใช้งาน และโควิด-19 ล่าสุด ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ หนึ่งในกลุ่ม บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม ไฮบรารี่ (Hibrary) ระบบห้องสมุดออนไลน์ (E-library) องค์กรอันดับหนึ่งของไทย นำระบบห้องสมุดออนไลน์ ไฮบรารี่ ให้บริการภาคสังคม โดยร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” วางเป้าปีแรกมีผู้ใช้งานอย่างน้อย 1 แสนบัญชี พร้อมเปิดให้เอกชนอื่นร่วมสนันสนุนอีบุ๊กในโครงการฯ สำหรับผู้สนใจสมัครใช้งานได้แล้ววันนี้

 

นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของระบบห้องสมุดออนไลน์องค์กรว่า การใช้งานระบบห้องสมุดออนไลน์ในต่างประเทศมีความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้ใช้งาน และโควิด-19 โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ย ปี 2022 อยู่ที่ประมาณ 10% อ้างอิงข้อมูลจาก Overdrive ผู้ให้บริการระบบห้องสมุดออนไลน์อันดับ 1 ของโลก ซึ่งมีฐานลูกค้ามากกว่า 88,000 ห้องสมุดและโรงเรียนใน 109 ประเทศ โดยรายงานระบุว่ามีการยืม E-content จากเครือข่ายห้องสมุดและโรงเรียนที่ใช้บริการมากกว่า 555 ล้านครั้ง เป็น E-Book 331 ล้านครั้ง (+4%) Audi book 191 ล้านครั้ง (+17%) นิตยสาร 32 ล้านครั้ง (+38%) การ์ตูนและนิยายภาพประมาณ 33 ล้านครั้ง (+18%) และมี 129 ห้องสมุดใน 7 ประเทศมีการยืมมากกว่า 1 ล้านครั้ง สำหรับในประเทศไทยการใช้งานห้องสมุดออนไลน์เริ่มมาประมาณ 8 ปี ก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีองค์กรใช้งานอยู่ไม่ถึง 200 แห่ง การเติบโตไม่มาก เนื่องจากคอนเทนต์ที่ให้บริการมีน้อยไม่ตรงกับผู้ใช้งาน ใช้งบในการพัฒนาระบบสูงมาก ระบบใช้งานได้ยาก แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 พบว่าความต้องการใช้งานห้องสมุดออนไลน์องค์กรเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยในปี 2022 มีองค์กรในประเทศไทยใช้งานห้องสมุดออนไลน์แล้วประมาณ 400 องค์กร

 

ซึ่ง ไฮบรารี่ เป็นผู้นำในตลาดระบบห้องสมุดออนไลน์องค์กร โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่กลางปี 2020 ที่เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ห้องสมุดโรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้องสมุดองค์กร และห้องสมุดประชาชนไม่สามารถให้บริการได้ องค์กรจึงต้องปรับตัวมาให้บริการแบบดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น ไฮบรารี่ ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว จึงศึกษาความต้องการขององค์กรและผู้ใช้งานจนได้ระบบบริการห้องสมุดออนไลน์ที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูง เหมาะสมกับงบประมาณต่อจำนวนผู้ใช้งาน มีคอนเทนต์คุณภาพให้บริการจากหลายสำนักพิมพ์และถูกลิขสิทธิ์ ใช้งานสะดวก มีฟีเจอร์การอ่านครบทั้งในรูปแบบ PDF และ E-PUB และมีการเก็บสถิติการอ่านผู้ใช้งาน รองรับได้หลายอุปกรณ์ รวมถึง E-reader ปัจจุบัน ไฮบรารี่ ให้บริการกลุ่มลูกค้าที่เป็นห้องสมุดประชาชนกว่า 41 แห่ง โรงเรียนและ

มหาวิทยาลัย 50 แห่ง และหน่วยงานรัฐและเอกชน 22 แห่ง รวมมากกว่า 100 องค์กร รวมถึงเป็นพันธมิตรกับศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยร่วมพัฒนาระบบห้องสมุดออนไลน์ CU-elibrary ซึ่งเน้นไปที่ตลาดการศึกษาที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้ถึง 100 องค์กร รวมแล้วมีลูกค้าใช้งานแพลตฟอร์มไฮบรารี่อยู่มากกว่า 200 องค์กร ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น

ส่วนความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” นั้น นายพัฒนา พิลึกฤาเดช ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด กล่าวว่า เกิดจากนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่สนับสนุนส่งเสริมการอ่านและการพัฒนาห้องสมุดของ กทม. ให้เข้าสู่ระบบห้องสมุดออนไลน์ ทำให้บริษัทฯ อยากเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนและช่วยให้งานห้องสมุดออนไลน์ของ กทม. พัฒนาไปได้เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีการประสานกับสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (สวท.) กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” ขึ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี เพื่อเป็นต้นแบบการให้บริการห้องสมุดออนไลน์ของ กทม.

