September 19, 2024

ทรู จัดเต็มถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ โอลิมปิก ปารีส เกมส์ 2024  ให้ชมสดพร้อมกันทั่วโลก  พร้อมชวนชาวไทยร่วมส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาทีมชาติไทย สู้สุดทุกสนามไปด้วยกัน   ดูฟรี ทุกจอ ทุกเวลา ทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง แอปทรูวิชั่นส์ นาว(ใหม่)  ทรูวิชั่นส์ ระบบจานดาวเทียม เคเบิ้ล  และทรูไอดี 

ดึงไฮไลท์ผู้บรรยายมากประสบการณ์ คอมเมนเตเตอร์ชื่อดังที่คุ้นเคย  ร่วมวิเคราะห์และสร้างสีสันให้ตลอดการแข่งขัน และจัดเต็มกิจกรรมสุดอ็กซ์คลูชีฟร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ เพิ่มความสุขในทุกการชมกีฬา ประเดิมพาชมบรรยากาศความยิ่งใหญ่ พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในกรุงปารีส ที่จะเริ่มต้นขึ้นในคืนวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ซึ่งจะมีนักกีฬาและนักแสดงหลายพันคน เข้าร่วมขบวนในแม่น้ำแซน ตลอดระยะทาง 6 กิโลเมตร ผ่านทางทรูวิชันส์ระบบจานดาวเทียม และเคเบิ้ล 3 ช่องหลัก True Premier Football 3, 4, 5 (603 ,604, 605) และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์ นาว (ใหม่) รับชมพิธีเปิดที่ช่อง NOW Olympic Special 1, 2, 3 รวมไปถึงผ่านทรูไอดีทั้ง แอป, เว็บไซต์ และ กล่องทรูไอดี ทีวี ชมพิธีเปิดที่ช่อง TrueID Sports 1 

นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าผู้บริหารหน่วยงานทรูวิชั่นส์และมีเดีย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “  โอลิมปิก ปารีส เกมส์ 2024 เป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทั่วโลกต่างรอคอย โดยเฉพาะในปีนี้ผู้คนทั่วโลกต่างเฝ้ารอชม ตั้งแต่พิธีเปิดการแข่งขันที่จะเริ่มอย่างเป็นทางการเวลา 19:30 น. และจะไปสิ้นสุดเวลา 23:00 น. ของวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งจะตรงกับเวลา 00:30-04:00 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 ตามเวลาของประเทศไทย  ซึ่งทรู คอร์ปอเรชั่น ในฐานะ Official Broadcaster ของการถ่ายทอดสดโอลิมปิก ปารีส เกมส์ 2024 ได้นำศักยภาพความเป็นผู้นำด้านการถ่ายทอดสดกีฬาชั้นนำ และซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่ดีที่สุดและมากที่สุด ของทรูวิชั่นส์ ในฐานะ “คิง ออฟ สปอร์ตส์” จัดเต็มเป็นพิเศษให้ชาวไทยไม่พลาดทุกกีฬาที่ชื่นชอบ ถ่ายทอดสดถึง 24 ช่อง ด้วยความคมชัดระดับ HD มาพร้อมระบบเสียง 2 ภาษา ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสเข้าถึงการแข่งขันได้แบบเต็มอิ่ม เหมือนอยู่ในสนามการแข่งขัน และที่พลาดไม่ได้ ทรูวิชั่นส์ มาพร้อมการบรรยายไทย ด้วยทัพนักพากย์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่จะมาช่วยสร้างสีสันในการเชียร์ครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการยกระดับการเชียร์กีฬายิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงยังสามารถรับชมการแข่งขันกีฬาย้อนหลัง (รีรัน) ได้แบบทุกที่ ทุกเวลา ตามความต้องการ พร้อมเชิญชวนส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาทีมชาติไทย สู้สุดทุกสนามไปด้วยกัน   ดูฟรี ทุกจอ ทุกเวลา  ผ่านหลากหลายแพลตฟอร์ม ดูฟรี ทั้งทรูวิชั่นส์ระบบจานดาวเทียม และระบบเคเบิ้ล แอปพลิเคชั่นทรูวิชั่นส์ นาว (ใหม่) และทรูไอดี ทั้ง แอป, เว็บไซต์ และ กล่องทรูไอดี ทีวี   ตั้งแต่ 26 กรกฎาคม จนถึง 11 สิงหาคม 2567 

 

  • ทรูวิชั่นส์ระบบจานดาวเทียม และระบบเคเบิ้ล สามารถรับชมได้ที่ 3 ช่องหลัก 
  • True Premier Football 3, 4, 5 (603 ,604, 605) 
  • แอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์ นาว (ใหม่)  
  • รับชมครบ 24 ช่อง  ประกอบด้วยช่อง NOW Olympic Special 1, 2, 3 พร้อมช่องพิเศษ ให้ติดตามผลงานของนักกีฬาไทย, ช่อง NOW Olympic 4-23 เพื่อติดตามการแข่งขันและอีก 1 ช่องข่าว NOW Olympic News ที่จะรายงานผลการแข่งขัน, สัมภาษณ์นักกีฬาแบบเอ็กซ์คลูซีฟ และไฮไลท์ประจำวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมพบกับประสบการณ์สุดพิเศษที่จัดเต็มให้คุณเลือกรับชมกีฬาที่คุณชื่นชอบ รวมถึงยังสามารถรับชมการแข่งขันกีฬาย้อนหลัง (รีรัน) ได้แบบทุกที่ ทุกเวลา ตามความต้องการ รับชมฟรีทันที เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์ นาว (ใหม่) ได้แล้ววันนี้ เพียงค้นหาคำว่า TrueVisions NOW ทาง App Store (IOS), Google Play (Android) และทาง TV STORE อาทิ Apple TV, Android TV, Samsung TV และ LG TV หรือคลิก https://truevisions-now.onelink.me/RQwi/zrw142fi 
  • ทรูไอดี ดูฟรีครบทุกแพลตฟอร์มทั้ง แอป, เว็บไซต์ และ กล่องทรูไอดี ทีวี 
  • รับชมเกมการแข่งขันกันได้แบบเต็มอิ่มจุใจถึง 24 ช่อง ได้แก่ ช่อง TrueID Sports 1 , TrueID Sports 2 , TrueID Sports 3 และ ช่องโอลิมปิก 21 ช่อง ประกอบด้วยช่อง NOW Olympic 4-23 และ NOW Olympic News ดูได้ครบทุกแพลตฟอร์ม ทุกที่ทุกเวลา ผ่านทั้ง 3 ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันทรูไอดี, เว็บไซต์ทรูไอดี และ กล่องทรูไอดี ทีวี เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกกีฬาที่ชื่นชอบ พร้อมกันนั้นยังได้สนุกตื่นเต้น มันส์มากกว่า ไปกับกิจกรรมและสิทธิพิเศษอีกมากมายจากทาง ทรูไอดี 

เมื่อศิลปะไม่ได้ถูกจำกัดเพียงในกรอบ แต่ก้าวล้ำไปตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในช่วงที่ผ่านมานี้ “Immersive Art” ที่เป็นหนึ่งในรูปแบบงานศิลปะยุคดิจิทัลจึงเป็นที่น่าจับตา เพราะเป็นการจัดแสดงงานศิลปะในห้องโล่งกว้าง ผ่านการฉายภาพสาดแสงไปทั่วทุกมุม ให้ผู้ชมรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมกับแสงสี และมีส่วนร่วมกับงานศิลปะนั้นได้ และจะดีมากแค่ไหน ถ้าเราจะได้สัมผัสกับงานอาร์ตสุดล้ำในกลุ่มเล็กไม่เกิน 10 คน พร้อมกับเปิดให้รับชมงานถึง 2 รอบต่อการเข้าชมหนึ่งครั้ง เพื่อให้สัมผัสกับอรรถรสของการเสพศิลป์ของงาน Immersive Art ได้มากที่สุด  

