เอสซีจี ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เปิดโรงงานเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน ให้ผู้ประกอบการ SMEs จากจังหวัดระยอง และจังหวัดจันทบุรีกว่า 50 คน ในโครงการ “Go Together เติบโตด้วยกัน สู่โลกยั่งยืน” ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง พร้อมและเปลี่ยนความคิดเห็นและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด เพื่อยกระดับขีดความสามารถให้พร้อมต่อการแข่งขันและเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำเพื่อรับมือกับภาวะโลกเดือด โดยได้รับเกียรติจากนายอนุพงศ์ ถาวรวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดจันทบุรี และนายพิชิต ธีรชัยไพศาล รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง เข้าร่วมเยี่ยมชมกิจการ โดยมีนายศาณิต เกษสุวรรณ ที่ปรึกษา สำนักงานการบริหารความยั่งยืน เอสซีจี และนายนิพัทธ์ ล้ำเลิศลักษณชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็มเอฟซี จำกัด ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC พร้อมด้วยคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ ณ นิคมอุตสาหกรรม อาร์ไอแอล จ. ระยอง
ผู้ประกอบการได้สัมผัสเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรมเพื่อพลังงานสะอาด และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ SCGC ตามแนวทาง Inclusive Green Growth ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ
โครงการ Go Together จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ประกอบการจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมศึกษากระบวนการบริหารจัดการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกันของอุตสาหกรรมไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากสมาคมธนาคารไทย ช่วยผลักดันเงินทุนสนับสนุน Green Finance ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในภาพรวม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน
เป็นเวลากว่า 1 ปีที่ SCGD เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการตามพันธกิจเป็นผู้นำวัสดุปิดผิวและสุขภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง แม้ปีนี้จะเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติที่ท้าทาย แต่บริษัทยังมุ่งมั่นเดินหน้าตามกลยุทธ์ดำเนินงาน เตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อสถานการณ์ตลาดฟื้นตัว ส่งผลให้บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง มีการเติบโตที่สำคัญใน 6 ด้านหลัก ได้แก่
บริษัทเร่งลงทุนในโครงการลดต้นทุนโดยการใช้เชื้อเพลิงทดแทน และพลังงานหมุนเวียน ส่งผลให้สามารถใช้พลังงานชีวมวลประมาณ 19% และพลังงานจากโซลาร์เซลล์ประมาณ 10% ในการผลิตทั้งหมด โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทั้งสองประเภทให้ถึง 46% และ 15% ภายในปี 2573 ตามลำดับ
บริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่อการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น เช่น กระเบื้องเกรซพอร์ซเลน X-Strong ที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก และวัสดุตกแต่งพื้นผิว Paws & Play ลดอาการข้อเสื่อมของสัตว์เลี้ยง และทนต่อรอยขีดข่วนรวมถึงสุขภัณฑ์อัตโนมัติ (Smart toilet) นอกจากนี้ SCGD ได้ปรับปรุงไลน์การผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลน ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงทั้งในไทยและเวียดนาม เพราะมีคุณสมบัติที่แข็งแรง สวยงาม อีกทั้งเปิดไลน์ผลิตวัสดุตกแต่งพื้นผิว SPC LT by COTTO ในไทย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ใช้งานได้สะดวกสบายขึ้นด้วยคุณสมบัติการติดตั้งง่าย และทนทาน
บริษัทขยายตัวแทนจำหน่ายสุขภัณฑ์ในแต่ละประเทศกว่า 170 รายทั่วอาเซียนในปีนี้ อีกทั้งร่วมปรับหน้าร้านโชว์รูมของตัวแทนจำหน่ายให้สอดคล้องกับแบรนด์ของสินค้าทุกระดับ ส่งผลให้ยอดขายการส่งออกสุขภัณฑ์ไปยังอาเซียนเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะกว่า 500 ล้านบาท
SCGD ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาดและเข้าใจความต้องการลูกค้ามากขึ้น โดยในประเทศไทยได้เปิดร้าน COTTO LiFE สาขาดอนเมืองซึ่งเป็นแฟลกชิปโชว์รูม พร้อมบริการครบวงจร ส่วนในต่างประเทศ ได้เพิ่มร้าน CTM ในฟิลิปปินส์กว่า 4 สาขา รวมทั้งเปิดร้านค้าของบริษัทแห่งแรกในประเทศเวียดนามและประเทศกัมพูชาชื่อ V-Ceramic และ OK Tiles Outlet ตามลำดับ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดวัสดุก่อสร้าง และการตกแต่งบ้านที่กำลังขยายตัว
SCGD ได้รับรางวัลมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สะท้อนผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค เช่น รางวัล “2024 THAILAND’S MOST ADMIRED BRAND” จาก BrandAge ในโอกาสที่ COTTO ได้รับรางวัลติดต่อกันเป็นปีที่ 13 รางวัลแบรนด์วัสดุปิดผิวและสุขภัณฑ์ชั้นนำ "Marketeer Number 1 Brand Thailand" รางวัลชนะเลิศ กระเบื้อง COTTO รักษ์โลกรุ่น ECO-SHIZZO ในเวที TGDA 2024 และรางวัลวัสดุก่อสร้างเพื่อสัตว์เลี้ยงดีเด่นจากบ้านและสวน รวมถึงรางวัลระดับภูมิภาคอย่าง "ASIA's Top Influential Brands Awards 2023" สุดยอดแบรนด์ระดับเอเชีย ที่ครองใจผู้บริโภคในอุตสาหกรรมและ "Asia Excellent Brand Awards 2024" ในประเทศเวียดนาม
ช่วงเดือนธันวาคม SCGD ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็นหนึ่งใน "หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings" ระดับ A กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Propcon) และ "ดัชนี SETESG" ประจำปี 2567 สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืนและการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ลงทุน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นรักษาพัฒนานวัตกรรมสินค้า โซลูชัน ตอบเทรนด์โลกเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแผนงานระยะยาว (ปี 2025-2030) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน และลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้เป็น 2 เท่า ตามเป้าที่ตั้งไว้ภายในปี 2030
เอสซีจี ร่วมแบ่งปันหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในงาน “Vietnam Circular Economy Forum 2024” จัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม และพันธมิตรองค์กรชั้นนำทั้งเวียดนามและไทย เพื่อนำแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนแห่งชาติเวียดนาม ซึ่งกำลังจะได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีของเวียดนามไปปฏิบัติจริง หลังภาครัฐ เอกชน องค์กรไม่แสวงผลกำไร สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมทั้งเอสซีจี ร่วมผลักดันแผนดังกล่าวมากว่า 3 ปี
นายชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน เอสซีจี เผยในงานดังกล่าวว่า “แนวคิดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน ESG (Environmental, Social, Governance) เพื่อสร้าง Inclusive Green Growth ของเอสซีจี เราจึงร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม และอีกหลายภาคส่วน จัดงาน “Vietnam Circular Economy Forum 2024” ขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 เพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สำหรับปีนี้ที่เวียดนามได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนแห่งชาติขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ เอสซีจีในฐานะองค์กรที่ส่งเสริม ESG และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่านการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า นำทรัพยากรใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงมุ่งมั่นร่วมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนนี้ทั้งในเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน หรือภูมิภาคอื่น ๆ ที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ อย่างเช่นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เอสซีจีได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชน จัดงาน “ESG SYMPOSIUM 2024 INDONESIA: INCLUSIVE GREEN GROWTH FOR GOLDEN INDONESIA” ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสร้างความร่วมมือผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน”