ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มอบสินเชื่อสีเขียวจำนวน 150 ล้านบาทให้แก่บริษัทโพลีเทคโนโลยี จำกัด
บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด ส่งมอบความสุขให้กับคนไทยเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ด้วยแคมเปญ “Water-Splashing Challenge” ซึ่งเป็นโครงการด้านกิจกรรมเพื่อสังคมล่าสุดของหัวเว่ย ประเทศไทย ที่จะเปลี่ยนความตั้งใจดีจากกิจกรรมร่วมสนุกในออนไลน์ ให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ด้วยการส่งมอบโซลูชันพลังงานสีเขียว Smart PV ให้แก่นักเรียนในพื้นที่ชนบทของประเทศไทย
โดยผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของ Huawei Thailand ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 20 เมษายน พ.ศ. 2566 ซึ่งหัวเว่ย ประเทศไทย จะบริจาคระบบโซลาร์รูฟให้แก่หลายโรงเรียนที่ยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเช่นระบบพลังงานไฟฟ้าหลังจากสิ้นสุดกิจกรรม
นายเดวิด หลี่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวว่า “หัวเว่ย ประเทศไทย รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดโครงการนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมการศึกษาที่ยั่งยืนสำหรับนักเรียนไทยในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล ทั้งนี้ เรามีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัลของประเทศไทย และนำประเทศไปสู่อนาคตด้านดิจิทัลอัจฉริยะที่เชื่อมโยงกันอย่างต็มรูปแบบ โครงการนี้ยังเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบริษัทในการ “เติบโตในประเทศไทย ร่วมสนับสนุนประเทศไทย” และเราคาดหวังว่ากิจกรรม "Water-Splashing Challenge" จะช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกและการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ให้บุคลากรรุ่นใหม่ในพื้นที่ห่างไกลของไทยในด้านภาคการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล”
กิจกรรมดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้แฟนๆ ของหัวเว่ยในประเทศไทย ที่ต้องการสนุกไปกับการสาดน้ำอย่างสนุกสานในวันสงกรานต์ โดยไม่จำกัดอายุ เพศ สัญชาติ หรือที่อยู่อาศัย สามารถร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 12 ถึง 20 เมษายนนี้ ด้วยการโพสต์และแชร์วิดีโอหรือภาพถ่ายเกี่ยวกับการสาดน้ำบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Instagram TikTok Facebook twitter และ Linkedin รวมทั้งติดแท็ก @Huawei / @Huawei Thailand Facebook และแฮชแท็ก #WaterSplash และ #HuaweiThailandCSR โดยผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องตั้งค่าบัญชีให้เป็นสาธารณะและกดติดตามเฟซบุ๊กเพจ Huawei และ Huawei Thailand ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 4 คน ที่โพสต์รูปภาพหรือวิดีโอการสาดน้ำที่สร้างสรรค์ที่สุด จะมีสิทธิ์เข้าชิงในรอบตัดสินผ่านวิธีการโหวตในระหว่างวันที่ 20 – 23 เมษายน พ.ศ. 2566 และมีโอกาสลุ้นรับของรางวัลมากมาย อาทิ หูฟัง HUAWEI FreeBuds Pro 2 และ HUAWEI FreeBuds 5i เป็นต้น
นายเดวิด หลี่ ยังกล่าวเสริมในตอนท้ายว่า "เพื่อสนับสนุนแนวทางสร้างการศึกษาที่ยั่งยืน บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่ชนบทสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยหลังจากสิ้นสุดแคมเปญนี้ หัวเว่ย ประเทศไทยจะร่วมบริจาคระบบเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงเรียนในชนบท การส่งมอบระบบพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยให้โรงเรียนต่างๆ สามารถดำเนินการเรียนการสอนต่อไปได้ แม้จะประสบปัญหาจากไฟดับในช่วงฤดูฝน ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่จำกัดโอกาสในการเรียนรู้ของนักเรียนในช่วงฤดูมรสุมมาโดยตลอด”
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในกลุ่มที่อยู่อาศัย และหัวเว่ยต้องการที่จะให้ทุกคนและทุกบ้านสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานดิจิทัลได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังในการสนับสนุนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน ทั้งนี้ หัวเว่ย ประเทศไทย จึงขอเชิญชวนประชาชนทุกคนและภาคองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ มาร่วมใจกันสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่กลุ่มผู้ที่ขาดแคลน
บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้เริ่มดำเนินการ ใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตามแผนดำเนินการในเฟสที่ 1 เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตภายในโรงงานผลิตยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกของการใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ของบริดจสโตนในประเทศไทย
โดยระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิต 1 เมกะวัตต์ ที่ใช้ในเฟสที่ 1 ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด 2,160 แผง ซึ่งถูกติดตั้งบนหลังคาของโรงงาน ส่วนในเฟสที่ 2 บริษัทจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิต 4 เมกะวัตต์เพิ่มเติม พร้อมการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วน 40% ของพลังงานไฟฟ้าในการผลิตทั้งหมด โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 ทั้งนี้ บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 30,000 ตันต่อปี *1 ( ซึ่งหมายถึงการลดลงประมาณ 50% จากระดับในปี 2554) และยังช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนได้ถึง 45% *2 ภายในปี 2566
“นอกเหนือจากการหาโซลูชั่นเพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานแล้ว บริดจสโตนยังมุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืนและความเสมอภาคให้มีมากยิ่งขึ้นในสังคม ซึ่งการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์นี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการมุ่งสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของบริดจสโตน (ภายในปี 2593 และปีต่อๆ ไป) เพื่อขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอน” มร. โชสุเกะ นามิยามา กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนมีนโยบายเดินหน้าด้วยกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง (ปี 2564 – 2566) บนวิสัยทัศน์เพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืนก้าวสู่ปี 2593 ซึ่งกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้กำหนดขึ้นเพื่อสนับสนุนการหมุนเวียนทรัพยากร, การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, การใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน และความเป็นการทางคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะยาวของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตน คือการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ในขณะที่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะกลางภายในปี 2573 โดยมีการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 50% ภายในปี 2573 จากระดับในปี 2554
ตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะกลาง บริดจสโตนยังวางแผนดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และอีกสองบริษัทในเครือ คือ บริษัท บริดจสโตน สเปเชียลตี้ ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท บริดจสโตน เมตัลฟา (ประเทศไทย) จำกัด ภายในปี 2566 และเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยบริดจสโตน ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับบริษัท อิมแพคท์ โซล่าร์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการรายแรกและผู้นำในการให้บริการด้านโซลูชั่นระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิตขนาดใหญ่ถึง 9.9 เมกะวัตต์ ที่โรงงานหนองแค และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ไทยบริดจสโตนจะเป็นบริษัทที่ใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกำลังผลิตขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลก
# # #