October 22, 2024

รัฐบาลประชาชนมณฑลส่านซี

ซีอาน, จีน 18 ตุลาคม 2567 /ซินหัว-เอเชียเน็ท/ดาต้าเซ็ต

กิจกรรมเยี่ยมชมนครซีอานได้จัดขึ้นที่นครซีอาน มณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ระหว่างวันที่ 13-14 ตุลาคมที่ผ่านมา

กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศ (Belt and Road Forum for International Think Tank Cooperation) และการประชุมว่าด้วยการสื่อสารระหว่างประเทศเส้นทางสายไหม (ซีอาน) ครั้งที่ 2 (2nd Silk Road (Xi'an) International Communication Forum) ซึ่งจัดขึ้นร่วมกันโดยสำนักข่าวซินหัว คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลส่านซี และรัฐบาลประชาชนมณฑลส่านซี โดยได้มีการพาผู้แทนจากจีนและต่างประเทศไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ ในนครซีอาน ซึ่งรวมถึงบริษัท พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผลสำเร็จล่าสุดในการพัฒนาเมือง รวมถึงการพัฒนาอย่างมีคุณภาพสูงของบริษัทต่าง ๆ ในเมืองแห่งนี้

ในวันที่ 13 ตุลาคม คณะผู้แทนได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สุสานจักรพรรดิฉินสื่อหวง (จิ๋นซีฮ่องเต้) และย่านชอปปิงแกรนด์ถังมอลล์ (Grand Tang Mall) โดยได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นทหารดินเผายุคราชวงศ์ฉินและสถาปัตยกรรมยุคราชวงศ์ถัง ทำให้ตระหนักถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมตะวันออกโบราณและความรุ่งเรืองของราชวงศ์ถัง

ในวันที่ 14 ตุลาคม คณะผู้แทนได้เยี่ยมชมศูนย์ประกอบรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป (ซีอาน), ท่าเรือบก ซีอาน-คาซัคสถาน, บริษัท Xi'an Aiju Grain and Oil Industrial Group และฐานการผลิตรถยนต์ของบริษัท Geely Auto ซึ่งเปิดโอกาสให้คณะผู้แทนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงล่าสุดในนครซีอาน ผ่านการเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดของเมืองและความก้าวหน้าล่าสุดของบริษัทต่าง ๆ ในเมือง

 

นับเป็นเวลา 11 ปีแล้วตั้งแต่มีการเปิดให้บริการรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป "ฉางอัน" ซึ่งก่อให้เกิดกลุ่มเศรษฐกิจท่าเรือบก อีกทั้งยังดึงดูดบริษัทการค้า บริษัทโลจิสติกส์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซจำนวนมากจากฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ให้มาตั้งถิ่นฐานในนครซีอาน โดยสินค้ามากมาย เช่น ยานยนต์พลังงานใหม่ แบตเตอรี่ลิเทียม และโซลาร์เซลล์ ได้ถูกขนขึ้นรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

"เมื่อปีที่แล้ว เราเดินรถไฟมากถึง 5,351 เที่ยว ซึ่งมากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ เรายังให้บริการรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรปที่รวดเร็วและครอบคลุมที่สุด โดยการเดินทางจากซีอานไปเยอรมนีใช้เวลาเพียง 11 วัน ครอบคลุม 45 ประเทศและดินแดน" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของศูนย์ประกอบรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป (ซีอาน) กล่าว

นอกจากนี้ ในการเยี่ยมชมบริษัท Xi'an Aiju Grain and Oil Industrial Group คณะผู้แทนได้มีโอกาสชมการผลิตอาหารถิ่นของซีอานที่เรียกว่า "บะหมี่เปี๋ยงเปี๋ยง" ซึ่งใช้วัตถุดิบหลักจากคาซัคสถาน

บริษัทแห่งนี้อาศัยท่าเรือบกระหว่างประเทศชานปาและรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป "ฉางอัน" เพื่อจัดตั้งศูนย์รวบรวมธัญพืชและวัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชในภูมิภาคคาซัคสถานตอนเหนือ พร้อมทั้งสร้างโรงงานแปรรูปน้ำมันพืชขนาด 300,000 ตัน และศูนย์โลจิสติกส์ที่รองรับสินค้าได้ 1 ล้านตันต่อปี เมื่อปี 2558

 

ในโอกาสนี้ ตัวแทนนักข่าวจากคาซัคสถานแสดงความยินดีที่ได้เห็นเกี๊ยวที่ทำจากแป้งคาซัค โดยกล่าวว่า "รถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรปไม่เพียงแต่ทำให้ประชาชนของทั้งสองประเทศมีความเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมอีกด้วย เห็นได้จากอาหารที่กลายเป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมบนเส้นทางสายไหม"

