ในปีที่ผ่านมา ผู้บริหารทั่วโลกต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain disruption) และการขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถ ฯลฯ แม้จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เหล่านี้ แต่ ผู้บริหารระดับ CxO ยังให้ความสำคัญกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับต้นๆ ในองค์กรของตน

ถึงแม้ว่า CxO ส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสำรวจ มีวิสัยทัศน์เป็นไปในทางเดียวกันว่าเศรษฐกิจทั่วโลกสมารถเติบโตได้เป็นอย่างดี และในขณะเดียวกันก็สามารถบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ แต่การดำเนินการและผลจากการดำเนินการไม่เชื่อมโยงกัน เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ยังคงล่าช้าในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จะปลูกฝังแนวคิดความยั่งยืนในการวางกลยุทธ์ การดำเนินงาน และวัฒนธรรมขององค์กร

เมื่อให้จัดอันดับประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดสำหรับองค์กรของพวกเขา CxO หลายคนจัดอันดับให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่ในกลุ่ม “สามอันดับแรก”

• การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังถูกจัดว่ามีความสำคัญในอันดับต้น ๆ เมื่อพิจารณาร่วมกับประเด็นอื่นอีกเจ็ดประเด็น ซึ่งได้แก่ นวัตกรรม การแข่งขันเพื่อหาบุคลากรที่มีความสามารถ และความท้าทายในห่วงโซ่อุปทาน ในความเป็นจริงมีเพียงประเด็นด้านแนวโน้มเศรษฐกิจเท่านั้นได้รับการจัดอันดับสูงกว่าประเด็นที่กล่าวมาเล็กน้อย

• ผู้บริหารระดับ CxO 61% กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์และการดำเนินงานขององค์กรในอีก 3 ปีข้างหน้าในระดับสูงหรือสูงมาก

• 75% กล่าวว่าองค์กรของพวกเขาได้เพิ่มการลงทุนด้านความยั่งยืนในปีที่ผ่านมา โดยเกือบ 20% ของกลุ่มนี้ ให้ข้อมูลว่า พวกเขาได้เพิ่มการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ

CxO มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังมีความเห็นในทางที่ดีในเรื่องการดำเนินการจัดการด้านสภาพอากาศ

• 62% กล่าวว่าพวกเขามีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดเวลาหรือเกือบตลอดเวลา

• ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมดระบุว่าบริษัทของตนได้รับผลกระทบเชิงลบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว และ 82% ของ CxO ได้รับผลกระทบโดยตรงกับตนเอง

• อย่างไรก็ตาม 78% มองในแง่ดีอยู่บ้างหรือมองในแง่ดีอย่างมากว่าจะมีการดำเนินการที่เพียงพอที่จะทำให้โลกสามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัทต่าง ๆ รู้สึกกดดันอย่างมากที่จะต้องดำเนินการกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่คณะกรรมการ/ฝ่ายบริหาร ลูกค้า ไปจนถึงกลุ่มพนักงาน

• มากกว่าครึ่งหนึ่งของ CxO กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของพนักงานในการผลักดันประเด็นสภาพอากาศทำให้องค์กรของตนเพิ่มการดำเนินการด้านความยั่งยืนในปีที่ผ่านมา โดย 24% ของกลุ่มนี้ กล่าวว่ากิจกรรมดังกล่าวว่าสิ่งนี้นำไปสู่การเพิ่มการดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญ

• กฎระเบียบยังมีส่วนผลักดัน: 65% ของ CxO กล่าวว่า กฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้องค์กรของตนเพิ่มการดำเนินการด้านสภาพอากาศในช่วงปีที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทต่างๆ มีการดำเนินการในด้านนี้ แต่ยังไม่ใช่การดำเนินการที่แสดงถึงการปลูกฝังการคำนึงถึงด้านสภาพอากาศไว้ในวัฒนธรรมองค์กร และการมีผู้นำอาวุโสที่มองเห็นความสำคัญและผลักดันสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย

• ตัวอย่างเช่น 21% ของ CxO ระบุว่าองค์กรของตนไม่มีแผนในการกำหนดค่าตอบแทนจากการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้ผู้นำระดับสูง และ 30% กล่าวว่าพวกเขาไม่มีแผนที่จะชักชวนให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการด้านสภาพอากาศ

• นอกจากนี้ เมื่อถามเกี่ยวกับความจริงจังในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีเพียง 29% ของ CxO ที่กล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าภาคเอกชน "จริงจังมาก"

• และมีเพียง 46% เท่านั้นที่กล่าวว่าการสร้างความเชื่อมั่นใน “การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม”* นั้น “มีความสำคัญอย่างยิ่ง” ในองค์กรของตน และมุมมองด้านความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้แตกต่างกันอย่างมากในแต่ละภูมิภาคและประเทศ

รายงานของดีลอยท์สำรวจเพิ่มเติมในเรื่อง ความต้องการและเป้าหมาย การลงมือปฏิบัติ และผลกระทบ ที่ไม่สอดคล้องกัน ตลอดจนขั้นตอนที่ CxO สามารถดำเนินการให้แต่ละส่วนสอดคล้องกันและเร่งให้เกิดดำเนินการไปสู่การเปลี่ยนแปลงสู่เศรษฐกิจสีเขียว

*การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าผลประโยชน์มากมายจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวจะได้รับการแบ่งปันอย่างกว้างขวาง ในขณะเดียวกันก็ยังสนับสนุนผู้ที่ต้องสูญเสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นระดับประเทศ ภูมิภาค อุตสาหกรรม ชุมชน คนงาน หรือผู้บริโภค

จากผลรายงานการศึกษาการเติบโตของธนาคารดิจิทัลทั่วโลกครั้งที่ 5 ร่วมกับ 40 ประเทศผู้นำ เพื่อเตรียมก้าวสู่ยุคใหม่แห่งโลกดิจิทัลและธนาคารเสมือนจริง

ดีลอยท์ ประเทศไทย เผยรายงานผลการสำรวจ Thailand ESG and Sustainability Survey Report 2022

องค์กรหลายแห่งให้ความสำคัญกับการยอมรับความหลากหลายทางเพศ (LGBT+ inclusion) ซึ่งเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในที่ทำงาน ตามความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 80% จากรายงานฉบับล่าสุดของดีลอยท์ “LGBT+ Inclusion @ Work: A Global Outlook” ที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อเร็วๆนี้ ผลการสำรวจระบุว่า พนักงานในกลุ่ม LGBT+ มากกว่า 70% มีแนวโน้มที่จะทำงานร่วมกับนายจ้างปัจจุบันเนื่องจากมีนโยบายกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และผู้ตอบแบบสำรวจหลายคนกล่าวถึงการสนับสนุนความเท่าเทียมที่ชัดเจนและกลุ่ม Employee Resource Groups (ERGs) เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมที่ให้กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ อย่างไรก็ตามแม้จะมีการดำเนินการสนับสนุนต่างๆ 42 % ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดรายงานว่ายังประสบกับพฤติกรรมเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน

 

Deloitte Center for Sustainable Progress (DCSP) ได้เผยแพร่รายงานฉบับใหม่ในการประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum)    โดยรายงานดังกล่าวระบุว่าหากปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้รับการแก้ไข เศรษฐกิจโลกอาจได้รับความเสียหาย   คิดเป็นมูลค่าถึง 178 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในอีก 50 ปีข้างหน้า หรือในปี 2070   เพียงแค่ปีเดียว ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกจะลดลงถึง 7.6% หากภาวะโลกร้อนในช่วงปลายศตวรรษมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีกประมาณ 3 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตของมนุษย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่อ่อนแอที่สุดเป็นวงกว้าง และนำไปสู่การสูญเสียผลผลิตแรงงานและการจ้างงาน การขาดแคลนอาหารและน้ำ สุขภาพและความเป็นอยู่แย่ลง และลดระดับมาตรฐานการครองชีพโดยรวมทั่วโลก

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click