

บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP นำโดย นายเอกราช นิโรจน์ (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด ผนึกความร่วมมือกับ 15 แบรนด์ชั้นนำ นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่หลากหลาย ภายใต้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตโดย SCGP ตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งาน ความปลอดภัย และความยั่งยืน มาร่วมจัดจำหน่ายในราคาพิเศษให้แก่พนักงานขององค์กรพันธมิตร เพื่อเพิ่มช่องทางการขายที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจของพันธมิตรทางการค้าให้เติบโตไปด้วยกันและช่วยส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (ENCO) และเตรียมขยายการจัดกิจกรรมต่อเนื่องไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของพันธมิตรที่สนใจ
SCB WEALTH สร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ดึงพันธมิตรเบอร์หนึ่งระดับโลกด้านการจัดการสินทรัพย์ จับมือ BlackRock พันธมิตรรายสำคัญที่จะหนุนให้ SCB WEALTH เป็นผู้นำอันดับหนึ่งธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในไทย พร้อมนำพาลูกค้ามุ่งสู่การลงทุนในต่างประเทศ เจาะนวัตกรรมการลงทุนใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูง เพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดี ในยุคเศรษฐกิจและการลงทุนที่มีความผันผวนเปลี่ยนแปลงเร็ว พร้อมร่วมมือกันเจาะลึกทุกมิติของการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า เข้าถึงบทวิเคราะห์และข้อมูลการลงทุนเชิงลึกใหม่ๆ ร่วมให้คำปรึกษาและแชร์ประสบการณ์ มาเสริมประสิทธิภาพการให้คำแนะนำการลงทุน ที่แม่นยำและรวดเร็วตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น จัดทำโปรแกรมฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพ RM ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ทำแผนการตลาดร่วมกันแบบ Co – Brand เพื่อสนับสนุน SCB WEALTH เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าทุกด้านของการลงทุน มีสินทรัพย์ลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย 180,000 ล้านบาท ในปี 2569
นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB WEALTH เป็นหน่วยธุรกิจที่สำคัญของธนาคาร มีเป้าหมายในการขึ้นเป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่งในประเทศไทย ในปี 2569 เพื่อยกระดับการให้บริการในธุรกิจเวลธ์ดีที่สุดในทุกมิติ มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล หนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะนำพาให้บรรลุเป้าหมายนี้คือการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกและมีแนวคิดในการทำงานที่สอดคล้องกัน เพื่อคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและนักลงทุนไทยในการสร้างอนาคตทางการเงินให้แข็งแกร่ง มีสินทรัพย์เพียงพอต่อการดำรงชีวิตวัยเกษียณ
พันธกิจที่สำคัญนี้ธนาคารเห็นว่า BlackRock ผู้นำเบอร์หนึ่งด้านการจัดการสินทรัพย์ระดับโลก มีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจบริหารความมั่งคั่งไปในทิศทางเดียวกับ SCB WEALTH ที่ให้ความสำคัญด้านการวางแผนการลงทุนเพื่อเป้าหมายในระยะยาว โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เปิดโอกาสให้ SCB WEALTH เข้าถึงข้อมูลการลงทุนในเชิงลึกและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เฉพาะลูกค้าธนาคารเท่านั้น ซึ่งตอบโจทย์แนวทางการทำงานของธนาคารในเชิงกลยุทธ์การบริหารความมั่งคั่ง จึงทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่าง SCB WEALTH และ BlackRock ได้จับมือกันสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ให้กับธุรกิจบริษัทความมั่งคั่งในไทยเพื่อนำพานักลงทุนไทยมุ่งสู่การลงทุนระดับโลก