โรงงานอัจฉริยะในฐานการผลิตรถยนต์ของบริษัท Geely Auto มีการติดตั้งจอมากมายเพื่อติดตามกระบวนการประกอบรถยนต์แบบเรียลไทม์อย่างชาญฉลาด โดยมีทั้งระบบป้องกันข้อผิดพลาดของสปอยเลอร์ สถานีประกอบแชสซีอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และกระบวนการติดตั้งยางรถยนต์อัตโนมัติ

"ในแง่ของการปรับแต่งแชสซี เราประสบความสำเร็จในการวางตำแหน่งและติดตั้งโช้คอัพทั้งสี่ตัวภายในครั้งเดียว จากเดิมที่กระบวนการนี้ต้องใช้พนักงานถึงสี่คนพร้อมกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้ทำให้ระดับและมาตรฐานการผลิตของเราดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้เราอยู่ในแถวหน้าของอุตสาหกรรม" ผู้บริหารระดับสูงของฐานการผลิตรถยนต์ กล่าว

การประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศ และการประชุมว่าด้วยการสื่อสารระหว่างประเทศเส้นทางสายไหม (ซีอาน) ครั้งที่ 2 ได้นำผู้แทนจากจีนและต่างประเทศกว่า 300 คนมารวมกัน ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการจากสถาบันวิจัยต่างประเทศ ผู้บริหารสื่อกระแสหลัก และบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่นครซีอานเพื่อหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ตลอดจนร่วมการเสวนาและการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศในเชิงลึก และร่วมทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย

True CJ Creations ร่วมกับ Ryoii Film เปิดตัวเว็บไซต์ “Hidden Gem” แพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลร้านอาหารไทยอันมีเอกลักษณ์ไว้ในที่เดียว สานต่อความสำเร็จของภาพยนตร์ซีรีส์สารคดีอาหารชุด Hidden Gem ที่โด่งดังในต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้เข้าถึงใจผู้คนทั่วโลก ผ่านเรื่องราวของอาหารที่เป็นหนึ่งในจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวของไทย พร้อมผลักดันการท่องเที่ยวมิติใหม่อย่างมีคุณค่า ชวนผู้คนออกเดินทางสัมผัสวิถีชีวิตและอาหารท้องถิ่น

โครงการ Hidden Gem เกิดขึ้นจากความตั้งใจของ True CJ Creations ร่วมกับ Ryoii Film ที่อยากนำเสนอเรื่องราวของอาหารและวัฒนธรรมไทยที่ไม่เคยถูกเผยแพร่มาก่อน โดยเริ่มต้นจากการทำซีรีส์สารคดีอาหารไทยออกเผยแพร่ทาง Asian Food Network ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกเมื่อปี 2023 ซึ่งได้รับความสนใจและเสียงตอบรับที่ดี จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Content Asia Awards 2024 จึงเป็นที่มาสู่การต่อยอดโครงการให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ผ่านการเปิดตัวเว็บไซต์ Hidden Gem ที่รวบรวมเรื่องราวร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นในไทย พร้อมเตรียมถ่ายทำภาพยนตร์ซีรีส์สารคดี Season 2 ในปีนี้ เพื่อนำเสนอร้านอาหารคุณภาพที่ยังซ่อนอยู่และขยายฐานคอมมิวนิตี้ของคนรักอาหาร รวมทั้งคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวให้กว้างขึ้น

 

นางสาวอารี อารีจิตเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของทรูซีเจ ครีเอชั่นส์ กล่าวว่า “เว็บไซต์ Hidden Gem เป็นการใช้รูปแบบเทคโนโลยีออนไลน์ ผสานกับศิลปะในการคัดสรรและถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจ เพื่อเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างคอมมิวนิตี้สำหรับคนรักอาหารไทย ให้สามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทั่วโลก พร้อมต่อยอดเก็บตกร้านอาหารไทยคุณภาพอีกมากมายที่ซีรีส์ไม่สามารถบอกเล่าได้หมดมารวมไว้บนเว็บไซต์นี้ โดยเราเชื่อว่า Hidden Gem จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้น

การท่องเที่ยว ยกระดับคุณค่าให้ร้านอาหาร นำไปสู่การผลักดันให้เกิดรายได้กระจายสู่ท้องถิ่น ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยว และที่พัก”

ทางด้านนายซอง ฮุน จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของทรูซีเจ ครีเอชั่นส์ กล่าวเสริมว่า “เทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เน้นสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน ชูความเป็น Local hero กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเปิดตัวเว็บไซต์ Hidden Gem เป็นโอกาสอันดีที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยให้รับการเทรนด์ของนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าและบริการของประเทศได้อย่างยั่งยืน”

 

