

ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการเกษตรอย่างยั่งยืน การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยไปใช้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ สยามคูโบต้า ตัวแทนผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของโดรนการเกษตร DJI AGRAS T25 และ DJI AGRAS T50 ที่มาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษ เฉพาะช่วง Pre-booking! รวมมูลค่าสูงสุด 13,000 บาท ให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใคร
โดรนการเกษตร DJI AGRAS T25 ขนาดบรรจุ 20 ลิตร และ DJI AGRAS T50 ขนาดบรรจุ 40 ลิตร ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การทำงานทางการเกษตรเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยความสามารถในการหว่านปุ๋ยและพ่นยาที่แม่นยำ มาพร้อมระบบฉีดพ่นแบบ 4 หัวฉีด ปรับระดับละอองได้ อัตราการฉีดพ่น 24 ลิตรต่อนาที (4 หัวฉีด) และ 16 ลิตรต่อนาที (2 หัวฉีด) ด้วยความเร็วในการฉีดพ่นสูงสุด 133 ไร่ต่อชั่วโมง (เฉพาะ DJI AGRAS T50) มั่นใจได้ว่าการดูแลแปลงนาและสวนของคุณจะได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและเต็มประสิทธิภาพ ทำงานได้ไม่มีสะดุดด้วยการควบคุมผ่านรีโมตแบบใหม่ทำให้การใช้งานง่าย นอกจากนี้ สยามคูโบต้ายังมีการบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยทีมช่างผู้ชำนาญงานและอะไหล่ครบครัน ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการที่ดีและมีประสิทธิภาพภายใต้มาตรฐานเดียวกับสยามคูโบต้า

สำหรับลูกค้าที่สนใจจองเลยวันนี้ พร้อมรับโปรโมชันส่วนลดพิเศษเฉพาะช่วง Pre-booking! รวมมูลค่าสูงสุด 13,000 บาท ประกอบด้วย 1. ส่วนลดสินค้า 5,000 บาท 2. ส่วนลดแบตเตอรี่ ก้อนละ 500 บาท สูงสุด 4 ก้อน/ลำ รวมมูลค่า 2,000 บาท 3.ส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.5% มูลค่าสูงสุด 6,000 บาท โดยสามารถลงทะเบียนออนไลน์ ได้ที่ คลิก https://www.siamkubota.co.th/prebooking/campaign/registration-dji-t25-t50/ ตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2567 นี้ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KUBOTA CONNECT 02-029-2747 หรือเข้าชมเว็บไซต์ www.siamkubota.co.th
YouTrip (ยูทริป) ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย พร้อมด้วย 3 พันธมิตร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำของคนไทย บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และ Klook แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำระดับเอเชีย เปิดเวทีเสวนาเชิงลึก เผยอินไซต์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทยในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 พาเจาะลึกไปกับกระแสการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง รวมทั้งความชอบและแรงจูงใจที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดลักษณะของนักเดินทางยุคใหม่ในประเทศไทย และจุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลก โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ YouTrip พบว่า การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมียอดใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ซึ่งปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังจากการฟื้นตัวของสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับการมีจุดหมายปลายทางที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเพิ่มมากขึ้น ตามข้อตกลงการเดินทางแบบทวิภาคี

คุณจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจากเหล่าผู้นำที่ได้รับการยกย่องในแวดวงอุตสาหกรรมจากทั้ง เมืองไทยประกันภัย การบินไทย และ Klook ให้มาร่วมงานเสวนา YouTrip Travel Trend Insights ครั้งแรกของเราในวันนี้ โดย YouTrip มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งการรวมตัวกันของผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมเหล่านี้ ทำให้เราเข้าใจถึงเทรนด์ล่าสุดและแรงจูงใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นสู่การวางแผนสานต่อความร่วมมือกับผู้เล่นหลักในภาคการท่องเที่ยว เพื่อทำให้ทุกการเดินทางสนุกสนาน ไร้รอยต่อ และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน พร้อมเสริมสร้างศักยภาพให้ทุกคนออกไปสำรวจโลกได้ด้วยความมั่นใจ”

