ส่องเทรนด์ OEM ทางเลือกสำหรับคนต้องการสร้างแบรนด์ 3 อันดับ สินค้ามาแรง ได้แก่ อาหารเสริม เครื่องสำอาง สินค้าสุขภาพ ซื้อง่าย ขายคล่อง กำไรสูง ขณะที่ “อาร์ตทอย” ดึงความสนใจผู้ผลิต เจาะตลาดมากขึ้น ภาพรวม OEM เติบโตก้าวกระโดดตลอด 5-10 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลาง Red Ocean การแข่งขันสูง ทั้งด้านนวัตกรรม ราคา การตลาด การผลิตรูปแบบใหม่ บริการข้อมูลซัพพอร์ตลูกค้า แนะผู้ประกอบการปรับตัวรับความท้าทาย
นายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยว่า เทรนด์การรับผลิตสินค้าให้กับผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง หรือ OEM (Original Equipment Manufacturer) เรียกว่าได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทที่ต้องการมีสินค้าของตนเองส่วนใหญ่จะเน้นการขายสินค้าเป็นหลัก และไม่มองเรื่องของกระบวนการผลิต จึงเลือก OEM ที่เหมาะสม วัตถุดิบที่เหมาะสม นอกจากจะเลือก OEM แล้ว ยังเลือกซัพพลายเออร์ที่จะนำวัตถุดิบมาให้ OME ผลิตด้วย กลายเป็นเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น และ OEM กลายเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากจะมีสินค้าของตนเอง เป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับ 3 อันดับ สินค้ามาแรงใน OEM ได้แก่ อันดับ 1 อาหารเสริม อันดับ 2 เครื่องสำอาง และ อันดับ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ยาดม ยาหม่อง ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเสื้อผ้า เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ เป็นกลุ่มซื้อง่ายขายคล่อง สร้างแบรนด์ง่าย และได้กำไรเฉพาะตัวเยอะ ทำให้ผู้เริ่มต้นชื่นชอบในกลุ่มนี้ อีกทั้ง “อาร์ตทอย” ยังได้รับความนิยมสูงขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ผู้ผลิตหันมาจับกลุ่มนี้มากขึ้น
“การเติบโตของ OEM หากเทียบกับ 5-10 ปีที่ผ่านมา เรียกว่าเติบโตหลายเท่าตัว และมีโรงงาน OEM เกิดใหม่ค่อนข้างเยอะ แข่งขันกันในเชิง Red Ocean หรือพื้นที่ทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ทุกโรงงานค่อนข้างรับงานเยอะขึ้น ส่งผลให้มีการแข่งขันด้านราคา เพราะสินค้าใหม่ที่ผลิตออกมา น้อยรายที่จะผลิตด้วยตนเอง ส่วนใหญ่จึงจ้าง OEM เป็นหลัก”
อย่างไรก็ตาม แม้ OEM จะมีการเติบโตสูงและโอกาสอีกมาก แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายของตลาด “นาคาญ์” กล่าวต่อไปว่า ตลาด OEM ต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น หากเป็นเพียงแค่ OEM อย่างเดียว หรือมีการทำตลาดที่ลิงค์ไปกับลูกค้าน้อย อาจจะเสียลูกค้าให้กับ OEM รายอื่นที่พัฒนาตัวเองมากขึ้นได้ ดังนั้น จำเป็นต้องมีบริการมากขึ้น เช่น การหาข้อมูลเพื่อซัพพอร์ตลูกค้า เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือการผลิตสินค้ารูปแบบใหม่
“สิ่งที่ OEM ต้องทำ คือ การพัฒนานวัตกรรมของตนเองและลดต้นทุนในกระบวนการผลิตเพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าที่ถูกลงกว่าเดิม มองว่า 2 อย่างนี้มีความจำเป็นมาก คือ มีสินค้าที่มีนวัตกรรม คุณภาพดี และราคาถูกไปด้วยกัน นี่จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ว่า จะทำอย่างไรให้ผลิตได้เยอะ ราคาถูก และต่อรองวัตถุดิบมาได้ในราคาถูก ต้องมองเป็นเชนในตลาด สามารถตอบโจทย์ลูกค้า ให้ขายของในตลาดได้ง่ายขึ้น ของคุณภาพดี คนซื้อ ใช้ซ้ำ มีการตลาดที่ดี มีนวัตกรรมที่ดี และต้นทุนที่ถูก การแข่งขันของ OEM จะอยู่ตรงนี้”
ขณะเดียวกัน “ธุรกิจอาหารเสริม” ซึ่งนับว่าเป็นเบอร์ 1 ใน OEM มีการแข่งขันสูงขึ้นมากจากเดิมที่มีโรงงานราว 600-700 แห่ง ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมากกว่าพันแห่ง ส่งผลให้การแข่งขันเข้มข้นขึ้น ผู้เล่นที่เข้ามาในตลาดบางรายนำเข้าสารสกัดโดยเปิดเป็นโรงงานเล็กๆ ของตัวเอง ในทางกลับกัน โรงงานเองก็อาจจะนำเข้าสารบางตัวมาเพื่อที่จะให้ลูกค้าของตนเองด้วย
นาคาญ์ กล่าวต่อไปว่า การแข่งขันที่มากขึ้น ผู้เล่นมากขึ้น เป็น Red Ocean แต่หากมองในแง่ดี เราจะกลายเป็นแหล่งผลิตสำคัญให้กับภูมิภาค ดังนั้น จะทำให้มีความโดดเด่นและเติบโต นอกจากนี้ ประเทศไทย ถือเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ดีในตลาดโลก และอาหารเสริมอาจจะได้อานิสงส์การผลิตในตลาด เติบโต เป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว
“ภาพรวมตลาดยังโตได้อีก ยังไม่ถึงจุดสูงสุด ยังมีผู้เล่นเยอะ และมีความเหนื่อยในการแข่งขันประมาณหนึ่ง การที่จะลดต้นทุนอย่างไรอาจเป็นโจทย์ที่สำคัญ ที่ผู้ประกอบการด้านอาหารเสริม จะต้องพยายามพัฒนาตนเองไม่เช่นนั้นก็จะสู้ไม่ไหวเช่นกัน เพราะกำลังเข้าสู่ Red Ocean อย่างที่กล่าว”
สำหรับคนที่เริ่มต้นมองหาธุรกิจและต้องการผู้ผลิต OEM ที่น่าเชื่อถือ สามารถร่วมหาไอเดียได้ที่งาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 มหกรรมที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการมีเริ่มต้นธุรกิจ และต้องการเพิ่มยอดขายออนไลน์โดยเฉพาะ โดย บริษัท โควิก เคทท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะผู้ผลิต OEM กลุ่มอาหารเสริม เครื่องสำอาง และสมุนไพร นับเป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมงาน OEM Manufacturer Expo มาอย่างต่อเนื่องทุกปี
นาคาญ์ เผยในฐานะ กรรมการผู้จัดการ ว่า ตลอดการดำเนินกิจการมากว่า 30 ปี มีลูกค้าหลายรายเริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ จนกระทั่งสามารถตั้งโรงงานผลิตและเติบโต ซึ่งในฐานะผู้ผลิต OEM รู้สึกภูมิใจที่สามารถช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จได้ มองว่าตลาดนี้หากคนที่เข้ามาจับแล้วมีมุมมอง มีวิชั่นที่ดี โอกาสโตจะสูงมาก กลุ่มนี้สามารถเติบโตในตลาดได้ระยะยาว นับเป็นจุดแข็งของอุตสาหกรรมนี้
“อยากจะเรียนเชิญผู้ที่สนใจ ไม่ว่าจะผู้ผลิต OEM หรือ ผู้ที่อยากจะมีสินค้าของตนเอง แต่ยังไม่มีไอเดีย สามารถมาร่วมมหกรรม OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 เพราะนอกจากจะมีผู้ผลิตอาหารเสริม เครื่องสำอาง แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ OEM ด้านอื่นๆ ครอบคลุมทุกความต้องการจบในงานเดียว อีกทั้ง ยังมีงาน e-BIZ Expo เป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่สนใจในการทำธุรกิจออนไลน์ เพิ่มโอกาสในการพบปะกับผู้ให้บริการที่สามารถสนับสนุนการเติบโตในยุคดิจิทัล” นาคาญ์ กล่าว
สำหรับ งาน OEM Manufacturer & e-BIZ Expo 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 สิงหาคม 2024 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 19.00 น. ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-229-3515, 02-229-3503 หรืออีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. , This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. หรือทาง Facebook : e-Biz Expo , OEM Manufacturer Expo
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ผนึกเครือข่ายจัดใหญ่งานมหกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า โดยมุ่งเป้า 3 ประเด็นหลัก โชว์นวัตกรรมรีไซเคิล จัดสัมมนาเจรจาจับคู่ธุรกิจ และเผยแพร่องค์ความรู้กฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ คาดมีผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่าหมื่นคนต่อวัน
เมื่อเร็วๆ นี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานแถลงข่าวการจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี นี้ ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” โดยได้รับเกียรติจากนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. และนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน EnwastExpo 2023 ณ ลานไทยเบฟ ชั้น 10 ส.อ.ท.