ความพิเศษเช่นนี้  จัดแสดงที่นิทรรศการ “The Abyss Beyond”   ภายใต้ความร่วมมือกันอีกครั้งของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค และ Topos Studio ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการจัดแสดงงานดิจิทัลอาร์ตจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งครั้งนี้จัดในพื้นที่ของ TDPK Studio 1 บนชั้น 2 ของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์  

ก่อนไปชมงาน อยากพาทุกคนไปสำรวจที่มาที่ไป ธีมหลักของงาน พร้อมคำแนะนำในการรับชม ที่จะทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์แสนพิเศษไปด้วยกัน จากสตูดิโอชั้นนำจากเกาหลีใต้ สู่การจัดนิทรรศการดิจิทัลอาร์ตครั้งที่ 2 ในไทย 

 Topos Studio คือสตูดิโอที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างสรรค์ผลงานอาร์ตจากเทคโนโลยีดิจิทัลจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยมีการร่วมมือทำงานกับศิลปินระดับโลกและครีเอเตอร์มากมาย โดยในปีที่ผ่านมา ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้เคยร่วมมือกับ Topos Studio จัดนิทรรศการศิลปะ “The Gate immersive Theater” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี ทำให้ในปี 2567 นี้เกิดความร่วมมือในการจัดแสดงงานอีกครั้งกับนิทรรศการดิจิทัลอาร์ต “The Abyss Beyond” 

นิทรรศการครั้งนี้ตั้งใจถ่ายทอดผลงานศิลปะในสไตล์ Contemporary โดยร่วมมือกับ 2 ศิลปิน เพื่อถ่ายทอดผลงานโดยใช้พลังของสื่อใหม่ สร้างสรรค์เป็นงาน Immersive Art เพื่อมอบประสบการณ์ศิลปะแบบใหม่ ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเช่นเคย” Daegyeom Heo ซีอีโอของ Topos Studio กล่าว 

พื้นที่จัดแสดงงานยังคงเป็น ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ โดยมีการพัฒนาพื้นที่เป็นโซน TDPK Studio ที่เปิดกว้างสนับสนุนงานอาร์ตและศิลปินรุ่นใหม่อย่างเต็มที่ ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า 

นอกเหนือจากความตั้งใจให้พื้นที่ของเราเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีล้ำสมัยแล้ว เรายังเปิดกว้างสำหรับงานศิลปะรูปแบบต่างๆ รวมถึงงานศิลปะรูปแบบใหม่ที่ถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านเทคโนโลยี ให้ได้มาจัดแสดงในคอมมูนิตี้แห่งนี้ โดยตั้งใจให้เป็นเวทีของศิลปิน สตูดิโอ รวมถึงสตาร์ทอัพต่างๆ ที่มีความสามารถทั้งไทยและต่างประเทศ” 

“The Abyss Beyond” เปิดประสบการณ์อันลึกซึ้งของห้วงเวลาลึกลับที่ยากจะเข้าถึง 

นิทรรศการ “The Abyss Beyond” ได้คัดสรร 2 ผลงานจาก 2 ศิลปินร่วมสมัยที่มีผลงานในธีมเดียวกัน นั่นคือการสื่อสารถึงเรื่องห้วงของจิตไร้สำนึก ช่วงเวลาที่เชื่อมต่อของความเป็นและความตาย ซึ่งเป็นห้วงเวลาลึกลับที่อยากให้งาน Immersive Art พาผู้ชมเข้าไปสำรวจ สร้างแรงบันดาลใจ และขยายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับโลก และตัวตนของตัวเอง  