เงินเยนอ่อนค่า หนุน “ญี่ปุ่น” ครองแชมป์จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทย
ญี่ปุ่นยังคงครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย โดย 1 ใน 3 ของผู้ใช้ YouTrip ที่เดินทางไปต่างประเทศ เลือกมุ่งหน้าเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น ปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายยอดนิยมคือ วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว อาหารท้องถิ่นแสนอร่อย และแหล่งช้อปปิ้งหรู ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนของญี่ปุ่นที่อ่อนค่าลง (JPY) ยิ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญให้การท่องเที่ยวคึกคัก ทั้งนี้ จากข้อมูลการใช้จ่ายของผู้ใช้ YouTrip พบว่า การใช้จ่ายเพื่อการช้อปปิ้งสูงเป็นอันดับ 1 (58%) และในหมวดหมู่ประเภทสินค้าของนักท่องเที่ยวที่ไปญี่ปุ่นนิยมซื้อคือ สินค้าแบรนด์หรู ที่กลายเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นของคนไทย โดยมียอดใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นอกจากนี้ YouTrip ยังพบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้มีการแลกเงินบาท (THB) เป็นเงินเยน (JPY) ผ่านกระเป๋าเงิน JPY ภายในแอปฯ เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การอ่อนค่าของเงินเยนเมื่อเทียบกับเงินบาท และการล็อคเรทล่วงหน้าง่ายภายในแอปฯ YouTrip ล้วนส่งผลให้ญี่ปุ่นครองแชมป์จุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง

ด้านคุณมิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Klook ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า “จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีอากาศเย็น โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ซึ่งแต่ละพื้นที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไป เน้นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวย รวมทั้งยังนิยมเที่ยวตามคอนเทนต์และการรีวิวในโซเชียลมีเดีย”

สอดคล้องกับข้อมูลจาก คุณวาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันภัย ที่ระบุว่า “นักท่องเที่ยวไทยยังคงนิยมเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 เนื่องจาก อากาศที่ดี การเดินทางที่สะดวกสบาย และสถานที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย โดยหลังโควิด-19 พบว่านักท่องเที่ยวไทยหันมาให้ความสำคัญกับการซื้อประกันเดินทางมากขึ้น ซึ่งนอกจากการคุ้มครองจากประกันพื้นฐาน ยังมีการเพิ่มเรื่องของการประกันของสูญหาย การยกเลิกเที่ยวบิน หรือกรณีเที่ยวบินล่าช้า รวมถึงภัยธรรมชาติ”

คุณภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผลิตภัณฑ์ บมจ. การบินไทย กล่าวว่า “หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด คนไทยเริ่มกลับมาเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยลักษณะการเดินทางท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเป็นแบบ FIT (Free Independent Travelers) ซึ่งเป็นการจองตั๋วเพื่อเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง จากที่ก่อนหน้านี้นิยมใช้บริการจากบริษัททัวร์”
ฟรีวีซ่าดัน “จีน” ผงาดขึ้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
ความสนใจของนักท่องเที่ยวในจีนเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 โดยหลังจากมีการประกาศข้อตกลงเดินทางปลอดวีซ่าระหว่างไทยและจีน ในเดือนเมษายน 2567 YouTrip พบว่า มีปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นถึง 466% และจีนกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ที่มีการเดินทางไปมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเมืองยอดนิยมที่ผู้ใช้ YouTrip ชื่นชอบ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเฉิงตู

คุณภิรมย์ทิศ กล่าวว่า “ในช่วงเทศกาลสงกรานต์คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนจำนวนมาก โดยมี ยอดการจองตั๋วผ่านการบินไทยเต็ม 100% ทุกเที่ยวบิน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากนโยบายฟรีวีซ่า”
คุณวาสิต กล่าวว่า “ประเทศจีนถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายการท่องเที่ยวของคนไทยที่กำลังมาแรง สะท้อนได้จากยอดการซื้อประกันภัยการเดินทางที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง”
ส่วนทางด้าน คุณมิเชล ระบุว่า “จากนโยบายฟรีซีซ่าไทย-จีน ดึงดูดให้คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนมากขึ้น ทำให้ยอดจองทำกิจกรรมต่าง ๆ ในจีนผ่าน Klook เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า”
“แม้การแลกเปลี่ยนเงินตราอาจเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป เพราะการใช้งาน YouTrip ร่วมกับ Alipay และ WeChat Pay จะช่วยให้การเดินทางไปจีนง่ายขึ้น และช่วยขจัดความยุ่งยากเรื่องการชำระเงินในประเทศจีน เพียงนักท่องเที่ยวผูกบัตร YouTrip เข้ากับ Alipay หรือ WeChat Pay ก็สามารถสแกนจ่ายในประเทศจีนได้ทันที ไม่ต้องแลกเงินล่วงหน้าและหมดกังวลเรื่องค่าธรรมเนียม DCC (Dynamic Currency Conversion)” คุณจุฑาศรี กล่าวเสริม
มองเทรนด์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทย
คุณจุฑาศรี กล่าวถึง แนวโน้มการท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทย ว่า “หลังโควิดได้เกิดเทรนด์การเที่ยวล้างแค้นขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง และการเดินทางท่องเที่ยวได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยไปแล้ว แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เทรนด์ “ช้อปหรู กินอยู่ประหยัด” เป็นสิ่งที่พบเห็นมากขึ้น และจากการเข้ามาของเทคโนโลยีทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจุดหมายปลายทางหลักในระยะสั้นและระยะกลางยังคงเป็นประเทศญี่ปุ่น”

