December 05, 2025

ข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย เผยให้เห็นความจริงที่น่าตกใจของคนไทยกับการเงิน โดยจาก 130 ล้านบัญชีเงินฝากทั่วประเทศ มีถึง 123 ล้านบัญชีที่มีเงินฝากไม่ถึง 50,000 บาท ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงวิกฤตเงินออมของคนไทย นอกจากนี้ ดีลอยท์ ประเทศไทย ยังเผยว่าคนไทยรุ่นใหม่ทั้ง Gen Y และ Gen Z กว่า 63% ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 52% ด้วยภาระค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และความจำเป็นต้องใช้เงินมาตอบสนองไลฟ์สไตล์ บ่อยครั้งเราจึงได้ยินประโยคที่ว่า “เงินเดือนออกไม่กี่วัน ไม่รู้หายไปไหนหมด”

อยากใช้เงินอย่างมีสติ แต่ทำไม่ได้สักที

คนรุ่นใหม่จำนวนมาก อยากรู้ว่าแต่ละเดือนเงินหายไปกับอะไรบ้าง เพื่อที่จะลดหรือตัดค่าใช้จ่ายบางประเภท แต่ก็ยังไม่มีเครื่องมือที่ช่วยให้เห็นภาพรวมการใช้จ่ายอย่างชัดเจน แถมการสร้างตารางจดรายจ่ายด้วยตนเองนั้นยุ่งยาก ใช้เวลา และต้องมีวินัยสูง แม้จะรู้ว่าสำคัญ แต่พอต้องจดทุกวัน ทุกยอดในหลายแอปธนาคาร ก็ทำให้ท้อ จนกลายเป็นว่า เราไม่เคยมีภาพรวมการเงินที่ชัดเจน

KBTG บริษัทเทคโนโลยีในเครือธนาคารกสิกรไทย เข้าใจ Pain Point นี้ดี จึงดึงอินไซต์ของคนรุ่นใหม่มาพัฒนา "เหมียวจด" แอปพลิเคชันจดรายจ่ายอัตโนมัติ ที่จะเปลี่ยนวิธีการจดรายจ่ายให้เป็นเรื่องง่ายและตอบโจทย์ทุกคนที่อยากเข้าใจรายจ่ายของตนเอง

เหมียวจดทำงานด้วยหลักการง่าย ๆ คือ อ่านข้อมูลจากสลิปการโอนเงินในแอปธนาคารแล้วจดบันทึกรายจ่ายให้อัตโนมัติ ปัจจุบันรองรับการอ่านข้อมูลจาก 19 แอปธนาคารชั้นนำ รวมถึง Truemoney Wallet และจะรวมสรุปรายจ่ายทุกธนาคารไว้ในที่เดียว ทั้งแบบรายวันและรายเดือนในรูปแบบกราฟที่แสดงสัดส่วนการใช้จ่ายแต่ละหมวดหมู่ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เลือกหมวดหมู่อัตโนมัติจากฐานข้อมูลกว่า 500,000 ร้านค้าในระบบเหมียวจด และยังจดจำ

พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้ใช้แต่ละคน เช่น เมื่อโอนเงินไปร้านกาแฟประจำ แอปจะจำได้ว่านี่คือค่ากาแฟ พอครั้งต่อไปโอนไปร้านเดิม ระบบจะจัดหมวดหมู่ให้อัตโนมัติ ทำให้ประหยัดเวลาในการจดรายจ่าย

ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อชีวิตคนยุคใหม่

นอกจากการจดอัตโนมัติแล้ว เหมียวจดยังมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง เช่น การตั้งรายการ "จดซ้ำ" สำหรับค่าใช้จ่ายประจำเดือน อย่างค่าเช่าบ้าน ผ่อนรถ หรือค่า Subscription ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งยังมีระบบ “กราฟเปรียบเทียบ” ช่วยให้เห็นแนวโน้มการใช้จ่ายแบบรายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี ทำให้รู้ได้ว่าเดือนไหนใช้เงินเกิน เดือนไหนประหยัดได้ พร้อมด้วยการใส่ #tag ช่วยแยกหมวดหมู่ได้ละเอียดมากขึ้น เช่น #ค่ากาแฟ #ทริปญี่ปุ่น #ซื้อของฝาก ทำให้วิเคราะห์รายจ่ายได้ตรงจุด และสำหรับคนที่ต้องการข้อมูลเพื่อวางแผนการเงินต่อ เหมียวจดสามารถส่งออกข้อมูลเป็นไฟล์ Excel หรือ CSV ได้ง่าย ๆ

 นายเชษฐพันธุ์ ศิริดานุภัทร Managing Director กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยีกรุ๊ป (KBTG) เล่าว่า “เราเล็งเห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ต้องการให้สุขภาพทางการเงินคล่องตัวมากขึ้น แต่เครื่องมือที่มีอยู่ยังซับซ้อนเกินไป เราจึงออกแบบ เหมียวจด มาให้เป็น 'เพื่อนคู่ใจ' เป็นฟินเทคสายซอฟต์ที่เฟรนลี่ ใช้ง่าย และช่วยให้ทุกคนเริ่มวางแผนการเงินได้ง่าย ๆ เราเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ดีต้องทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มั่นใจว่าผู้ใช้งานเหมียวจด จะเข้าใจภาพรวมค่าใช้จ่าย และสร้างวินัยทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

สบายใจกับความปลอดภัยระดับธนาคาร

ในยุคนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นของมีค่า ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เหมียวจดพัฒนาโดย KBTG และใช้มาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับแอปธนาคาร แอปจะเข้าถึงเฉพาะภาพสลิปการโอนเงินจากแอปธนาคารเท่านั้น ไม่แตะต้องภาพอื่น ๆ หรือข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวได้รับการปกป้อง นอกจากนี้ เหมียวจด ยังได้รับการยอมรับในเวทีระดับสากล โดยได้รับรางวัล Demark 2025 Winner ในสาขา Design Excellent Award – System, Service and Digital Platform และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง UX Design Award 2025 จากประเทศเยอรมนี

“เหมียวจด” เชื่อมั่นผู้ใช้งานลดค่าใช้จ่ายได้จริง หลังเห็นภาพรวมรายจ่าย

เมื่อเราเห็นภาพรวมการใช้จ่ายอย่างชัดเจน เราก็สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นว่า ควรลดค่าใช้จ่ายส่วนไหน หรือควรเพิ่มการออมในส่วนไหน เหมียวจดช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อทุกการโอนเงินถูกจดบันทึกอัตโนมัติและจัดหมวดหมู่อย่างชัดเจน การวางแผนการเงินจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป โดยจากภาพรวมการใช้งาน ผู้ใช้มีบัญชีที่มีรายรับ-รายจ่ายอยู่หลายบัญชี เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 บัญชี ในกลุ่มวัยทำงานช่วงอายุ 20-40 ปี มักมีรายการใช้จ่ายหลักอยู่ในหมวดค่าอาหาร ค่าการเดินทาง และการช้อปปิ้ง โดยจากการใช้งานต่อเนื่องประมาณ 1 เดือน ผู้ใช้หลายคนพบว่าสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายในหมวดความบันเทิงและการช้อปปิ้งได้ง่ายขึ้น

เหมียวจดให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ใหม่ที่ต้องการใช้ฟีเจอร์พื้นฐาน สำหรับคนที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงมากขึ้น มีแพ็กเกจเหมียวซิลเวอร์ที่เพิ่มฟีเจอร์อัตโนมัติและข้อมูลเชิงลึกพื้นฐาน และแพ็กเกจเหมียวโกลด์สำหรับนักวางแผนการเงินที่ต้องการจัดการข้อมูลได้ละเอียดที่สุด

จดรายจ่ายกับเหมียวจดได้แล้ววันนี้ที่ www.meowjot.com หรือดาวน์โหลดได้ที่ meowjot.com/link/install

ภายใต้พันธกิจในการช่วยให้ทุกคนเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้น Ascend Money เชื่อมั่นว่าความเท่าเทียมคือรากฐานของระบบการเงินที่ยั่งยืน และการเข้าถึงบริการทางการเงินไม่ควรหมายถึงความสะดวกในการใช้จ่ายหรือโอนเงิน แต่คือรากฐานของการมีชีวิตที่มั่นคง สามารถเลี้ยงดูครอบครัว และการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นได้

ที่ผ่านมา Ascend Money จึงมุ่งมั่นพัฒนา TrueMoney เป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสทางการเงิน (Financial Platform of Opportunity) ที่มอบโอกาสให้กับผู้คนที่ระบบเดิมมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร ผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เกษตรกร แรงงานข้ามชาติ และรวมถึงผู้ใช้ทั่วไปที่ยังไม่ได้รับความสะดวกสบายจากบริการทางการเงินในระบบดั้งเดิมโดยการมุ่งใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในแก้ไขปัญหา (pain points) บริษัทฯ ได้สร้างหลากหลายบริการทางการเงินที่เข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ และเชื่อถือได้ เพื่อให้ผู้คนสามารถยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น

 

Our Pioneering Milestones:

ปี 2556-2557: จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มแห่งโอกาสทางการเงิน TrueMoney เริ่มต้นจากหน่วยธุรกิจภายใต้ ทรู คอร์ปอเรชั่น และ spin off เป็นบริษัทในเครือ Ascend Money ภายใต้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P. Group) ในปี 2557 พร้อมวางเป้าหมายชัดเจนในการเป็นผู้นำด้านฟินเทคเพื่อสังคมโดยมีพันธกิจในการช่วยให้ทุกคนเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินเพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้น และบริษัทฯ เริ่มขยายบริการสู่ประเทศอื่นในภูมิภาคเริ่มจากเมียนมา

ปี 2558: เปิดตัวแอปพลิเคชัน TrueMoney ในไทย แอปกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกพัฒนาให้ผู้ใช้สามารถเติมเงิน โอนเงิน จ่ายบิล และซื้อของออนไลน์ได้ง่าย โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร และบริษัทฯ ได้ขยายการให้บริการไปกัมพูชา อินโดนีเชีย และฟิลิปปินส์

ปี 2559: เปิดบริการ Virtual MasterCard และ ePIN บนแอป TrueMoney และช่วยให้แรงงานข้ามชาติสามารถโอนเงินกลับหาครอบครัวที่บ้านเกิดได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้คนไม่มีบัตรเครดิตสามารถจับจ่ายใช้สอยบนแพลตฟอร์ม e-commerce ต่าง ๆ ได้ พร้อมเปิดตัว TrueMoney Transfer บริการโอนเงินข้ามประเทศแบบเรียลไทม์ครั้งแรกของไทย เพื่อช่วยแรงงานข้ามชาติส่งเงินกลับบ้านอย่างมั่นใจ ลดการพึ่งพาช่องทางนอกระบบ โดยเริ่มจากให้บริการแก่แรงงานเมียนมา และขยายให้บริการแก่แรงงานชาวกัมพูชาและเวียดนาม ในเวลาต่อมา ในปีเดียวกัน Ant International ได้เข้าลงทุนใน Ascend Money และ TrueMoney เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริการทางการเงินดิจิทัลของภูมิภาค

ปี 2560: ขยายสู่การสแกนจ่ายที่ร้านค้าออฟไลน์ TrueMoney เริ่มรองรับการจ่ายเงินที่หน้าร้าน และช่วยให้ร้านค้าท้องถิ่น ตลอดจนผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าสู่ระบบการเงินดิจิทัล

ปี 2561: ขยายช่องทางชำระเงินบน App Store/Google Playช่วยให้คนที่ไม่มีบัตรเครดิตสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ และสามารถใช้จ่ายบน Apple Store/Google Play เป็นครั้งแรก

ปี 2562: เริ่มให้บริการสินเชื่อผ่านแอป Ascend Money พัฒนาการใช้ AI และข้อมูลทางเลือกในการประเมินความเสี่ยง พร้อมปรับกระบวนการให้บริการแบบคิดใหม่ทำใหม่ด้วยการใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์บริการ Pay Next เพื่อช่วยผู้ที่ไม่ใช่พนักงานประจำ ไม่มีสลิปเงินเดือน สามารถเข้าแหล่งเงินทุนสำคัญเพื่อยกระดับชีวิตได้ ผ่านระบบดิจิทัลตลอดกระบวนการ ผู้ที่สนใจเพียงกดสมัครผ่านแอป TrueMoney ก็ทราบผลอนุมัติวงเงินเลยในห้านาที

ปี 2563: รวมบริการครบวงจร–ใช้จ่าย ออม ลงทุน และประกัน TrueMoney ก้าวสู่การเป็น Super App ที่ให้บริการแบบแอปเดียวจบเรื่องการเงิน ให้ทุกคนมีเครื่องมือจัดการชีวิตทางการเงินได้แบบครบวงจร

ปี 2564: ก้าวสู่ฟินเทคยูนิคอร์นรายแรกของไทย หลังระดมทุนกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Ascend Money มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และก้าวสู่การเป็นฟินเทคยูนิคอร์นรายแรกของไทย พร้อมให้บริการครอบคลุม 7 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไทย กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย)

ปี 2566: ยกระดับความปลอดภัยด้วย TrueMoney 3X Protection และเปิดบริการใช้จ่ายต่างแดน เปิดตัวระบบป้องกันการดูดเงิน 3 ชั้น ‘ตรวจ–จับ–หยุด’ ที่ทีมงานบริษัทฯ ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรด้านความปลอดภัยระดับโลกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานแพลตฟอร์ม พร้อมเปิดให้ผู้ใช้งาน สามารถใช้แอป TrueMoney ชำระเงินได้ในจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย และมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจไทยในการใช้จ่ายระหว่างประเทศ

ปี 2567: หนุนการออมเพื่อบำนาญ ผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ จับมือกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เปิดโอกาสให้แรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ นักเรียน นักศึกษา สามารถเปิดบัญชีออมเพื่อบำนาญผ่านแอป TrueMoney โดยสมาชิกที่ทำการออมอยู่แล้วเดิมก็สามารถใช้ทรูมันนี่ส่งเงินออมรายเดือนได้โดยสะดวก

ปี 2565-2567: ขยายบริการทางการเงิน Gold Saving, Micro Insurance และหุ้นกู้ตลาดรอง ขยายบริการทางการเงินเพื่อช่วยคนตัวเล็ก ช่วยให้ลูกค้าหลายล้านคนมีทางเลือกใหม่ในการลงทุนและสร้างหลักประกันในชีวิตได้โดยไม่ต้องใช้เงินเริ่มต้นเยอะ สะดวก และปลอดภัย

ปี 2567: ประกาศความร่วมมือระดับโลกกับ MUFG Ascend Money ได้รับการลงทุนจาก Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG) และกองทุน Finnoventure Private Equity Trust I มูลค่ารวม 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินในระดับภูมิภาคให้กว้างและลึกยิ่งขึ้น

ปี 2568: เปิดบริการ Carbon Credit Offset บนแอป TrueMoney ให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการชดเชยคาร์บอนเครดิตที่ซื้อได้ง่าย เริ่มต้นไม่ถึง 10 บาท พร้อมติดตามสถานะการชดเชยอย่างโปร่งใสผ่าน Blockchain Social Impact Highlights Large Digital Financial Ecosystem มีผู้ใช้บริการที่จดทะเบียนมากกว่า 34 ล้านคน และ 2 ใน 3 ใช้บริการของเราทุกเดือน โดยแพลตฟอร์ม TrueMoney รวบรวมหลากหลายบริการ และเชื่อมต่อพันธมิตรจากหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย (MSME) Digital Lending by Ascend Nano: มากกว่า 50% ของลูกค้าที่ได้รับสินเชื่อจาก แอสเซนด์ มันนี่ ไม่เคยได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่นมาก่อน แต่ได้รับความช่วยเหลือจากการพัฒนาระบบประเมินความเสี่ยงที่ใช้ข้อมูลทางเลือกที่รอบด้านมากขึ้นของเรา ทำให้บริษัทฯ สามารถให้สินเชื่อและส่งเสริมพฤติกรรมการใช้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible lending & borrowing practice) Micro Insurance by Ascend Insurance: ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อประกันผ่านแพลตฟอร์ม TrueMoney เป็นผู้ซื้อประกันครั้งแรก โดยมีการออกกรมธรรม์มากกว่า 1 ล้านกรมธรรม์ ในระยะเวลา 12 เดือน Carbon Offset via Blockchain: ลูกค้าใช้บริการซื้อหน่วยชดเชยคาร์บอนผ่านแอป TrueMoney มากกว่า 1,500 ตันภายใน 1 เดือนหลังเปิดตัว เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 100,000 ต้น

บทสรุปการสร้างบริการฟินเทคเพื่อสังคมที่ดี (Fintech for Good) Ascend Money เชื่อว่าฟินเทคไม่ควรเป็นแค่เทคโนโลยีทางการเงิน แต่ต้องเป็นระบบนิเวศที่มีความหมายสำหรับทุกคน ซึ่งก็คือระบบที่ให้คนตัวเล็กมีโอกาสในชีวิต มีเครื่องมือวางแผนอนาคต และคงความภูมิใจในตัวเองที่ได้เติบโตในทุกด้านของชีวิต

เราพร้อมเดินหน้าขยายบริการทางการเงินและแพลตฟอร์มแห่งโอกาสทางการเงินของเรา ผ่านการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และยกระดับความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้คนไทย

"สมาคมฟินเทคประเทศไทย" หรือ TFA องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม Fintech ของประเทศไทย ให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ นำโดย "คุณชลเดช เขมะรัตนา" นายกสมาคม ได้เปิดตัวหลักสูตร "Fintech Course: Unleashing Future of Finance" ที่จะทำให้การทำธุรกิจฟินเทคไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป 

พร้อมแล้วสำหรับหลักสูตรที่ผู้เริ่มต้นทำธุรกิจและผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจฟินเทค ที่จะเพิ่มทักษะและความรู้กับเหล่าวิทยากรด้านฟินเทคคุณภาพระดับประเทศ ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรง อาทิ "คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Founder & Group CEO, Bitkub Capital Group Holdings", "คุณพสุ ลิปตพัลลภ Director, Proud Real Estate", "คุณสุพันธ์วงศ์ วีรวรวิทย์ Director - Country Head of Global Payments Solutions, HSBC Thailand", "คุณปฐมชัย แตงน้อย  Assistant Managing Director, Kubix", "คุณ Derrick Loi General Manager for International Business, Digital Technologies, Ant Group", "คุณนัชชา เลิศหัตศิลป์ CEO, Carbonwize" เป็นต้น และยังได้แลกเปลี่ยน connection กับเหล่าคนที่สนใจฟินเทคไปด้วยกัน กับหลักสูตรคุณภาพ พร้อมปราบทุกปัญหาให้ธุรกิจฟินเทคได้เติบโตและยั่งยืน 

หลักสูตร "Fintech Course: Unleashing Future of Finance" มาพร้อมกับคอร์สฟินเทคสุดเข้มข้น ได้แก่

1.) Fintech Era,

2.) WealthTech,

3.) Cryptocurrency,

4.) Tokenization,

5.) Fintech in Real-estate,

6.) Global Cross Border Payments,

7.) Digital Banking,

8.) Startup Fundraising,

9.) Green Fintech,

10.) Fintech Regulations

และ 11.) AI in Fintech ครบจบทุกทักษะด้านฟินเทค ที่คนทำธุรกิจต้องรู้ 

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครมาร่วมเรียนในหลักสูตร TFA Fintech Course รุ่นที่ 1 นี้กันได้ ในราคาพิเศษรอบ Early Bird เพียง 35,000 บาท จากราคาเต็ม 50,000 บาท ถึงวันที่ 9 ส.ค. 2567 นี้เท่านั้น!! และพิเศษยิ่งกว่านั้นสำหรับ TFA Member ลดเหลือเพียง 45,000 บาท เริ่มเรียนทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18.00 - 21.00 น.ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. - 15 ธ.ค. 2567 ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมัครลงทะเบียนเรียนได้ที่ https://forms.gle/aZYAZoLB15vmdFaD8 รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร : 062-291-3599 และ 082-202-6577 หรือ Email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. ... แล้วมาร่วมไขกุญแจสำคัญ ทำธุรกิจฟินเทคแบบมืออาชีพไปด้วยกัน 

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด” (InnovestX Securities Co., Ltd.) ผนึกกำลังพันธมิตร “StockRadars”

ผนึกกำลังส่งเสริมความร่วมมือข้ามพรมแดน สนับสนุนการฟื้นฟู การเติบโตของภาค SME และการผนึกกำลังของรัฐบาล

ฟิลิปปินส์ ฟินเทค เฟสติวัล (Philippine FinTech Festival หรือ PFF) ซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกและจัดนานตลอดทั้งสัปดาห์ เช่นเดียวกับเวิลด์ ฟินเทค เฟสติวัล (World FinTech Festival หรือ WFF) ณ ฟิลิปปินส์ ได้ชูอาเซียนเป็นมหาอำนาจระดับโลกสำหรับนักนวัตกรรม งานนี้มีผู้นำจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกเข้าร่วมถึง 200 ราย โดยฟิลิปปินส์ ฟินเทค เฟสติวัล ได้เปิดฉากอาเซียน ฟินเทค มันธ์ (ASEAN FinTech Month) ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของงานสิงคโปร์ ฟินเทค เฟสติวัล (Singapore FinTech Festival) ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน งานนี้มีดิจิทัล พิลิพินาส (Digital Pilipinas) ซึ่งเป็นขบวนการภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดเพื่อยกระดับเทคโนโลยีของชาติ เป็นผู้ดำเนินการประชุมร่วมกับอีเลวานดี (Elevandi) องค์กรที่ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ก่อตั้งขึ้น เพื่อส่งเสริมการหารือระหว่างภาครัฐกับเอกชนสู่การยกระดับฟินเทค

คุณเดวิด อัลมีโรล (David Almirol) ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของฟิลิปปินส์ ให้คำมั่นกับผู้เข้าร่วมงานว่า "รัฐบาลคือพันธมิตรของคุณในการส่งเสริมความยั่งยืนของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล"

คุณซปเนนดู โมฮันตี (Sopnendu Mohanty) ประธานเจ้าหน้าที่ฟินเทคของธนาคารกลางสิงคโปร์ เปิดเผยว่า "การฟื้นฟู" คือหัวใจสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ "ธุรกิจขนาดเล็กที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลจำนวนมาก"

ความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีศักยภาพทางดิจิทัลสูงอย่างฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฮังการี อิสราเอล และญี่ปุ่น ได้ก่อให้เกิดความร่วมมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์ฝึกอบรมทางการค้าแห่งฟิลิปปินส์ในสังกัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมกับพร็อกซ์เทรา (Proxtera) ของธนาคารกลางสิงคโปร์ ไปจนถึงข้อตกลงระหว่างดิจิทัล พิลิพินาส กับโครงการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองทางดิจิทัล (Digitális Jólét) ของฮังการี แอฟฟินิดี (Affinidi) และสำนักงานบริการทางการเงินของอินโดนีเซีย

คุณเว่ย โจว (Wei Zhou) ซีอีโอของ Coins.ph กล่าวว่า "ฐานผู้ใช้ของ PFF ตลอดจนเงินทุนและโครงการต่าง ๆ จะช่วยผลักดัน" ความร่วมมือของอาเซียน

ฟิลิปปินส์ ฟินเทค เฟสติวัล มีผู้เข้าร่วมรวมกันกว่า 5,000 ราย โดยได้หารือเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสต่าง ๆ เกี่ยวกับความร่วมมือทางดิจิทัล บิ๊กดาต้าและปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีประกันภัย การเงินสีเขียว การเงินแบบเปิด NFT อีวอลเล็ต และสกุลเงินดิจิทัล ไปจนถึงเทคโนโลยีการศึกษา ความมั่งคั่ง การตลาด การเกษตร และอสังหาริมทรัพย์

ผู้มีส่วนร่วมในงานฟิลิปปินส์ ฟินเทค เฟสติวัล ประกอบด้วยผู้นำเสนอร่วมอย่าง Coins.ph และผู้ร่วมจัดงานอย่างอีติกา ฟิลิปปินส์ (Etiqa Philippines); อังคัส (Angkas); เพย์มองโก (Paymongo), ยูเนียนแบงก์แห่งฟิลิปปินส์ (UnionBank); ดิจิคูป (digiCOOP); แอนวานซ์ เอไอ (ADVANCE.AI); นินจาแวน ฟิลิปปินส์ (NinjaVan Philippines); เคพีเอ็มจี (KPMG) สาขาฟิลิปปินส์; ยูโน ดิจิทัล แบงก์ (UNO Digital Bank); ครีเอเดอร์ (Creador); โกลบ (Globe); พรูไลฟ์ ยูเค (PruLife UK); อะคิวบ์ ลอว์ (ACUBELAW); กอร์ริซตา แอฟริกา คอชัน แอนด์ ซาเวดรา (Gorriceta Africa Caution & Saavedra); บรังกาส (Brankas); จีแคช (GCash); ซีโอแอล ไฟแนนเชียล (COL Financial) และเซ็นดิต ฟิลิปปินส์ (Xendit Philippines) รวมถึงพันธมิตรรายอื่น ๆ ได้แก่ เทค เอ็กแซกลี (Tech Exactly); สตาร์ทอัพ วิลเลจ (StartUp Village); เบานซ์แบ็ค ฟิลิปปินส์ (Bounce Back Philippines); สมาคมฟินเทคฟิลิปปินส์ (Fintech Philippines Association); ฟินสกอร์ (FinScore); มหาวิทยาลัยมาปัว (Mapua University) และไกเซอร์มากลาง (GeiserMaclang)

ส่วนพันธมิตรภาคสื่อมวลชนประกอบด้วยกลุ่มบริษัทอินไควเรอร์ (Inquirer Group); อินไควเรอร์ โมไบล์ (Inquirer Mobile); อินไควเรอร์ ดอตเน็ต (Inquirer.Net); ฟิลิปปิน เดลีย์ อินไควเรอร์ (Phillipine Daily Inquirer); เดอะ ฟิลิปปิน สตาร์ (The

Phillipine Star); มะนิลา บูลเลติน (Manila Bulletin); ยูไนเต็ด นีออน (United Neon) คอยน์เวสตาซี (Coinvestasi) และคอยน์กีค (CoinGeek)

ผู้นำภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมต่างมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของอาเซียนในฐานะมหาอำนาจทางดิจิทัลระดับโลก

 

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click