BlackRock เป็นผู้นำเบอร์หนึ่งธุรกิจการจัดการสินทรัพย์ระดับโลก ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า11.6 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2567) มีสินทรัพย์ลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกตลาดทั่วโลก มีสถาบันวิจัย BlackRock Investment Institute ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจสร้างพอร์ตการลงทุนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการขับเคลื่อนการลงทุนในตลาดการเงิน ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการสร้างความยิ่งใหญ่ครั้งใหม่ที่ 2 ยักษ์ในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งชั้นนำของไทย และผู้นำด้านการลงทุนและบริหารความเสี่ยงอย่าง BlackRock มาร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจเวลธ์ในไทย เพื่อมอบโซลูชันการลงทุนที่ตอบโจทย์และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวให้กับนักลงทุนไทย
ความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายร่วมกันในการเจาะลึกทุกมิติของการลงทุนแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ภายใต้แนวคิด Your Success. Our Success. ช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว โดย SCB WEALTH และ BlackRock จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเข้าถึงข้อมูลการลงทุนในเชิงลึก จัดทำบทวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้น จัดตั้งทีมงานในการค้นหากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมให้กับนักลงทุนไทย เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยจะร่วมกันพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีมาตรฐานระดับสากลให้เฉพาะลูกค้า SCB WEALTH เท่านั้น นอกจากนี้ BlackRockจะร่วมกับ SCB Wealth Academyในการพัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมสำหรับที่ปรึกษาการเงิน (RM) เพื่อเพิ่มองค์ความรู้ด้านการลงทุน เข้าใจผลิตภัณฑ์การลงทุนอย่างลึกซึ้งและการให้บริการลูกค้าเพื่อยกระดับให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล พร้อมร่วมให้คำปรึกษาและแชร์ประสบการณ์ มาเสริมประสิทธิภาพการให้คำแนะนำการลงทุน ที่แม่นยำและรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง และร่วมทำการตลาดแบบ Co-brand เพื่อยกระดับการให้บริการด้านการลงทุนแก่ลูกค้าทั่วประเทศ
นายแอนดรู แลนด์แมน รองประธานภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิค และประธานด้านการบริหารความมั่งคั่ง เอเชีย แปซิฟิค เปิดเผยว่า การร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผสมผสานองค์ความรู้ในการลงทุนและบริการต่าง ๆ จาก BlackRock เข้ากับความเชี่ยวชาญของธนาคารในการบริหารความมั่งคั่งและความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงโจทย์ความต้องการของนักลงทุนไทย เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำเสนอโอกาสในการลงทุนระดับโลกที่มีความหลากหลายให้กับนักลงทุนทั้งกลุ่ม High Net Worth และ กลุ่ม Mass Affluent ในประเทศไทยเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว
จากข้อมูล Statista Market Forecast ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่า ในปี 2568 มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร เพิ่มขึ้นเป็น 86.74 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐและเพิ่มเป็น 88.49 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในปี 2572 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น ส่งผลให้กลุ่มบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWIs) ในประเทศไทยขยายตัวมากขึ้น และต้องการโซลูชันการลงทุนที่มีความซับซ้อนมากขึ้นตามโลกที่เปลี่ยนแปลง เช่น การลงทุนแบบ Multi-Asset ในการกระจายสินทรัพย์ลงทุนที่มีความหลากหลาย เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต และโอกาสทำกำไรในระยะยาว ซึ่งจะพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อลูกค้า SCB WEALTH เท่านั้น โดยพอร์ตโฟลิโอนี้จะบริหารโดยทีมบริหารพอร์ตโฟลิโอเฉพาะทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแบบ Multi-Asset กว่า 500 คนทั่วโลก จะบริหารจัดการด้วยมุมมองการลงทุนระยะยาวควบคู่ข้อมูลการวิจัยการลงทุนในเชิงลึก เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้น และเข้าใจถึงประโยชน์ที่แท้จริงของการลงทุนแบบ Multi-Asset
นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้จะช่วยสนับสนุน SCB WEALTH ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มสินทรัพย์ลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 180,000 ล้านบาท ในปี 2569 จากการเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า และต้องการให้ลูกค้าเข้าถึงโซลูชั่นการลงทุนระดับโลกมากขึ้น ได้สัมผัสนวัตกรรมการลงทุนใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ตลาดมีความผันผวน และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว BlackRock จะร่วมมือกับ SCB WEALTH ในฐานะผู้ให้คำแนะนำในการลุงทนเพื่อออกแบบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เฉพาะลูกค้า SCB WEALTH เท่านั้น รวมไปถึงการนำเสนอข้อมูลบทวิเคราะห์การลงทุนในเชิงลึก เพื่อให้ลูกค้ามีข้อมูลเพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุน และ BlackRock จะนำประสบการณ์มาร่วมจัดอบรมพัฒนาศักยภาพที่ปรึกษาทางการเงิน ให้เข้าใจผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายเชิงลึกมากขึ้น เพื่อสามารถส่งผ่านความเข้าใจถึงลูกค้า ผนวกกับการให้บริการที่ดีแบบมืออาชีพเทียบเท่าระดับสากล เพื่อสนับสนุนให้ SCB WEALTH เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าในทุก ๆ ด้านของการลงทุน และมีสินทรัพย์ลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
สุขภัณฑ์ COTTO ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นำทีมโดย นายธนา รัตนเกษตรสิน นายณัชพล อินทร์กลิ่น นายวิโรจน์ งามภูพันธ์ และนางสาวณัฏฐิกา วงค์จันเสือ บริษัท สยามซานิทารีแวร์อินดัสทรี จำกัด ซึ่งเป็นผลงานประกวดประเภทที่ 2 ผลงานประเภทการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency) ผลงานที่มีการออกแบบที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเปลี่ยนจากขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทรงพลัง การนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) รวมถึงผลงานออกแบบที่ช่วยในการลดปริมาณขยะ (Reduce Waste) การคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อลดขยะ อันจะเป็นการสร้างหนทางที่จะนำวัสดุเหลือใช้และกลับมาใช้อีกครั้ง เป็นนวัตกรรมการเพิ่มมูลค่าและการใช้ประโยชน์จากเศษเหลือทิ้ง (Upcycling) เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการคำนวณคาร์บอนฟุตปริ้นท์ (Carbon footprint)
พิธีมอบรางวัล Thailand Green Design Awards 2025 สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดประกวดผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Thailand Green Design Awards 2025 ในงานเกษตรแฟร์ ประจำปี 2568 โดยมุ่งเน้นความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตผลิตภัณฑ์อย่างเป็นระบบ เน้นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับปัญหาขยะที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการออกแบบและพัฒนาผลงานที่ยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตภายใต้สภาวการณ์ปัจจุบัน การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพ และการสร้างสังคมที่ยั่งยืนด้วยการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน และปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ และมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องการเผยแพร่เอกลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว (KU Green Campus) ซึ่งแบ่งออกเป็นการมอบรางวัลผลงานประเภทประหยัดพลังงาน (Energy Saving) รางวัลผลงานประเภทการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Resource Efficiency) รางวัลผลงานประเภทที่ช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิต (Life Enhancement) รางวัล TGDA Student Design Awards 2025 รางวัล ODS (Object of Desire Store) และรางวัลเกียรติยศ Honorary Awards