คุณวาสิต กล่าวว่า “การเข้ามาของเทคโนโลยีจะช่วยตอบโจทย์เรื่องการเดินทางให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายในหลากหลายด้าน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้คนหันมาเลือกเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้นแทนการเที่ยวแบบกลุ่มทัวร์ เช่น Google Map ที่ช่วยให้คนเดินทางได้ง่ายขึ้น ส่วนในด้านการใช้จ่ายก็ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด เพราะมีบริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังมีการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น ทำให้เห็นความสำคัญในการซื้อประกันการเดินทางเพิ่มขึ้นตาม”
คุณภิรมย์ทิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทรนด์การเดินทางด้วยตัวเองมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากเทคโนโลยีทำให้การเดินทางง่ายขึ้น ตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบิน และการจองที่พัก รวมถึงการใช้จ่าย ซึ่งการบินไทยมองเห็นความต้องการในจุดนี้ จึงได้พัฒนาระบบการจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อย่างไร้รอยต่อมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการเดินทางด้วยตัวเอง”
ปิดท้ายที่ คุณมิเชล กล่าวว่า “แนวโน้มการท่องเที่ยวหนึ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวมีอายุน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่นิยมออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ รวมทั้งยังเปิดรับจุดหมายปลายทางในประเทศใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากญี่ปุ่นและจีน”
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมกับ PIZZA HUT มอบสิทธิพิเศษให้ผู้ถือบัตรเครดิต ttb ได้อิ่มไม่อั้นเมื่อ รับประทาน HUT บุฟเฟต์ ที่ร้าน ทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2567 – 30 พฤษภาคม 2567 ดังนี้
สิทธิพิเศษ 1 สำหรับวันจันทร์ – พฤหัสบดี: HUT บุฟเฟต์ รับสิทธิ์อัปเกรดบุฟเฟต์เป็นราคา 499 บาท โดยจ่ายเพียง 399 บาท รับสิทธิ์ผ่านแอป ttb touch ด้วยการสแกน QR Code ก่อนชำระเงิน สิทธิ์อัปเกรดราคาบุฟเฟต์ 1 โค้ดต่อการอัปเกรด 1 ท่าน ไม่จำกัดการรับสิทธิ์ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ทั้งนี้ ต้องแจ้งความประสงค์การใช้สิทธิ์แก่พนักงานก่อนชำระเงิน
สิทธิพิเศษ 2 สำหรับทุกวัน: รับเครดิตเงินคืน 8% เมื่อมียอดใช้จ่าย 500 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 80 บาท / บัญชีบัตรหลัก / เดือน สูงสุด 160 บาท / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ลงทะเบียนรับสิทธิ์ครั้งเดียวใช้ได้ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ผ่านทางแอป ttb touch หรือส่ง SMS พิมพ์ PZH ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026 สำหรับบัตรเครดิต ttb reserve รับสิทธิ์ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน
สิทธิพิเศษ 3 สำหรับทุกวัน: แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% ใช้คะแนนสะสมทุก 500 คะแนน และมียอดใช้จ่าย 500 บาทขึ้นไป / เซลล์สลิป บัตรเครดิต ttb reserve ทุก 500 คะแนนรับเครดิตเงินคืน 60 บาท บัตรเครดิต ttb อื่น ๆ ที่มีคะแนนสะสม ทุก 500 คะแนน รับเครดิตเงินคืน 50 บาท จำกัดการแลกคะแนนสะสมสูงสุด 2,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก / เดือน และจำกัดการแลกคะแนนสูงสุด 4,000 คะแนน / บัญชีบัตรหลัก ตลอดรายการส่งเสริมการขาย ลงทะเบียนทาง SMS พิมพ์ PPZH ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลกทุก 500 คะแนน แต่ไม่เกินยอดใช้จ่าย เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026
ทีทีบีมุ่งส่งเสริมให้ลูกค้าวางแผนใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และผ่อนชำระคืนไหว เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของโปรโมชันนี้ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/cc/pro
โออิชิ อีทโตะ (OISHI EATO) ชวนลองเมนูล่าสุด ขอแนะนำ ใหม่ !!! โออิชิ อีทโตะ แซนวิช ดับเบิ้ลปูอัด (Double Crab Stick Sandwich) ให้คุณเติมพลัง เต็มอิ่ม ได้ง่าย ๆ ด้วยขนมปังแซนวิช เนื้อนุ่มฟู เป็นเอกลักษณ์ มากับไส้แน่น ๆ ปูอัดคามาโบโกะ แท็กทีมมากับปูอัดอลาสก้า ปรุงรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม อร่อยแบบดับเบิ้ล ซึ่งสามารถรับประทานแบบแช่เย็นได้ทันทีโดยไม่ต้องอุ่นร้อน สะดวก...เหมาะสำหรับเริ่มต้นยามเช้า หรือช่วงเวลาเร่งรีบ โดยวางจำหน่ายทั่วประเทศแล้ววันนี้ ในราคาชิ้นละ 27 บาท ที่ เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิกแฟนเพจโออิชิอีทโตะ : www.facebook.com/OishiEatoThailand
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดยฝ่ายนวัตกรรมหลักสูตรและการสอน สายงานวิชาการ เปิดเวทีให้นักศึกษา เรียนรู้ประสบการณ์จริง จัดโครงการ DPU Hackathon ประจำปีการศึกษา 2566 ภายใต้แนวคิด “Carbon Hero” ครั้งที่ 4 มีนักศึกษาสมัครเข้าร่วมโครงการ 18 ทีม โดยได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และวิทยากรพิเศษ “สรัญธรณ์ สุนทรโอฬารรัตน์” ศิษย์เก่า DPU และ CEO กระเป๋าแบรนด์ Ally Bag มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจจากสิ่งที่ชอบในหัวข้อ “ประสบการณ์ตัวแม่กับธุรกิจตัวโฮ่ง” และ อติยา อาวัชนาการ จากทีม Sustainability Management บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ณ ห้องประชุมสนม สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)

ผศ.ไพรินทร์ ชลไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในฐานะหัวหน้าโครงการ DPU Hackathon กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ว่า DPU มุ่งมั่นในการจัดการเรียนการสอนส่งเสริมให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติจริง เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์จริง และเป็นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะการแก้ปัญหา การคิดเชิงวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม การนำเสนอ การคิดเชิงสร้างสรรค์ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และการเป็นผู้ประกอบการ โครงการ DPU Hackathon เป็นอีกหนึ่งเวทีที่ช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติและเรียนรู้จากวิทยากรที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริง
จากเทรนด์ของโลกรวมถึงประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนไปสู่องค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน (Low Carbon and Sustainable Business) ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในฐานะสถาบันการศึกษาซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างบัณฑิตให้เป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพ และสามารถก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โจทย์สำหรับโครงการ DPU Hackathon ปี 4 จึงจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Carbon Hero” โดยนักศึกษาทั้ง 18 ทีมต่างนำเสนอโครงงานที่มีแนวคิดในการช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ การลดปริมาณขยะ หรือ การนำขยะกลับมา Reuse ให้กลายเป็นสินค้าใหม่แทน รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในรูปแบบที่หลากหลาย อาทิ CARBON GAME ซึ่งจะเป็นเกมที่นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้วยังทำให้ผู้เล่นได้เข้าใจและตระหนักถึงสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกรวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ส่วน FOOD’N WASTE การ์ดเกม ที่เกิดจากความคิดที่จะให้คนหันมาสนใจและใส่ใจปัญหาเศษขยะจากอาหารเหลือและถูกทิ้งกันมากขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า หรือ ตู้จำหน่ายลิปสติกรีฟิลอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาขยะ และ UNDER SEA BOARD GAME เกมที่จะให้ผู้เล่นได้รับความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลและสัตว์น้ำ พร้อมสร้างความตระหนักรู้ถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล ฯลฯ