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงานแสดงสินค้าบริการและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ว่าเป็นผลมาจากสถานการณ์สิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ทำให้ต้องหาวิธีผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดขยะและกากของเสียที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี จากรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในปี 2560 ประเทศไทยมีปริมาณขยะประมาณ 27 ล้านตันหรือประมาณ 74,998 ตัน/วัน ซึ่งหมายความว่าแต่ละคนสร้างขยะปริมาณ 1.13 กิโลกรัม/วัน และมีกากอุตสาหกรรมเกิดขึ้น 33 ตัน/ปี ทั้งที่เป็นอันตรายและไม่อันตราย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการอย่างถูกวิธี และสอดคล้องตามแนวทาง BCG เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมนี้
"นับเป็นโอกาสที่ดีที่เรายังมีอุตสาหกรรมที่เข้ามาช่วยสนับสนุนและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ก็มีนโยบายเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการดำเนินงานของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกลุ่มสนับสนุนความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม และเราพร้อมเดินหน้านำนวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการกำจัดขยะ ของเสีย เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายเกรียงไกร กล่าว
นอกจากนี้ นายเกรียงไกร ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “การร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งเป็นธีมในการจัดงานครั้งนี้ว่ามีองค์ประกอบด้วยกัน 3 ส่วน ได้แก่ 1.ต้นทาง ผู้กำเนิดมลพิษและขยะ 2.ปลายทาง ผู้ที่จะช่วยลด บำบัด กำจัดมลพิษและขยะ โดยนำเครื่องมือเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าการลงทุนและการคืนกำไรสู่สังคม และ 3. ระหว่างทาง ซึ่งจะต้องอาศัยนโยบายของภาครัฐในการเข้ามากำกับดูแลเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี อันนำไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อมที่สมดุลและยั่งยืน
ด้านนายธีระพล ติรวศิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการจัดงานกล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม ส.อ.ท. ร่วมกับสมาคมการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนในฐานะเจ้าภาพร่วมจากหน่วยงานที่กำกับดูแลสิ่งแวดล้อม อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รวมไปถึงภาคเอกชนทั้ง SCG, AMATA Facility และสมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ในการจัดงานมหกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย หรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการจัดงานใหญ่ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียในประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกำไร และพร้อมผลักดันการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการจัดการมลพิษและของเสียที่เกิดจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม ชุมชน สังคม ตลอดจนภาคครัวเรือน ซึ่งงานด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะนี้ในต่างประเทศ ประสบความสำเร็จและมีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
นายธีระพลกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรกการจัดการแสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสีย พร้อมโชว์เทคโนโลยีนวัตกรรมรีไซเคิลต้นแบบ ส่วนที่สองการจัดสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและจับคู่ธุรกิจ เพื่อให้ผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยี ผู้ก่อกำเนิดกากของเสียการจัดการมลพิษจากต้นทางและผู้รับบำบัด กำจัดและรีไซเคิลกากของเสียและมลพิษประเภทต่าง ๆ มาพบปะกันเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ
“การจัดงานครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียอย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจ มีการสัมมนานำเสนอองค์ความรู้ใหม่ ให้ทันกับสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ตลอดจนการนำเสนอเทคโนโลยีการสื่อสารและกฎหมายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ เราจะขนมาไว้ในงานนี้ เพื่อเป็นแหล่งรวมให้กับผู้สนใจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านนี้” นายธีระพล กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เยี่ยมชมงาน นอกจากจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว ยังมีผู้บริหารโรงงานขนาดกลาง-ใหญ่กว่า 40,000 โรงงาน เจ้าหน้าที่และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ นักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนที่สนใจทั่วไป โดยคาดว่าจะมีผู้เยี่ยมชมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 คน มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจมากกว่า 300 คู่ สัมมนาและเวิร์คช้อปมากกว่า 20 หัวข้อ และมีบริษัทด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมจัดแสดงสินค้านวัตกรรมมากกว่า 100 บริษัท
การจัดงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียหรือ EnwastExpo 2023 (Environmental & Waste Management Expo 2023) จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2566 นี้ ณ อาคาร 6 อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้ธีม”ร่วมขับเคลื่อนสู่โลกที่ดีกว่า” สนใจสอบถามรายละเอียดการจัดงานได้ที่กลุ่มอุตสาหกรรมการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โทร.02 345 1000 หรือ www.enwastexpo.com
ดีป้า ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเครือข่ายพันธมิตรภาคการศึกษาระดับประเทศ จัดกิจกรรมเสวนา Technology, Skills, and the New Trend of Work: ทักษะดิจิทัลใหม่ เรียนจบไม่ตกงาน ชี้แนวทางการพัฒนากำลังคนดิจิทัล และการจ้างงานนิสิต นักศึกษา และบัณฑิตจบใหม่ สนองตอบความต้องการกำลังคนดิจิทัลของภาคอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเศรษฐกิจไทยในอนาคต