November 06, 2024
×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 807

LINE MAN Wongnai ผู้นำแพลตฟอร์มออนดีมานด์และข้อมูลร้านอาหารไทย เผยการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มต้องยึดวิธี Personalized เข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง พร้อมชูจุดแข็ง O2O เชื่อมต่อผู้ใช้-ไรเดอร์-ร้านอาหาร ยกระดับ Customer Journey ทั้งโลกออนไลน์และออฟไลน์ ตอกย้ำจุดแข็งการเป็น End-to-end Food Ecosystem เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคแบบครบวงจร

ภายในงาน CREATIVE TALK CONFERENCE 2023 FESTIVAL นายจิโรจ โหราไทย Head of Business Development จาก LINE MAN Wongnai ได้ฉายภาพเกี่ยวกับแพลตฟอร์มโฆษณาแห่งอนาคต ในหัวข้อ "The Future of Ads Platforms" เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า LINE MAN Wongnai ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนไทยทุกช่วงเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน เรียกได้ว่าเป็น Customer Journey ที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน มีมิติด้าน O2O หรือ Online & Offline Intergration เป็นจุดแข็งและกลยุทธ์สำคัญของ LINE MAN Wongnai ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีผู้ใช้คนไทยมากกว่า 10 ล้านคน เชื่อมต่อไปยังร้านค้าและไรเดอร์จำนวนมากทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทได้เปิดช่องทางให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มนี้ผ่านรูปแบบการนำเสนอตำแหน่งของสื่อโฆษณาทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งไฮไลท์สำคัญในปีนี้จะสะท้อนให้เห็นภาพของการเป็น O2O ที่ชัดเจน

ทำโฆษณาให้สำเร็จในมุม LINE MAN Wongnai ต้อง Personalized เข้าใจลูกค้า

นายจิโรจ เผยถึงหัวใจหลักในการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มให้ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ระบุว่า LINE MAN Wongnai มีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคในการค้นหาร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม โดยใช้วิธี Personalized ตามประวัติการสั่งอาหารของผู้ใช้แต่ละคนเพื่อแนะนำร้านอาหารให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น โดยธรรมชาติของกลุ่มผู้ใช้งาน LINE MAN เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อแล้วได้สินค้าทันที (instant gratification) หากแพลตฟอร์มพัฒนาการแนะนำข้อมูลให้กับผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถเปลี่ยนเป็นยอดขายจริงได้ทันที

สิ่งสำคัญสำหรับการโฆษณา คือ การไล่ตามให้ทันความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค ที่มองหาความสะดวกสบายและความเป็น Personalized เพิ่มมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการโฆษณาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากเมื่อก่อนมีร้านค้าปลีกที่ต้องไปเลือกซื้อของที่ร้าน ปัจจุบันถูกพัฒนามาสู่บริการ

แบบออนดีมานด์ที่เชื่อมโลกออฟไลน์กับออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ผู้บริโภคที่เคยรอได้ กลายเป็นอยากได้เดี๋ยวนี้ จากเดิมคอนเทนต์เนื้อหากว้าง ๆ เข้าถึงทุกคน กลายเป็นต้องเฉพาะเจาะจงแบบบุคคล

“ในฐานะแพลตฟอร์มออนดีมานด์ของไทย เราเล็งเห็นความสำคัญของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะวิวัฒนาการของธุรกิจค้าปลีกที่เข้าสู่การขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ มาสู่การส่งผ่านทาง เดลิเวอรี ที่ย่นระยะเวลาให้ของถึงมือผู้บริโภคได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ LINE MAN Wongnai มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องการปรับตัวสู่ยุคเดลิเวอรีสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์มของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายจิโรจ กล่าวทิ้งท้าย

