นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ที่สามจากขวา) เป็นประธานในพิธีรับระบบห้องสมุดออนไลน์ไฮบรารี่ ร่วมกับ นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร (ที่สองจากขวา) นายสมบูรณ์ หอมนาน ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (คนแรกจากซ้าย) นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (ที่สามจากซ้าย) พร้อมด้วย นายพัฒนา พิลึกฤาเดช ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (ที่สองจากซ้าย) เพื่อใช้ในโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” สำหรับประชาชนในเขตกรุงเทพฯ สามารถอ่านอีบุ๊กได้ฟรี ผู้สนใจสามารถสมัครได้เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Hibary ทาง App store หรือ Play Store กดสมัครสมาชิก เลือกห้องสมุด BKK X Hibrary หรือที่เว็บไซต์ bkk.hibrary.me

ห้องสมุดออนไลน์องค์กรแนวโน้มโตต่อเนื่อง จากการพัฒนาด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมการใช้งาน และโควิด-19 ล่าสุด ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ หนึ่งในกลุ่ม บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม ไฮบรารี่ (Hibrary) ระบบห้องสมุดออนไลน์ (E-library) องค์กรอันดับหนึ่งของไทย นำระบบห้องสมุดออนไลน์ ไฮบรารี่ ให้บริการภาคสังคม โดยร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” วางเป้าปีแรกมีผู้ใช้งานอย่างน้อย 1 แสนบัญชี พร้อมเปิดให้เอกชนอื่นร่วมสนันสนุนอีบุ๊กในโครงการฯ สำหรับผู้สนใจสมัครใช้งานได้แล้ววันนี้

 

นายรวิวร มะหะสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของระบบห้องสมุดออนไลน์องค์กรว่า การใช้งานระบบห้องสมุดออนไลน์ในต่างประเทศมีความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้ใช้งาน และโควิด-19 โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ย ปี 2022 อยู่ที่ประมาณ 10% อ้างอิงข้อมูลจาก Overdrive ผู้ให้บริการระบบห้องสมุดออนไลน์อันดับ 1 ของโลก ซึ่งมีฐานลูกค้ามากกว่า 88,000 ห้องสมุดและโรงเรียนใน 109 ประเทศ โดยรายงานระบุว่ามีการยืม E-content จากเครือข่ายห้องสมุดและโรงเรียนที่ใช้บริการมากกว่า 555 ล้านครั้ง เป็น E-Book 331 ล้านครั้ง (+4%) Audi book 191 ล้านครั้ง (+17%) นิตยสาร 32 ล้านครั้ง (+38%) การ์ตูนและนิยายภาพประมาณ 33 ล้านครั้ง (+18%) และมี 129 ห้องสมุดใน 7 ประเทศมีการยืมมากกว่า 1 ล้านครั้ง สำหรับในประเทศไทยการใช้งานห้องสมุดออนไลน์เริ่มมาประมาณ 8 ปี ก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีองค์กรใช้งานอยู่ไม่ถึง 200 แห่ง การเติบโตไม่มาก เนื่องจากคอนเทนต์ที่ให้บริการมีน้อยไม่ตรงกับผู้ใช้งาน ใช้งบในการพัฒนาระบบสูงมาก ระบบใช้งานได้ยาก แต่หลังสถานการณ์โควิด-19 พบว่าความต้องการใช้งานห้องสมุดออนไลน์องค์กรเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยในปี 2022 มีองค์กรในประเทศไทยใช้งานห้องสมุดออนไลน์แล้วประมาณ 400 องค์กร

 

ซึ่ง ไฮบรารี่ เป็นผู้นำในตลาดระบบห้องสมุดออนไลน์องค์กร โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่กลางปี 2020 ที่เป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ห้องสมุดโรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้องสมุดองค์กร และห้องสมุดประชาชนไม่สามารถให้บริการได้ องค์กรจึงต้องปรับตัวมาให้บริการแบบดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น ไฮบรารี่ ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนาระบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้ว จึงศึกษาความต้องการขององค์กรและผู้ใช้งานจนได้ระบบบริการห้องสมุดออนไลน์ที่มีค่าใช้จ่ายไม่สูง เหมาะสมกับงบประมาณต่อจำนวนผู้ใช้งาน มีคอนเทนต์คุณภาพให้บริการจากหลายสำนักพิมพ์และถูกลิขสิทธิ์ ใช้งานสะดวก มีฟีเจอร์การอ่านครบทั้งในรูปแบบ PDF และ E-PUB และมีการเก็บสถิติการอ่านผู้ใช้งาน รองรับได้หลายอุปกรณ์ รวมถึง E-reader ปัจจุบัน ไฮบรารี่ ให้บริการกลุ่มลูกค้าที่เป็นห้องสมุดประชาชนกว่า 41 แห่ง โรงเรียนและ

มหาวิทยาลัย 50 แห่ง และหน่วยงานรัฐและเอกชน 22 แห่ง รวมมากกว่า 100 องค์กร รวมถึงเป็นพันธมิตรกับศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยร่วมพัฒนาระบบห้องสมุดออนไลน์ CU-elibrary ซึ่งเน้นไปที่ตลาดการศึกษาที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้ถึง 100 องค์กร รวมแล้วมีลูกค้าใช้งานแพลตฟอร์มไฮบรารี่อยู่มากกว่า 200 องค์กร ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น

ส่วนความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” นั้น นายพัฒนา พิลึกฤาเดช ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด กล่าวว่า เกิดจากนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่สนับสนุนส่งเสริมการอ่านและการพัฒนาห้องสมุดของ กทม. ให้เข้าสู่ระบบห้องสมุดออนไลน์ ทำให้บริษัทฯ อยากเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนและช่วยให้งานห้องสมุดออนไลน์ของ กทม. พัฒนาไปได้เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงมีการประสานกับสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (สวท.) กรุงเทพมหานคร จัดทำโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” ขึ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี เพื่อเป็นต้นแบบการให้บริการห้องสมุดออนไลน์ของ กทม.

โดยในการดำเนินโครงการฯ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีปัญหาด้านการอ่านเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมอีกด้วย รวมถึงประชาชนยังสามารถร่วมคัดเลือกอีบุ๊กเข้าระบบเพื่อให้บริการได้ นับเป็นการสนับสนุนการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ถูกลิขสิทธิ์อีกทางหนึ่ง ส่วนเป้าหมายผู้ใช้บริการนั้น คาดว่าปีแรกจะมีผู้ใช้งานประมาณ 100,000 บัญชี และตลอดระยะเวลาโครงการฯ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการมากกว่า 200,000 บัญชี นอกจาก ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จะสนับสนุนระบบห้องสมุดออนไลน์ผ่านระบบ ไฮบรารี่ แล้ว ยังสนับสนุนอีบุ๊กลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ต่างๆ ตลอดระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งหมด 1,500 รายการ พร้อมระบบจัดการและเผยแพร่สื่ออิเล็กทรอนิกส์พื้นที่ใช้งาน 50 GB รวมถึงประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนและองค์กรที่สนใจเข้าร่วมสนับสนุนอีบุ๊กเพิ่มเติมในโครงการฯ ซึ่งผู้ร่วมสนับสนุนจะได้รับการแสดงโลโก้และรายละเอียดผู้สนับสนุนผ่านสื่อประชาสัมพันธ์และในแอปพลิเคชั่น ไฮบรารี่ สำหรับผู้สนใจสนับสนุนโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ www.hibrary.me , This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือ 0891347470

 