โดยในการดำเนินโครงการฯ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีปัญหาด้านการอ่านเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมอีกด้วย รวมถึงประชาชนยังสามารถร่วมคัดเลือกอีบุ๊กเข้าระบบเพื่อให้บริการได้ นับเป็นการสนับสนุนการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ถูกลิขสิทธิ์อีกทางหนึ่ง ส่วนเป้าหมายผู้ใช้บริการนั้น คาดว่าปีแรกจะมีผู้ใช้งานประมาณ 100,000 บัญชี และตลอดระยะเวลาโครงการฯ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการมากกว่า 200,000 บัญชี นอกจาก ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จะสนับสนุนระบบห้องสมุดออนไลน์ผ่านระบบ ไฮบรารี่ แล้ว ยังสนับสนุนอีบุ๊กลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ต่างๆ ตลอดระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งหมด 1,500 รายการ พร้อมระบบจัดการและเผยแพร่สื่ออิเล็กทรอนิกส์พื้นที่ใช้งาน 50 GB รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนและองค์กรที่สนใจเข้าร่วมสนับสนุนอีบุ๊กเพิ่มเติมในโครงการฯ ซึ่งผู้ร่วมสนับสนุนจะได้รับการแสดงโลโก้และรายละเอียดผู้สนับสนุนผ่านสื่อประชาสัมพันธ์และในแอปพลิเคชั่น ไฮบรารี่ สำหรับผู้สนใจสนับสนุนโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ www.hibrary.me , This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ 0891347470

 

ส่วนผู้สนใจสมัครอ่านอีบุ๊กฟรีกับโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน Hibary ทาง App store หรือ Play Store กดสมัครสมาชิก เลือกห้องสมุด BKK X Hibrary หรือที่เว็บไซต์ bkk.hibrary.me โดยหวังว่าโครงการฯ นี้จะเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานในระบบจังหวัด เทศบาล ห้องสมุดประชาชน ได้มาช่วยกันส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกหนังสือที่ตนเองสนใจ แม้บางหน่วยงานที่มีงบประมาณจำกัดก็มีรูปแบบของการขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนได้ โดยทาง ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ ยินดีให้คำปรึกษาทั้งเรื่องของระบบห้องหมุดออนไลน์และการจัดทำโครงการอีกด้วย

 

ส่วน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความสำคัญของโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” ว่า การอ่านเป็นการสร้างต้นทุนทางความคิด พัฒนาคน และเป็นแหล่งสะสมทรัพยากรความรู้ให้แก่ชีวิต โดยสามารถนำความรู้จากการอ่านมาใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ ประกอบการตัดสินใจ ทั้งในด้านการดำเนินชีวิต การทำงาน การพัฒนาตนเองและสังคม ซึ่งกรุงเทพมหานครมีนโยบายส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศทางการเรียนรู้อย่างครบวงจร ทั้งรูปแบบ ระบบ และโครงสร้างที่สนับสนุนการอ่าน ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้วยเทคโนโลยีสำหรับทุกเพศทุกวัย รวมถึงส่งเสริมพื้นที่การเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆ ของเมือง อาทิ กิจกรรมหนังสือในสวน บ้านหนังสือ ห้องสมุดเชิงรุกในรูปแบบรถ Mobile Unit และพัฒนาห้องสมุดที่อยู่ในความดูแลของ กทม. ให้เป็น Smart Library โดยใช้เทคโนโลยีและระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายตรงกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการอ่านของคนในปัจจุบันมากขึ้น

โครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” เป็นโครงการที่ดีมากต่อห้องสมุดของ กทม. ช่วยให้สามารถพัฒนาไปได้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสการเข้าถึงอีบุ๊กได้สะดวก ช่วยขยายกลุ่มผู้ใช้งานเดิมที่ใช้งานห้องสมุดของ กทม. อยู่เป็นประจำ โครงการฯ นี้ ช่วยให้คนเข้าถึงแหล่งความรู้ได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่ห้องสมุดเพียงอย่างเดียว ส่วนระบบห้องสมุดออนไลน์ ไฮบรารี่ ที่นำมาใช้ก็มีความเหมาะสมมาก เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมและได้รับความเชื่อถือจากหลายองค์กร มีอีบุ๊กและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เลือกหลากหลาย ทันสมัย ครบทุกหมวดหมู่และถูกลิขสิทธิ์อีกด้วย

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click