นายอนุรักษ์ ดิษฐไชยวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Ryoii Film กล่าวทิ้งท้ายว่า Hidden Gem จะเป็นมากกว่าแค่แพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลรายชื่อร้านอาหารไทยที่น่าลอง แต่ยังมีเรื่องราวเส้นทางความเป็นมาและอุปสรรคของทุกร้าน รวมถึงแนวคิดการออกแบบสร้างสรรค์เมนูมากมาย เพื่อให้ผู้คนได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ และจุดประกายแรงบันดาลใจดี ๆ 

ฟีเจอร์และบริการบนเว็บไซต์ Hidden Gem

สำหรับเว็บไซต์ Hidden Gem จะมีฟีเจอร์และบริการที่น่าสนใจเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้งานได้มากมาย โดยจะมีการพัฒนาและทยอยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็น

· Hidden Gem Places บริการรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจจากทั่วประเทศไทย โดยจะเน้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในซีรีส์ก่อนในช่วงระยะแรก

· Hidden Gem Vote เปิดให้ผู้ชมสามารถร่วมโหวตและแนะนำร้านอาหารในตำนานที่ชื่นชอบในแต่ละจังหวัด เพื่อนำมาผลิตภาพยนตร์สารคดีซีรีส์ใน Season 3

· Hidden Gem Booking บริการระบบจองร้านที่เป็น Hidden Gem Heroes ที่ปรากฏในภาพยนตร์สารคดีซีรีส์ พร้อมแนะนำเมนูพิเศษ ซึ่งคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในเดือนพฤศจิกายน

· Hidden Gem Restaurants รวมข้อมูลร้านอาหารทั่วประเทศไทยที่น่าสนใจ และมีโอกาสได้เป็น Hidden Gem Heroes ใน Season 3

· Experience the Hidden Gem Heroes Restaurant ระบบจองร้านอาหาร Hidden Gem ผ่านเว็บไซต์ ขยายความร่วมมือกับแพลตฟอร์มการจองในต่างประเทศ ทั้งประเทศไต้หวัน และ ประเทศญี่ปุน เช่น KKDay และ Takeme โดยคาดว่าบริการนี้จะเปิดให้บริการภายในปี 2025

บางครั้งเหตุผลหลักในการไปเที่ยวของหลาย ๆ คนไม่ใช่การเดินดูสถานที่ท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่คือการดื่มด่ำกับหลากหลายอาหารอร่อยในประเทศนั้น เหตุนี้เอง อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการท่องเที่ยว จึงได้ทำการสำรวจ พร้อมเผย 5 อันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียของนักท่องเที่ยวสายกิน ซึ่งตั้งใจไปเที่ยวเพื่อเพลิดเพลินกับอาหารเป็นหลัก โดยเกาหลีใต้ครองอันดับ 1 เป็นประเทศสุดฮิตของสายกินทั่วเอเชีย

จากข้อมูลการสำรวจที่อโกด้าจัดทำขึ้น มากกว่า 64% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเกาหลีใต้ระบุว่า อาหารคือเหตุผลหลักในการเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ ทั้งนี้เกาหลีใต้ ซึ่งโด่งดังทั้งกิมจิ บาร์บีคิวสไตล์เกาหลี และไก่ทอด เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในเอเชียอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวสายกิน ตามมาด้วยไต้หวัน (62%) ไทย (55%) ญี่ปุ่น (52%) และมาเลเซีย (49%) การสำรวจครั้งนี้มีผู้ใช้อโกด้ามากกว่า 4,000 ราย ใน 10 ประเทศ ร่วมตอบแบบสอบถามหลังทำการจองที่พักเสร็จสิ้น

คุณเอนริก คาซาลส์, Associate Vice President, Southeast Asia, อโกด้า กล่าวว่า “อาหารไม่ได้เป็นแค่สิ่งหล่อเลี้ยงร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอีกด้วย นักท่องเที่ยวบางคนหลงใหลในอาหารมากถึงขนาดจองร้านอาหารในต่างประเทศก่อนจองตั๋วเครื่องบินเสียอีก ข้อมูลการสำรวจของอโกด้าแสดงให้เห็นชัดเจนว่านักท่องเที่ยวกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่สามารถไปดื่มด่ำกับอาหาร และประเพณีท้องถิ่นได้ ไม่ใช่แค่ไปเดินชมสถานที่ท่องเที่ยว เรารู้สึกภูมิใจที่ได้นำเสนอดีลที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และกิจกรรมสุดคุ้มให้ทุกคนได้ไปเที่ยวในราคาที่ประหยัดขึ้น นักท่องเที่ยวจึงังมีงบเหลือเอาไว้ใช้จ่ายกับอาหารจานเด็ดในท้องถิ่นนั้นมากขึ้นด้วย”

 

5 อันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับสายกินทั่วเอเชีย ประกอบไปด้วย:

1. เกาหลีใต้

อาหารเกาหลีใต้ดึงดูดนักกินจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความนิยมนี้ส่วนหนึ่งมาจากละคร และภาพยนตร์เกาหลีที่มักจะนำเสนอประสบการณ์การกินอาหารที่ชวนให้ผู้ชมรู้สึกอยากลิ้มรสตาม เช่น เมื่ออยู่บนเกาะเชจู ต้องไม่พลาดอาหารทะเลสด และหมูดำปิ้งบนเตาบาร์บีคิวเกาหลีแบบดั้งเดิมที่นุ่มละลายในปาก หรือใครที่ชื่นชอบอาหารแปลกขึ้นมาหน่อย ควรแวะไปลองคันจังเคจัง (ปูสดดองในซอสถั่วเหลือง) ที่เมืองชายฝั่งอย่างอินชอน สำหรับอาหารโซลฟู้ดที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งกินกับครอบครัวที่บ้าน ก็ต้องโชดังซุนดูบู (เต้าหู้เนื้อนุ่มในซุปร้อน) ที่คังนึง ส่วนใครที่ชอบสตรีทฟู้ด ตลาดแบบดั้งเดิมอย่าง ตลาดควังจางในกรุงโซล ก็มีอาหารริมทางอร่อยอยู่มาก เช่น ต็อกโบกี (เค้กข้าวรสเผ็ด) และบินเดต็อก (แพนเค้กถั่วเขียวสไตล์เกาหลี)

2. ไต้หวัน

ไต้หวันเป็นดินแดนแห่งอาหารซึ่งผสมผสานประเพณีโบราณเข้ากับอิทธิพลสมัยใหม่อย่างลงตัว ตลาดกลางคืนยอดฮิตของไทเปอย่าง ซื่อหลินและเหราเหอ เป็นที่ที่สายกินทุกคนต้องแวะไปกินของอร่อยซึ่งมีอยู่ละลานตา เช่น เต้าหู้เหม็นอันเลื่องชื่อ และชาไข่มุกที่โด่งดังไปทั่วโลก หรือที่ไถหนานซึ่งมีอาหารดั้งเดิมอย่าง บะหมี่ตันไซ และซุปปลานวลจันทร์ทะเล แสดงให้เห็นถึงมรดกภูมิปัญญาอาหารอันล้ำค่าของเกาะ นอกจากนี้ไต้หวันยังมีวัฒนธรรมการดื่มชาที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งชาอู่หลงของอาลีซานนั้นถือเป็นชาโปรดของคนรักชาหลาย ๆ คน

3. ไทย

ไทยเป็นสวรรค์ของคนรักอาหารที่มีวัฒนธรรมอาหารสตรีทฟู้ดที่โดดเด่นไม่เป็นรองใคร แผงขายอาหารแบบดั้งเดิมในเยาวราช หรือที่นิยมเรียกกันว่าไชนาทาวน์ในกรุงเทพฯ เป็นแหล่งรวมอาหารจานเด็ดอย่างหมูสามชั้นทอด ผัดไทย ไข่เจียวหอยนางรม และข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งนอกจากจะอร่อยขึ้นชื่อแล้วยังราคาไม่แพงด้วย ส่วนเมื่อเดินทางไปในภาคเหนือของประเทศอย่าง จังหวัดเชียงใหม่ นักเดินทางก็ต้องไม่พลาดไปรับประทานข้าวซอยรสชาติเข้มข้น ส่วนในภาคใต้ อาหารจานเส้นที่อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่ชาวต่างชาติอย่าง ขนมจีน ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีทั้งแบบเส้นแป้งสดและแป้งหมักให้เลือกทานพร้อมแกงหลากหลายชนิด

4. ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของสายกิน ด้วยอาหารที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น อาหารทานเล่นแบบอิซากายะ และอาหารไคเซกิแบบฟูลคอร์ส หรือเมื่อไปเที่ยวตลาดสึกิจิรอบนอก ของกรุงโตเกียว นักท่องเที่ยวก็มีหลายร้านซูชิ และซาซิมิสด ๆ ให้เลือกรับประทาน หรือลองชิมอาหารท้องถิ่นอย่าง ทาโกะยากิ (ลูกชิ้นปลาหมึก) และยากิโทริ (ไก่เสียบไม้ย่าง) ในย่านยอดนิยมอย่าง ชินจูกุและกินซ่า สำหรับสายอาหารทะเลไม่ควรพลาดการไปเยือนเมืองท่าโอตารุในฮอกไกโด เพื่อลองปูสด อูนิ (ไข่หอยเม่น) และดงบุริทะเลสด ส่วนใครที่โปรดปรานการกินราเม็ง ลองแวะไปที่ย่านช้อปปิ้งเท็นจินในฟุกุโอกะ ที่มีราเม็งทงคัตสึขึ้นชื่อ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปหมูรสเข้มข้น