เอสซีจี ร่วมกับ Marasca Samui รีสอร์ทระดับ casual-luxury ตั้งอยู่บนชายหาดเฉวง สร้างบรรทัดฐานใหม่ในการให้กับประสบการณ์พักผ่อนที่หรูหราและใส่ใจความยั่งยืน ด้วยการเป็นโรงแรมแห่งแรกในอาเซียนที่ได้รับ Fitwel Design Certification ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลด้านสุขภาวะอาคารที่ก่อตั้งโดย Center for Active Design และ กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐอเมริกา (HHS) การได้รับการรับรองนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Marasca Samui ในการดำเนินธุรกิจโรงแรมที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ โรงแรมยังอยู่ระหว่างกระบวนการขอรับ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลด้านอาคารเขียว เพื่อยืนยันถึงแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโรงแรม โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนด้านที่ปรึกษาจาก SCG Building and Living Care Consulting
"Marasca Samui ไม่ได้เน้นเพียงประสบการณ์พักผ่อนสุดพิเศษริมชายหาดเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับแขกผู้เข้าพัก" อเล็กซ์ มากาตอน ผู้จัดการทั่วไปของ Marasca Samui กล่าว "การได้รับการรับรอง Fitwel และการเดินหน้าสู่การ
รับรอง LEED เราต้องการแสดงให้เห็นว่า ความหรูหราและความยั่งยืนสามารถไปด้วยกันได้เราขอเชิญทุกท่านมาร่วมเดินทางไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาวะที่ดีร่วมกัน"
ด้วยการคำนึงถึงสุขภาวะที่ดีของทุกคนที่เข้ามาในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นแขกที่มาเข้าพักและพนักงานซึ่งถือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในองค์กร Marasca Samui ได้ดำเนินการตามตามมาตรฐาน FITWEL ประเภท Commercial Site จาก Center for Active Design ในระดับ 1 ดาว โดยคำนึงถึงเรื่องต่างๆได้แก่
Prime Location with Accessibility
ตำแหน่งที่ตั้งที่ใกล้กับแหล่งขนส่งสาธารณะและแวดล้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดชุมชน ร้านสะดวกซื้อต่างๆ สวนสาธารณะสำหรับพักผ่อน หย่อนใจ
Eco-Conscious Design
การออกแบบอาคารเพื่อการสร้างสุขภาวะที่ดีและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐาน LEED เช่น
Inclusive and Employee-Friendly Policies
Marasca Samui สนับสนุนพนักงานและชุมชนโดยรอบผ่านโครงการต่างๆ ดังต่อไปนี้:
Community Engagement & Cultural Integration
Marasca Samui ภูมิใจในการส่งเสริมกิจกรรมชุมชนเพื่อสุขภาพผ่านโครงการต่างๆ หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นคือ “Canteen Project” ที่เปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักได้ร่วมปรุงและลิ้มลองเมนูไทยดั้งเดิม เช่น ข้าวยำ และ ส้มตำ โดยใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณค่าทางโภชนาการจากแหล่งผลิตในท้องถิ่น โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้แขกได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านอาหารแต่ยังส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม โดยแขกจะได้ร่วมมือกับพนักงานในการปรุงอาหาร และนำไปแบ่งปันกับชุมชนในพื้นที่
นอกจากนี้ Marasca Samui ยังผสานงานฝีมือภูมิปัญญาชาวบ้านเข้ากับประสบการณ์การเข้าพัก โดยมีสิ่งทอจากกระจูด จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น กระเป๋าสานและหมวก ภายในห้องพักเพื่อให้แขกได้สัมผัสเสน่ห์ของหัตถกรรมไทย อีกทั้งแขกผู้เข้าพักยังจะได้รับตะกร้ารวมขนมจากท้องถิ่นให้ได้ลิ้มลองรสชาติอันดั้งเดิมและเป็นการสนับสนุนธุรกิจชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย
Health-Focused Building Operations
ในส่วนของการบริหารจัดการอาคาร ก็มีมาตรการที่คำนึงถึงสุขภาวะที่ดี เช่น
ในฐานะส่วนหนึ่งของ Narai Hospitality Group โรงแรม Marasca Samui มีความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานด้านการบริการที่ยั่งยืนและส่งเสริมสุขภาวะที่ดีในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยผสานความหรูหราเข้ากับแนวคิดความยั่งยืน เพื่อประสบการณ์การพักผ่อนที่เหนือระดับควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบต่อธรรมชาติ
ด้วยความมุ่งมั่นต่อแนวปฏิบัติด้านอาคารเขียว การสร้างสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับชุมชน, Marasca Samui ต้องการที่จะแบบอย่างของอนาคตแห่งประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบที่ผสมผสานความสะดวกสบายและความยั่งยืนเข้าด้วยกัน