ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ดึงจุดแข็งด้านสินเชื่อรถยนต์ ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งด้านประกันภัยและแพลตฟอร์ม “Roddonjai” ส่งมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์เอสเอ็มอีทุกเรื่องรถยนต์สำหรับธุรกิจแบบครบวงจร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน ลดความเสี่ยงให้ธุรกิจ พร้อมเสริมศักยภาพให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเติบโตได้ไม่มีสะดุด
นางสาวสุกัญญา ตรีเสน่ห์จิต รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทีทีบีดำเนินธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) เพื่อสานต่อพันธกิจในการมุ่งสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้ลูกค้าธุรกิจ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าเอสเอ็มอี ผนวกกับศักยภาพการเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อรถยนต์ของทางธนาคาร จึงได้พัฒนาโซลูชันรถยนต์เพื่อธุรกิจแบบครบวงจรสำหรับเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ เพราะธนาคารมีความเข้าใจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นอย่างดีว่าการมีรถยนต์ที่พร้อมในการขนส่งและจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วทันต่อความต้องการ พร้อมทั้งสามารถประหยัดต้นทุนได้ คือหนึ่งในปัจจัยที่สนับสนุนให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ การตอบโจทย์ความต้องการรถยนต์ที่หลากหลายของเอสเอ็มอี ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหรือลดจำนวนรถยนต์ให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและค่าบำรุงซ่อมแซมรถยนต์ได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการในยุคนี้ต้องการ
ทีทีบี จึงนำจุดแข็งในฐานะเป็นผู้นำด้านสินเชื่อรถยนต์ และบัตรเครดิตน้ำมันธุรกิจ ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งด้านประกันภัย และแพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์ “Roddonjai” ให้สามารถรองรับความต้องการของผู้ประกอบการในทุก ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับรถยนต์ได้อย่างครบวงจร ในทุกความต้องการของธุรกิจ
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อรถเพิ่ม หรือเปลี่ยนรถใหม่ แต่ไม่ต้องการใช้เงินสดในธุรกิจมาลงทุน ผู้ประกอบการสามารถขอสินเชื่อรถยนต์เพื่อธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอี ซึ่งได้รับอนุมัติเร็วภายใน 3 วัน โดยไม่ต้องมีหลักประกันเพิ่ม สามารถสมัครเพียงครั้งเดียว และทยอยออกรถยนต์ภายใต้วงเงินที่ได้รับ ภายในระยะเวลาสูงสุด 12 เดือน พร้อมรับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษและคงที่ตลอดอายุสัญญา
แต่หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดความเสี่ยงให้กับรถที่มีอยู่เดิม ทางทีทีบีมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้จาก 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ กลุ่มแรก กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ได้แก่ บัตรเครดิตน้ำมัน ทีทีบี (ttb fleet card) และ บัตรเงินสดเติมน้ำมัน ทีทีบี (ttb pre-paid fleet card) สำหรับควบคุมค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมัน รวมถึงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และล้างอัดฉีด ตามสถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระด้านต้นทุนเอกสารเบิกจ่ายเงินสดให้เจ้าหน้าที่การเงิน เพราะพนักงานขับรถไม่ต้องพกเงินสด และเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือได้แบบเรียลไทม์ผ่านระบบ Web Fleet Service กลุ่มที่สอง กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อลดความเสี่ยง ได้แก่ ประกันรถยนต์แบบกลุ่ม (Motor insurance) และประกันภัยอะไหล่ (ttb motor warranty) เพื่อลดความเสี่ยงค่าซ่อมบานปลายให้กับรถยนต์ที่มีอยู่ พร้อมประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยกว่า 10% และรับส่วนลดเพิ่มอีกในปีต่ออายุประกันภัย เมื่อไม่มีประวัติเคลมรถยนต์
นอกจากนั้นผู้ประกอบการที่ต้องการขายรถคันเก่า หรือเทรดรถคันใหม่ ทีทีบี ยังมีแพลตฟอร์ม Roddonjai เว็บไซต์กลางสำหรับซื้อ-ขายรถมือสองที่จะสร้างความมั่นใจทั้งเรื่องคุณภาพรถและราคากับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ช่วยให้ผู้ประกอบการปิดการขายรถคันเก่าได้ง่ายขึ้น
ทีทีบี มีความมุ่งมั่นในการเป็นเป็นพันธมิตรของเอสเอ็มอี ที่พร้อมดูแลให้คำปรึกษาแบบองค์รวม ตั้งแต่การให้คำแนะนำเรื่องผลิตภัณฑ์ บริการ และดิจิทัลโซลูชันต่าง ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่อง ซื้อ ขาย รับ จ่าย ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบทความให้ความรู้และสัมมนาที่มีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัว และสามารถขับเคลื่อนธุรกิจในทุกสถานการณ์ พร้อมก้าวผ่านความท้าทายต่าง ๆ ให้ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืน
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ ttb automotive solutions สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจของท่าน (หากท่านเป็นลูกค้าธุรกิจของทีทีบี) หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต โทร. 0 2643 7000 วันจันทร์ถึงวันเสาร์ 08:00 20:00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดธนาคาร
ปัจจุบันกระแส ESG กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ธุรกิจยุคใหม่จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวทางนี้ โดยหลังจากประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ซึ่งจะส่งผลต่อนโยบายและกลยุทธ์ต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมไปถึงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐด้วย
สำหรับ SME ที่ต้องการคว้าโอกาสทางธุรกิจกับภาครัฐที่มีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างสูงถึง 12% ของ GDP ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และ 30% ของ GDP ในประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และด้วยภาครัฐกำลังให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) นำมาสู่แนวทางการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐอย่างยั่งยืน finbiz by ttb จึงขอแนะโอกาสสำหรับ SME ที่มีความรับผิดชอบ โปร่งใส และยั่งยืนตามแนวคิด ESG เพื่อให้สามารถกุมความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจบนเวทีภาครัฐเอาไว้ได้
ทำไม ESG ถึงสำคัญสำหรับ SME
จากปัจจัยดังกล่าว SME ที่มีความรับผิดชอบ โปร่งใส และยั่งยืนตามแนวคิด ESG จึงมีความได้เปรียบบนเวทีการค้ากับภาครัฐ ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างยั่งยืน
สำหรับการดำเนินการด้าน ESG สำหรับ SME แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม (E : Environment)
ลดการใช้พลังงาน จัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ และสนับสนุนการใช้สินค้ารีไซเคิล ด้านสังคม (S : Social) ดูแลพนักงานอย่างเป็นธรรม สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ส่งเสริมความหลากหลายและการรวมเข้าด้วยกัน และด้านธรรมาภิบาล (G : Governance) ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ป้องกันการคอร์รัปชัน การไม่สนับสนุนการทุจริตใด ๆ มีระบบตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพ
เพิ่มโอกาสให้ SME เข้าถึงการเป็นคู่ค้ากับภาครัฐด้วยสินเชื่อธุรกิจที่เข้าใจ
เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้าง สนับสนุนการส่งมอบงานให้ได้เป็นคู่ค้ากับภาครัฐมากขึ้น SME ควรมีสถาบันทางการเงินที่เข้าใจลักษณะของธุรกิจและการทำงานกับภาครัฐ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเสนอและรับงานจากหน่วยงานภาครัฐและนำไปต่อยอดได้ ด้วยการสนับสนุนแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม
ทีทีบี มุ่งมั่นเป็นพันธมิตรที่ SME ไว้วางใจ พร้อมสนับสนุนให้ SME ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน จึงมีสินเชื่อธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอี สนับสนุน SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างเป็นคู่ค้าภาครัฐ ที่เข้าใจลักษณะการทำงานกับภาครัฐโดยเฉพาะ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ SME สามารถกุมความได้เปรียบในการแข่งขันบนเวทีภาครัฐได้
ที่มา : ttb และ สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (สทสย.)