5. มาเลเซีย

อาหารมาเลเซียนั้นหลากหลาย เช่นเดียวกับมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ ที่กัวลาลัมเปอร์มีนาซิเลอมักให้เลือกลิ้มลองหลายรูปแบบ เช่น นาซิเลอมักบุงกุส (ข้าวแช่กะทิห่อ เสิร์ฟพร้อมน้ำพริก และผัก) และนาซิเลอมักอายัมโกเร็งเบเรมปาห์ (ไก่รสเผ็ด) ส่วนรัฐปีนังก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยอาหารสตรีทฟู้ดคลาสสิกอย่าง ฉ่าก๋วยเตี๋ยว (ก๋วยเตี๋ยวผัด) หมี่ฮกเกี้ยน (เส้นหมี่เหลืองผัด) และเซ็นดอล (น้ำแข็งไสหวานเย็น) ในมาเลเซียตะวันออก โคตาคินาบาลูมีอาหารท้องถิ่นสดใหม่ให้ชิมอยู่มาก เช่น ฮินาวา (สลัดปลาดิบ) และหมี่ตัวรัน หรือ Tuaran Mee ส่วนที่กูชิงก็มีจานเด็ดขึ้นชื่อมานอกปันโซห์ หรือ Manok Pansoh ซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวอีบันที่ทำจากไก่ที่ปรุงด้วยสมุนไพรในไม้ไผ่

ทั้งนี้ญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ระบุว่าอาหารคือเหตุผลหลักในการเดินทางไปเที่ยว ตามมาด้วยเวียดนามและลาว (#2) และจีน (#3) สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ระบุว่าอาหารคือเหตุผลหลักในการเดินทางมาเที่ยวไทย ส่วนใหญ่มาจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเวียดนาม ตามลำดับ

อโกด้าช่วยให้ทุกคนได้เดินทางไปเที่ยวกินอาหารตามที่วางแผนได้ง่ายขึ้น ด้วยที่พักกว่า 4.5 ล้านแห่ง เส้นทางบินกว่า 130,000 เส้นทาง และกิจกรรมกว่า 300,000 รายการ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ชิมอาหารริมทางในกรุงเทพฯ หรือคลาสเรียนทำซูชิในโตเกียว อโกด้าช่วยให้นักท่องเที่ยวไปสำรวจรสชาติอาหารจากทั่วโลกได้ในราคาที่ประหยัดขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ agoda.com หรือดาวน์โหลดแอป Agoda

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดช่วงปิดเทอม วันหยุดยาว หรือวันหยุด สดสัปดาห์ กรุงเทพฯ น่าจะเป็นสถานที่เที่ยวใกล้บ้านสำหรับครอบครัวที่อยากจะหากิจกรรมให้เด็กๆ ทำในยามว่าง เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ของครอบครัว และเปิดโลกทัศน์เพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตให้ลูกที่กำลังจะเติบโต แม้ในยุคออนไลน์ที่ข้อมูลข่าวสารสามารถค้นหาได้ง่ายและรวดเร็ว แต่การออกไปสัมผัสเรียนรู้ด้วยตัวเอง คือกุญแจสำคัญในการพัฒนาทั้งทางร่างกาย ปัญญา อารมณ์และสังคม ซึ่งสวนสัตว์เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีของเด็กๆ ทุกยุคสมัย และปัจจุบัน “ซาฟารีเวิลด์” เป็นสวนสัตว์เปิดแห่งเดียว ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และเดินทางไปสะดวกและประหยัดเวลา” 

 

“เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับซาฟารีเวิลด์ ชวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี พาบุตรหลานเปิดประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยมอบโปรโมชันบัตรสมาชิกรายปีซาฟารีเวิลด์ ราคา 1,300 บาท (ราคาปกติ 2,880 บาท) พิเศษ! เพียงใช้ 1 คะแนน KTC FOREVER แลกรับส่วนลด 100 บาท หรือใช้ 1,500 คะแนน KTC FOREVER แลกรับส่วนลด 300 บาท

โดยแลกรับโค้ดส่วนลด ผ่านแอปฯ KTC Mobile และนำโค้ดไปรับสิทธิ์ผ่านช่องทาง www.safariworld.com/365 หรือ ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรคนไทยซาฟารีเวิลด์ หรือรับสิทธิพิเศษ ผ่อนชำระ 0%  นาน 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรคนไทยซาฟารีเวิลด์เท่านั้น สามารถซื้อและลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 -  18 สิงหาคม 2567” 

“ทั้งนี้ ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดแหล่งท่องเที่ยว (Attraction) ในไตรมาส 2 ของปี 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 47% และมีจำนวนสมาชิกใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้น 27% เราจึงอยากสนับสนุนให้คนไทยท่องเที่ยวไทยกันมากๆ เพราะในเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รอให้เราไปค้นหาและเคทีซีก็พร้อมจะมอบสิทธิพิเศษเพื่อเติมเต็มความสุขให้สมาชิกทุกช่วงชีวิต” 