สำหรับผู้ชนะเลิศการประชันไอเดียในโครงการ DPU Hackathon ภายใต้แนวคิด “Carbon Hero” ปีนี้ คือ ทีม Day Dreamers (Shin Shop) ซึ่งได้เสนอแนวคิดในการนำเสื้อผ้าเก่าหรือเศษผ้ามาทำให้เกิดเป็นสินค้าใหม่ ลดการปล่อยก๊าซตคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สู่ชั้นบรรยากาศ
คุณศิริพร วุฒิกุล CEO and Director: Mind2Market Company Limited (BizzUp) หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินโครงการนี้ กล่าวว่า ทีม Day Dreamers ชนะเลิศอันดับ 1 เป็นทีมที่มีความแตกต่างจากทีมอื่น ๆ ในด้านของ Model Business ที่ไม่ใช่แค่การลงไปในภาคสนามเพื่อจะสำรวจตลาดเก็บข้อมูลตัวอย่างจริงจากผู้บริโภคเหมือนทีมอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังสร้างความแตกต่างและตรงกับความต้องการของคณะกรรมการ คือ เป็นทีมเดียวที่มีการเปิด Workshop ให้ผู้บริโภคสามารถนำเสื้อผ้าเก่าของตนเองมาสร้างให้เกิดงาน Craft จนเกิดเป็นสินค้าใหม่ได้จริง

นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการหลากหลายไม่ว่าจะเป็นงานปัก การเย็บ การเพ้นท์ การสกรีน สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างงาน Craft ที่หลากหลายรูปแบบ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมที่สามารถจับต้องได้จริงในการนำเศษผ้า และเสื้อผ้าเก่าไม่ใช้แล้ว มาสร้างให้เป็นสินค้าใหม่ก่อให้เกิดรายได้จริง แทนการทิ้งให้กลายเป็นขยะเหลือใช้ไป
นางสาวกิตติยา พานิชชา นักศึกษาชั้นปี 3 สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) ตัวแทนทีม Day Dreamers กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการทำเรื่องนี้ มาจาก Pain Point เรื่อง Fast Fashion ของเสื้อผ้าที่มีคนจำนวนมากที่ซื้อเสื้อผ้ามาแล้วบางครั้งก็ใส่แป๊บเดียว สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดการสร้างมลพิษ จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่มาจากกระบวนการผลิตเสื้อผ้าจำนวนมาก โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 1.7 พันล้านตันต่อปี ส่งผลกระทบต่อโลกมาก ทั้งปัญหามลพิษทางอากาศ ปัญหาภัยแล้ง ฯลฯ

ทีมเราจึงอยากมีส่วนช่วยลดปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการนำขยะที่มาจากเศษผ้า และเสื้อผ้าเก่า มาทำให้เกิดธุรกิจหมุนเวียนด้วยการเปิดเป็นร้าน Shin Shop เชิญชวนให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการนำเศษผ้า และเสื้อผ้าเก่า มาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นงาน Craft ชิ้นใหม่ เพื่อช่วยลดปริมาณการทิ้งขยะเหลือใช้ และ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ที่เกิดจากการผลิตและทอผ้า อนาคตก็อยากจะเปิดร้าน Shin Shop ขึ้นมาจริง ๆ