ผลงานชิ้นที่หนึ่ง “Abyss of Black and Light: We are the Primitive of New Era” คือผลงานสุดท้ายในชีวิตของ Aldo Tambellini ศิลปินชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี ผู้บุกเบิกศิลปะ Media Art และนักสำรวจพื้นที่มืดตลอดชีวิต เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้นำด้าน Avant-garde โดยร่วมก่อตั้ง Gate Theatre ในมหานครนิวยอร์ก และมีผลงานจัดแสดงในระดับนานาชาติมากมาย สำหรับผลงานที่จัดแสดงในครั้งนี้ใช้ภาพ สื่อที่สมจริง ที่มาพร้อมเสียง Ambisonics เพื่อสร้าง ‘มิติ’ ของพื้นที่ 

ผลงานชิ้นที่สอง “Abyss of the Unconscious: After Death Before the Birth” โดยคามิน เลิศชัยประเสริฐ ศิลปินไทยที่ผสานศิลปะเข้ากับจิตวิญญาณ สร้างสรรค์ผลงานที่มีเนื้อหาที่เน้นเรื่องความไม่เที่ยง การมีสติ และความเชี่อมโยงระหว่างกันของชีวิต สำหรับผลงานนี้จะพาไปสำรวจส่วนลึกอันมืดมิดของจิตใจมนุษย์ ดำดิ่งสู่สภาวะระหว่างช่วงท้ายของชีวิต สัมผัสปรัชญาของศิลปินเกี่ยวกับชีวิตและจักรวาลผ่าน ‘Golden Skull’ อันเป็นชิ้นงานที่แสดงถึงตัวตนของศิลปิน 

จัดกลุ่มผู้เข้าชมกลุ่มเล็ก พร้อมข้อแนะนำให้สัมผัสกับประสบการณ์รับชมเต็มที่ 

“เนื่องจากทั้งสองผลงานเป็นการสื่อสารถึง Fine Art ที่มีความเป็นนามธรรมอย่างมาก จึงเป็นความตั้งใจที่จะจัดแสดงภายในห้องสตูดิโอสีขาวขนาดกำลังพอดีที่เรียกได้ว่าเป็น Theater และแสดงงานภาพบนจอแสดงผลมีเดีย 250 องศา พร้อมเสียง Ambisonics เพื่อมอบประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุด เพราะเสียงไม่ใช่เพียงส่วนประกอบ แต่นับเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการส่งสารสู่ผู้ชม” Daegyeom Heo เน้นย้ำ 

และเพื่อการรับชมแบบเต็มประสบการณ์ดังที่ผู้จัดแสดงตั้งใจ การเข้าชมในเวลาประมาณ 30 นาที โดยจะจัดแสดงผลงานให้ผู้ชมได้รับชม 2 รอบ โดยมีคำแนะนำในการชมดังนี้  

  • รอบแรก – ชมและดำดิ่งกับผลงานทั้งแสงและเสียง  
  • รอบที่สอง - เดินเข้าไปสัมผัสกับแสงที่สาดส่อง มีส่วนร่วมกับงานอย่างเต็มที่ พร้อมถ่ายภาพเก็บความประทับใจ 

ทรู ดิจิทัล พาร์ค สตูดิโอ พื้นที่สนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ และการชมงานศิลปะที่ควรเกิดขึ้นได้ทุกเวลา 

อีกหนึ่งความพิเศษของการแสดงงานครั้งนี้ คือ การจัดแสดงทุกวัน แบบไม่มีวันหยุด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสงานศิลปะได้อย่างสะดวกที่สุด 