ส่วนผู้สนใจสมัครอ่านอีบุ๊กฟรีกับโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน Hibary ทาง App store หรือ Play Store กดสมัครสมาชิก เลือกห้องสมุด BKK X Hibrary หรือที่เว็บไซต์ bkk.hibrary.me โดยหวังว่าโครงการฯ นี้จะเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานในระบบจังหวัด เทศบาล ห้องสมุดประชาชน ได้มาช่วยกันส่งเสริมการอ่านการเรียนรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกหนังสือที่ตนเองสนใจ แม้บางหน่วยงานที่มีงบประมาณจำกัดก็มีรูปแบบของการขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนได้ โดยทาง ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ ยินดีให้คำปรึกษาทั้งเรื่องของระบบห้องหมุดออนไลน์และการจัดทำโครงการอีกด้วย

 

ส่วน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความสำคัญของโครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” ว่า การอ่านเป็นการสร้างต้นทุนทางความคิด พัฒนาคน และเป็นแหล่งสะสมทรัพยากรความรู้ให้แก่ชีวิต โดยสามารถนำความรู้จากการอ่านมาใช้ในการพัฒนาการเรียนรู้ ประกอบการตัดสินใจ ทั้งในด้านการดำเนินชีวิต การทำงาน การพัฒนาตนเองและสังคม ซึ่งกรุงเทพมหานครมีนโยบายส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศทางการเรียนรู้อย่างครบวงจร ทั้งรูปแบบ ระบบ และโครงสร้างที่สนับสนุนการอ่าน ง่ายต่อการเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้วยเทคโนโลยีสำหรับทุกเพศทุกวัย รวมถึงส่งเสริมพื้นที่การเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆ ของเมือง อาทิ กิจกรรมหนังสือในสวน บ้านหนังสือ ห้องสมุดเชิงรุกในรูปแบบรถ Mobile Unit และพัฒนาห้องสมุดที่อยู่ในความดูแลของ กทม. ให้เป็น Smart Library โดยใช้เทคโนโลยีและระบบอินเตอร์เน็ต ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายตรงกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการอ่านของคนในปัจจุบันมากขึ้น

โครงการ “BKK X Hibrary อีบุ๊กฟรีอยู่เขตไหนอ่านได้ทุกที่” เป็นโครงการที่ดีมากต่อห้องสมุดของ กทม. ช่วยให้สามารถพัฒนาไปได้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสการเข้าถึงอีบุ๊กได้สะดวก ช่วยขยายกลุ่มผู้ใช้งานเดิมที่ใช้งานห้องสมุดของ กทม. อยู่เป็นประจำ โครงการฯ นี้ ช่วยให้คนเข้าถึงแหล่งความรู้ได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่ห้องสมุดเพียงอย่างเดียว ส่วนระบบห้องสมุดออนไลน์ ไฮบรารี่ ที่นำมาใช้ก็มีความเหมาะสมมาก เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมและได้รับความเชื่อถือจากหลายองค์กร มีอีบุ๊กและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เลือกหลากหลาย ทันสมัย ครบทุกหมวดหมู่และถูกลิขสิทธิ์อีกด้วย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), กรุงเทพมหานคร (กทม.), สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, แผนงานคนไทย 4.0, สมาคมโรงแรมไทย และบมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ จัดกิจกรรม BKK Zero Waste ต่อยอดแคมเปญไม่เทรวม เพื่อแสดงพลังองค์กรภาคีทุกภาคส่วนรวมกว่า 100 องค์กรที่ต้องการแก้ปัญหาขยะอย่างยั่งยืนด้วยการจัดการขยะที่ต้นทาง และส่งเสริมให้องค์กร/หน่วยงานและสาธารณชนตระหนักถึงปัญหาขยะและมีส่วนร่วมในการลดการสร้างขยะและคัดแยกขยะที่ต้นทางโดยเรียนรู้ผ่านองค์กรต้นแบบ 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับภาคีเครือข่าย ในเฟสที่ 2 ของโครงการไม่เทรวม หรือ BKK ZERO WASTE ซึ่งเป็นการดำเนินการเรื่องการกำจัดขยะในกรุงเทพมหานคร โดยได้รับการสนับสนุนสำคัญจากทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่เป็นเหมือนผู้ประสานงานกับกลุ่มภาคีเครือข่าย