LINE MAN Wongnai มีโซลูชันการตลาดที่ครบวงจรตอบโจทย์การทำการตลาดแบบ Full-funnel Marketing ตั้งแต่ Awareness สร้างการรับรู้ของผู้บริโภค ผ่านโฆษณาออนไลน์ In-app banner ในแอป LINE MAN และโฆษณาออฟไลน์บนกระเป๋าของไรเดอร์ Consideration สร้างปฏิสัมพันธ์ผ่านคอนเทนต์และ KOLs สายอาหาร ความงาม ท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ของ Wongnai Activation ยกระดับประสบการณ์ร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ผ่านกิจกรรมออฟไลน์ อย่างเทศกาลอาหารและเอ็กซ์คลูซีฟอีเว้นเฉพาะของแบรนด์ Conversion เพิ่มการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ด้วยการแจกสินค้าตัวอย่างผ่านออเดอร์ LINE MAN และ Loyalty กระชับความสัมพันธ์กับผู้ใช้ผ่านการมอบคูปองส่วนลดพิเศษ LINE MAN จากแบรนด์

ศูนย์ศึกษาสื่อและการสื่อสารอาเซียน (AMSAR) โครงการปริญญาโท สาขาวิชานิเทศศาสตร์การตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิจัย

บิ๊กดาต้าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจค้าปลีก และแบรนด์สินค้าเพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตและสามารถแข่งขันในยุคเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูลหรือดาต้าเป็นหลัก

ดันน์ฮัมบี้ (ประเทศไทย) บริษัทที่ทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลและนำข้อมูลเชิงลึก ให้การบริการแก่ลูกค้าชั้นนำต่างๆ ได้แก่ Tesco The Kroger Coca-Cola Macy's Procter & Gamble และ PepsiCo เผย "บิ๊กดาต้า กำลังเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนโลกแห่งการโฆษณา และถึงแม้คำว่า บิ๊กดาต้า ถือเป็นคำใหม่ในแวดวงการตลาดในประเทศไทย แต่บิ๊กดาต้าได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโลกของธุรกิจ

หลายบริษัทเน้นที่จะให้ความสำคัญกับบิ๊กดาต้า เพราะเมื่อถูกนำมาใช้อย่างถูกต้องแล้ว บิ๊กดาต้าสามารถนำมาใช้ในการสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจได้ในทุกอุตสาหกรรม ซึ่ง ดันน์ฮัมบี้ สามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านค้าปลีกของลูกค้าทั่วประเทศได้มากกว่า 70 % ทำให้บริษัทมีความเข้าใจถึงความแตกต่างของลูกค้าหลากหลายประเภทได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่พวกเขาซื้อ เหตุผลที่พวกเขาซื้อสินค้านั้น และขั้นตอนระหว่างการตัดสินใจซื้อสินค้า

นายธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานกรรมการผู้จัดการฝ่ายการพาณิชย์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ดันน์ฮัมบี้ จำกัด กล่าวว่า "เราต้องให้ความสำคัญและทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ตั้งแต่เริ่มรู้จักผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนการพิจารณาเพื่อเลือกแบรนด์ ตลอดจนการตัดสินใจเลือกแบรนด์ และซื้อสินค้าจากแบรนด์นั้นในที่สุด"

"เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งการขยายสาขาของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันช่องทางการซื้อสินค้าออนไลน์ก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันที่สูงมากในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค และด้วยตัวเลือกที่มีมากขึ้นในการซื้อสินค้าหมวดหมู่เดียว และมีช่องทางการซื้อหลากหลายให้กับผู้บริโภค ผลลัพธ์คือ การจะทำให้คนจงรักภักดีต่อแบรนด์จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากขึ้น พอๆกับการดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ และลูกค้าสามารถสับเปลี่ยนเลือกซื้อสินค้าได้หลากหลายแบรนด์มากขึ้น

 

 

นอกจากนี้เส้นทางการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือ Customer Journey ไม่ได้เริ่มจากบ้านแล้วตรงมาซื้อที่จุดขายอีกต่อไป แต่มี Customer Journey และวิธีการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น และแต่ละคนมีวิธีการตัดสินใจซื้อสินค้าที่แตกต่างกันออกไป