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/travel/attractions หรือสอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 สำหรับผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี   

การท่องเที่ยวไต้หวันเผยปี 67 คนไทยไปไต้หวันเพิ่มขึ้นเกือบ 18%  เดินหน้าจับมือเคทีซีเปิดตัวแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ เที่ยวได้ในทุกฤดูกาล พร้อมเผยโฉมโลโก้ ‘Taiwan - Waves of Wonder’ สะท้อนกลยุทธ์การท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สอดรับเทรนด์คนไทยนิยมเดินทางใกล้ วางรูปแบบการท่องเที่ยวตามปัจเจกนิยม และให้คุณค่ากับบริการรักษ์โลก หวังสิ้นปีดันยอดคนไทยเยือนไต้หวันเพิ่มไม่ต่ำกว่านักท่องเที่ยวในช่วงก่อนโควิด 

 

มิสซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ในปี 2566 นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปไต้หวันทั้งสิ้นเกือบ 4 แสนคน และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2567 ยอดรวมนักท่องเที่ยวคนไทยแตะ 153,638 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 17.82% เป็นผลจากการขยายระยะเวลานโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย 14 วัน จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 รวมถึงจำนวนเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ - ไต้หวัน ก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สำหรับในปีนี้ การท่องเที่ยวไต้หวันได้เปลี่ยนโลโก้ใหม่ภายใต้ธีม ‘Taiwan - Waves of Wonder’ เพื่อชูจุดยืนเรื่องกลยุทธ์การท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้รูปแบบเส้นสายลอนคลื่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภูเขา ทะเล ถนนทรงคดเคี้ยว หรือทางรถไฟ      บ่งบอกถึงความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติผสานกับมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของไต้หวัน การเลือกโทนสีส้มเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ขึ้น สื่อถึงความหวังสำหรับการท่องเที่ยวยั่งยืนที่พร้อมส่งต่อไปยังประชากรรุ่นต่อไปในอนาคต  

ถึงแม้ว่าไต้หวันต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้มากขึ้น แต่รัฐบาลก็ได้ออกนโยบายเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม ด้วยการรณรงค์ให้ความรู้แก่หน่วยงานภาคการท่องเที่ยวในเรื่องการลดปริมาณขยะ การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และเคารพวัฒนธรรมพื้นถิ่น นอกจากนี้รัฐบาลยังได้วางแผนงานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) ดังนี้  1) โครงการด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ (Ecotourism Initiatives) การจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ อุทยานธรณี และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมแผนการบริหารด้านการท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อม 2) การคมนาคมคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Transportation) ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางด้วยรถไฟ เส้นทางจักรยาน หรือการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยปริมาณคาร์บอน 3) การรับรองมาตรฐานคุณภาพ (Certification and Standards) รัฐบาลสนับสนุนธุรกิจบริการท่องเที่ยวให้ได้รับใบรับรอง อาทิ  Green Travel Mark และ Travelife เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและรับผิดชอบต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน 4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Development) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวยั่งยืน อาทิ ที่พักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบการกำจัดของเสีย รวมถึงศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวเพื่อให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและมรดกทางวัฒนธรรม 

ทั้งนี้ ปัจจุบันไต้หวันได้มีโครงการที่เป็นแบบอย่างของนโยบายท่องเที่ยวยั่งยืนเชิงรุก อาทิ ระบบยืมแก้วน้ำใช้ซ้ำที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา: เพื่อลดปริมาณแก้วน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยอนุญาตให้ผู้เข้าชมยืมแก้วน้ำใช้ซ้ำ (Reuse) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะลดขยะตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม หรือโครงการติดป้าย Bicycle-Friendly: เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน โดยรับรองมาตรฐานที่พักว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักปั่นจักรยาน และส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

นอกจากเรื่องของการท่องเที่ยวยั่งยืนแล้ว  ไต้หวันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวจากแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับนักท่องเที่ยวใน 4 ฤดูกาลดังนี้ 

  1. ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานและสวยงามที่สุด ไต้หวันมีจุดชมดอกซากุระหลายแห่ง อาทิ ไทเป – อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน หรือสวนเล่อหัว / นิวไทเป - วัดเทียนหยวน / เจียอี้ – อุทยานแห่งชาติอาลีซาน และ เถาหยวน - ลาลา เมาท์เทน  หรือหากต้องการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไต้หวันมีวัดมากถึงกว่า 12,000 แห่งทีเดียว 
  1. ฤดูร้อน (Summer) ไต้หวันเป็นสวรรค์ของนักชิม มีร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินถึง 4 เมืองทั่วเกาะไต้หวันได้แก่ ไทเป  ไถจง เกาสง และไถหนาน ในขณะที่ Street Food ของไต้หวันก็เป็นที่นิยมด้วยรสชาติที่อร่อย มีความหลากหลาย ในราคาที่เหมาะสม  
  1. ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) อากาศช่วงนี้เหมาะกับการปั่นจักรยานท่องเที่ยว ไต้หวันมีเส้นทางการปั่นจักรยานที่จัดอันดับจาก CNN ว่าเป็น 1 ในเส้นทางจักรยานที่สวยงามที่สุดในโลก นั่นคือ เส้นทางปั่นจักรยานรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือจะเลือกแช่บ่อน้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง อาทิ บ่อน้ำพุร้อนหยางหมิงซานที่ไทเป  ซึ่งถือเป็นน้ำพุร้อนที่มีเอกลักษณ์เพราะได้รับความร้อนมาจากภูเขาไฟ ทำให้น้ำพุร้อนมีส่วนผสมของกำมะถันสีขาวและกำมะถันสีเขียว 
  1. ฤดูหนาว (Winter) นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปไต้หวันเพื่อช้อปปิ้ง ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองวันสิ้นปี จะมีการจุดดอกไม้ไฟสว่างไสวไปทั้งเมืองไทเป และหัวเมืองใหญ่ทั่วเกาะไต้หวัน รวมถึงกิจกรรมรื่นเริงอื่นๆ อีกมากมายเพื่อต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ 

 

นางสาวพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชร ผู้บริหาร KTC World Travel Service และการตลาดหมวดสายการบิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของเคทีซีที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอคือเรื่อง Partnership Marketing โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม และขยายขอบเขตความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน อาทิ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว สายการบิน บริษัทตัวแทน (ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์) โรงแรม รถไฟ รถเช่า หรือเรือสำราญ ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้ทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกผ่านงานด้านการท่องเที่ยวหรืองานแฟร์ การจัดเวิร์กชอป และกิจกรรมร่วมกับชุมชน รวมถึงพัฒนาช่องทางสื่อสารให้ตรงกลุ่มสมาชิกมากยิ่งขึ้น สำหรับความร่วมมือกับการท่องเที่ยวไต้หวันในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับที่ดี สะท้อนจากจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีและยอดรวมการใช้จ่ายที่ไต้หวันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ไต้หวันยังคงเป็นเส้นทางยอดนิยมของสมาชิก โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567สมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ไต้หวันเป็นอันดับที่ 5 เมื่อดูจากพอร์ตยอดรวมการใช้จ่ายในต่างประเทศเส้นทางเอเชีย รองจากญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และจีน และสมาชิกเลือกใช้บริการเพื่อเดินทางไปยังไต้หวันผ่าน KTC World Travel Service สูงเป็นอันดับที่ 4 รองจากฮ่องกง ญี่ปุ่น และ จีน โดยมียอดใช้จ่ายสำหรับการเดินทางต่อบุคคลอยู่ที่ 23,000 บาทต่อราย 

ในปี 2567 เทรนด์การท่องเที่ยวมีการปรับเปลี่ยนไป สมาชิกนิยมเลือกใช้เวลาเดินทางสั้นลง และวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตัวเองตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างมากขึ้น รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกใช้บริการด้านการท่องเที่ยว KTC World Travel Service จึงได้รวมผลิตภัณฑ์บริการท่องเที่ยวที่แสดงความมุ่งมั่นด้านรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้ในหมวดที่เรียกว่า ‘Green Products’ โดยเคทีซีได้ร่วมมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรทุกราย สำหรับแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ เคทีซีได้จับมือกับสายการบินหลักได้แก่ ไชน่าแอร์ไลน์ (China Airlines) อีวีเอ แอร์ (EVA Air) สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ (STARLUX Airlines) และการบินไทย (THAI Airways) มอบส่วนลดพิเศษเฉพาะบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อสมาชิกจองตั๋วเครื่องบินผ่านเว็บไซต์สายการบินดังกล่าวรวมถึงผ่านช่องทางของเคเคเดย์ (KKday) นอกจากนี้ KTC World Travel Service ยังได้เสนอแพ็กเกจ ‘Taiwan Explorer’ รวมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และบัตรรถไฟเพื่อเน้นเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยสามารถเลือกเมืองจุดหมายที่ต้องการ เช่น ไทเป เกาสง หรือเมืองทางตอนใต้อื่นๆ สำหรับรายละเอียดแพ็กเกจมีดังนี้ 

  • Taiwan Explorer 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ราคา 13,900 บาท / ท่าน ประกอบด้วย ตั๋วเครื่องบินสาย การบินไชน่าแอร์ไลน์ อีวีเอ แอร์ สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ และการบินไทย เส้นทางกรุงเทพฯ – ไทเป ไป - กลับ ชั้นประหยัด ที่พักโรงแรมอินเฮาส์ ย่านซีเหมินติง 2 คืน รวมอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน และบัตรรถไฟ MRT ใช้เดินทางในไทเปได้ไม่จำกัดเที่ยว ระยะเวลา 3 วัน 
  • Unseen Taiwan 3 วัน 2 คืน ราคา 15,900 บาท / ท่าน ประกอบด้วย ตั๋วเครื่องบินสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ ขาไปเส้นทางกรุงเทพฯ - ไทเป ขากลับเส้นทางเกาสง - กรุงเทพฯ ชั้นประหยัด ห้องพัก 2 คืน ไม่รวมอาหารเช้า และบัตรรถไฟความเร็วสูง Taiwan Pass High – Speed Rail Edition เดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยว ระยะเวลา 3 วัน 

ระยะเวลาการจองตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 – วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ระยะเวลาเดินทางตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 - วันที่ 15 มกราคม 2568 สมาชิกสามารถเลือกใช้บริการแบ่งชำระ 0% นาน 6 เดือน และพิเศษ!   เมื่อชำระค่าตั๋วเครื่องบินหรือแพ็กเกจด้วยบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่าทุกประเภท รับฟรี Dragon Pass ทันที ดูรายละเอียดสิทธิประโยชน์จากแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ ได้ที่ www.ktc.co.th/UNSEENTAIWAN  

นายคณพศ สิทธิวงค์ บรรณาธิการนิตยสาร My World นิตยสารท่องเที่ยวราย 2 เดือนที่จัดพิมพ์สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่สนใจด้านการเดินทางและเป็นผู้มียอดใช้จ่ายสูงในหมวดท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า สมาชิกนิตยสาร My World มีไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวแบบ Frequent Travelers หรือวางแผนการท่องเที่ยวบ่อย ๆ ไต้หวันจึงเป็นเส้นทางที่ตอบโจทย์ เพราะมีองค์ประกอบครบครัน อาทิ วัฒนธรรมที่สะท้อนจากประวัติศาสตร์และประเพณีที่มีอายุยาวนาน นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมควบคู่ไปกับวัฒนธรรมสมัยใหม่ ธรรมชาติและภูมิประเทศที่สวยงาม  เช่น อุทยานแห่งชาติอาลีซาน เมืองทางใต้ที่ทันสมัยและสวยงามอย่างเกาสง หรือเกาะทางใต้ที่มีวิถีดั้งเดิมของชาวประมง เช่น เกาะเผิงหู อาหารไต้หวันเป็นที่รู้จักในเรื่องความอร่อยและหลากหลาย โดยเฉพาะ Street Food ใน Night Market ที่มีในทุกเมืองใหญ่ การเดินทางสะดวก มีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน รถบัส หรือรถไฟความเร็วสูง ชาวไต้หวันมีชื่อเสียงในเรื่องความเป็นมิตรและการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านและสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด 

นางสาวกิจชรัตน์ นทีธำรงสุทธิ์ จากเฟสบุ๊คเพจ Ratto Wanderlust เปิดเผยถึงเทรนด์การท่องเที่ยวไต้หวันมีการปรับเปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว และยังมีสถานที่ Unseen ที่ไม่ควรพลาด เช่น ถนนแห่งของกินย่านหย่งคัง (Yongkang Food Street) ที่นอกจากจะเป็นแหล่งรวมอาหารยอดนิยมโดยเฉพาะอาหารท้องถิ่นแท้ๆ ของไต้หวันแล้ว ยังมีร้านคาเฟ่น่ารักๆ ที่ทำให้ทุกคนเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ รวมถึงสวนหรงจิ่น (Rongjin Gorgeous Time) แหล่งรวมสถานที่โดนใจวัยรุ่นแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเปเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและยังมีกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่น เดินทางสะดวกสบาย กิน ช้อป จบในที่เดียว 

มิสซินดี้ เฉินกล่าวปิดท้ายว่า การท่องเที่ยวไต้หวันได้ร่วมมือกับเคทีซีมาเป็นปีที่ 2 แล้ว และรู้สึกพึงพอใจกับกิจกรรมต่างๆ ที่เคทีซีให้การสนับสนุนด้วยดีทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์และสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรฯ  จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปไต้หวันก็เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าสิ้นปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปไต้หวันเพิ่มไม่ต่ำกว่านักท่องเที่ยวในช่วงก่อนโควิด 

ผู้สนใจสิทธิพิเศษด้านการเดินทางท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 22.00 น. หรือทักแชทไลน์ได้ที่ @KTCWORLD สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

Page 1 of 5
X

Right Click

No right click