“สำหรับเรื่องขยะ ถือเป็นเรื่องใหญ่ของกรุงเทพมหานคร เราใช้งบประมาณจำนวนมากในการดูแลขยะ โดยปีที่แล้วใช้งบประมาณมากถึง 7,000 ล้านบาท เฉพาะการจัดเก็บขยะของกรุงเทพมหานคร และการจ้างเก็บขน ซึ่งถ้าเราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ก็จะทำให้เรามีงบประมาณไปดูแลในส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น” นายชัชชาติกล่าว

ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า ปัญหาขยะมูลฝอยนับเป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม และการร้องเรียนของประชาชนจากการจัดการขยะมูลฝอยอยู่เสมอ ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID19 ทำให้ขยะติดเชื้อและขยะพลาสติกมีปริมาณเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยขยะมูลฝอยก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและสุขอนามัยของประชาชน ตลอดจนมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก/สารพิษลงสู่สิ่งแวดล้อม เกิดการปนเปื้อนของน้ำชะขยะสู่แหล่งดิน/แหล่งน้ำ และเกิดก๊าซมีเทนจากบ่อฝังกลบขยะที่เป็นก๊าซเรือนกระจกและเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญของประเทศ จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ปี 2564 กรุงเทพมหานครสร้างขยะมูลฝอยสูงถึง 12,214 ตันต่อวัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 ของปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นทั้งประเทศ

“สสส. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่าย ที่ให้ความสำคัญในการจัดการขยะมูลฝอย โดยการสร้างพื้นที่ต้นแบบการคัดแยกขยะ การต่อยอดการคัดแยกให้สมบูรณ์ครบวงจร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การส่งเสริมให้แหล่งกำเนิดในพื้นที่นำร่องมีระบบลดและคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ด้วยการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและภาคประชาสังคม” ดร.สุปรีดา กล่าวเสริม

ทั้งนี้ นายตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อมและคอนเน็กซ์ อีดี บมจ.ซีพี ออลล์  กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ได้ร่วมสนับสนุนองค์ความรู้การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางโดยใช้วิถี "ต้นกล้าไร้ถัง" ขยายผลมาสู่โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมร่วมลงนาม MOU สร้างภาคีเครือข่าย "โรงเรียน กทม. ไร้ถัง"ส่งแนวคิด “เปลี่ยนขยะเป็นทรัพย์สิน” สู่เยาวชน-ชุมชน สร้างเครือข่ายจัดการขยะแข็งแกร่งสุดในไทย เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และเริ่มนำร่องในพื้นที่ 9 เขต จำนวน 24 โรงเรียน และมีแผนขยายผลให้ครบ 437 โรงเรียนสังกัด กทม.ภายในปีการศึกษา 2568 เพื่อปลูกฝังให้เกิดการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้กับเยาวชนและชุมชน แก้ปัญหาการจัดการขยะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และเป็นวาระสำคัญของประเทศ

“สิ่งสำคัญที่สุดของการแก้ปัญหาระดับชาติ คือการสร้างความร่วมมือ รวมพลังกันแก้ปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภาคีของเรามีองค์ความรู้หรือ Knowhow ในการจัดการขยะที่ประสบความสำเร็จอย่างทับสะแกโมเดล มีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะครบวงจร ขณะที่ กทม.เองก็มีนโยบายและวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าต้องการให้เกิดการคัดแยกขยะอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงมีบุคลากร โรงเรียน ชุมชน ภาคีทุกภาคส่วนรวมกว่า 100 องค์กร ความร่วมมือกันในครั้งนี้ จึงนับเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืน ตามปณิธานองค์กร ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน”  นายตรีเทพกล่าว

กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ ลาซาด้า ประเทศไทย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกรุงเทพมหานครและภาคีเครือข่าย เปิดตัวกิจกรรม “BKK-เรนเจอร์ x ปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง” The Miracle Playground @Siam : DREAM & DO เปิดพื้นที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ให้เยาวชน

Page 2 of 3
X

Right Click

No right click