ดังนั้น การที่เราเข้าใจความแตกต่างของกลุ่มลูกค้า โดยการสร้างกลยุทธ์ของการสื่อสารที่มีความเฉพาะเจาะจง เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสื่อสารกับลูกค้าในทุกช่องทาง เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับลูกค้า"

ดันน์ฮัมบี้ แบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่หลักๆ โดยเมื่อดูจากช่องทางการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคของลูกค้าแล้ว คือ

กลุ่มลูกค้าที่ซื้อจากร้านค้า

กลุ่มลูกค้าที่ซื้อของออนไลน์

กลุ่มลูกค้าที่ซื้อจากทั้งสองช่องทาง

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลของดันน์ฮัมบี้ ได้พบว่าประวัติของลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันไป โดยกลุ่มที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์เป็นส่วนใหญ่คือกลุ่มที่มีรายได้สูง คิดเป็น 63 % ของลูกค้าที่ซื้อสินค้าออนไลน์ทั้งหมด

 ในขณะที่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าในร้านส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลาง คิดเป็น 53 % ของลูกค้าที่ซื้อจากร้านค้าทั้งหมด และกว่า 56 % ของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านทั้งสองช่องทาง คือ กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูง

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเข้าถึงลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง ผ่านกลยุทธ์ทางสื่อสารและโฆษณาที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะและพฤติกรรมที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละราย การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากบิ๊กดาต้าจึงมีบทบาทสำคัญในการวางกลยุทธ์การสื่อสารและโฆษณาให้มีประสิทธิภาพ

ดันน์ฮัมบี้ เชื่อว่า ร้านค้าในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และร้านค้าปลีกขนาดใหญ่จะยังคงมีบทบาทสำคัญสำหรับลูกค้าชาวไทย และสื่อโฆษณา ณ จุดขาย มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าที่จัดขายเพิ่มมากขึ้น

 

 

จากผลการวิจัยพบว่า กลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าและเห็นโฆษณาทั้งที่ร้านค้าและผ่านทางออนไลน์นำคูปองส่วนลดมาซื้อสินค้าที่ร้านค้ามากกว่า 43% เมื่อเทียบกับอัตราการนำคูปองส่วนลดมาซื้อสินค้าของลูกค้าที่ซื้อสินค้าและเห็นโฆษณาผ่านทางช่องทางเดียว

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สื่อโฆษณา ณ จุดขาย มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้า ในขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของช่องทางการซื้อสินค้าสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศไทย ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคในการเชื่อมต่อกับลูกค้าผ่านสื่อดิจิตอล

แต่สิ่งที่สำคัญคือการใช้กลยุทธ์การสื่อสารและโฆษณาที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ด้วยการทำความเข้าใจในพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าใน Customer Journey ขั้นตอนต่างๆของกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างลึกซึ้ง

"ท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายสำคัญสำหรับนักโฆษณาก็คือ การรักษากลุ่มลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ พร้อมกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ และการดึงดูดลูกค้าที่ยังคงซื้อสินค้าสลับไปมาหลายแบรนด์ให้หันกลับมาซื้อแบรนด์ของเราเป็นประจำ การใช้ กลยุทธ์การสื่อสารและโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง โดยผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจาก บิ๊กดาต้า จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีขึ้น ด้วยเนื้อหาและช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้า

ส่งผลให้การสร้างกลยุทธ์การโฆษณามีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ บิ๊กดาต้า ยังเป็นเครื่องมือการวัดผลที่มีประสิทธิภาพ เพราะเป็นตัวชี้วัดว่ากลุยทธ์การสื่อสารและโฆษณาที่คิดขึ้นมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด และยังเป็นแนวทางต่อไปสำหรับแบรนด์ได้ โซลูชั่นการโฆษณาเชิงกลยุทธ์ของเรานั้นมีเครื่องมือที่เหมาะสมและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพื่อให้แบรนด์สามารถดึงดูดและรักษาลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ได้ต่อไปในระยะยาว" นายธีรเดช กล่าว

 

 

 

X

Right Click

No right click