“เพราะเราเชื่อว่าศิลปะควรเป็นเรื่องใกล้ตัวผู้คนมากที่สุด นิทรรศการที่ทรู ดิจิทัล พาร์คจึงเปิดทุกวัน ไม่ได้มีวันหยุดประจำสัปดาห์ในวันจันทร์หรือวันพุธเหมือนกับที่อื่นทั่วไป เราอยากให้ผู้คนได้มีเวลาเข้ามาสัมผัสงานศิลปะได้ในช่วงที่พวกเขาสะดวก อาจเป็นเวลาพักกลางวันของวันทำงาน หรือในวันหยุดต่างๆ ที่สะดวกได้เช่นกัน” ดร.ธาริตทิ้งท้าย 

 

  • นิทรรศการ “The Abyss Beyond” จัดแสดงระหว่างวันที่  18 ก.ค. 67 – 30 ก.ย. 67 ที่ Studio 1 ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ กรุงเทพฯ (สถานีรถไฟฟ้า BTS ปุณณวิถี ทางออก 6) ตั้งแต่เวลา 11.30 น.  – 19.00 น. (ระยะเวลาการแสดง 30 นาที) 
  • เปิดจำหน่ายบัตร Early Bird ในราคาพิเศษ 99 บาท จากราคาปกติ 149 บาท ระหว่างวันที่ 15 ก.ค. – 14 ส.ค. 67 สำหรับรับชมผลงาน “Abyss of Black and Light: We are the Primitives of a New Era” โดย Aldo Tambellini 
  • จำหน่ายบัตรในราคาปกติ 149 บาท ระหว่างวันที่ 15 ส.ค. – 30 ก.ย. 67 สำหรับรับชมผลงาน “Abyss of Black and Light: We are the Primitives of a New Era” โดย Aldo Tambellini และ ผลงาน “Abyss of the Unconscious: After Death Before the Birth” โดย คามิน เลิศชัยประเสริฐ 
  • สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมสามารถจองบัตร และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eventpop.me/e/41080/topos-the-abyss-beyond 

ทรูมันนี่ (TrueMoney) ผู้นำด้านการให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ แกร็บ (Grab) ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศผนึกความร่วมมือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นผสานระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้รอยต่อ มอบสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ใช้บริการ เล็งขยายฐานลูกค้าระหว่างกัน พร้อมเปิดตัวแคมเปญพิเศษ “แท็กทีมคุ้ม” โดยคว้าคู่จิ้นสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์หวังเจาะกลุ่มนิวเจน มอบส่วนลดค่าบริการ Grab สูงสุดถึง 50%  เมื่อชำระผ่าน TrueMoney  

นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เผยว่า  “การผนึกความร่วมมือกับ แกร็บ ประเทศไทย ในครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ ทรูมันนี่ ในการส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยที่มีความต้องการใช้จ่ายออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ของเราที่มุ่งสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่ ‘เป็นไปได้ ได้ทุกคน’ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง TrueMoney และ Grab ครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก คือ การเชื่อมต่อระบบชำระเงินระหว่างกัน โดยผู้ใช้บริการ Grab สามารถชำระค่าบริการได้ผ่าน TrueMoney ได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดร่วมกันเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าของทั้ง TrueMoney และ Grab  และยกระดับประสบการณ์การใช้บริการ ตลอดจนการต่อยอดความร่วมมือเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันต่อไป” 

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “การประกาศความร่วมมือกับ TrueMoney ในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ แกร็บ ประเทศไทย ในการพัฒนาและยกระดับแพลตฟอร์มของเราเพื่อ 
ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ Grab ให้สามารถชำระเงินได้ผ่าน TrueMoney ถือเป็นการสร้างประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้รอยต่อที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย  
ด้วยระบบป้องกันการดูดเงินถึง 3 ชั้นของ TrueMoney นอกจากนี้ ด้วยฐานผู้ใช้บริการของ TrueMoney ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกระดับ โดยมียอดผู้ใช้บริการทั่วประเทศถึงกว่า 30 ล้านคน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y ซึ่งถือเป็นสัดส่วนใหญ่ ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในเชิงธุรกิจ รวมถึงการขยายฐานกลุ่มผู้ใช้บริการระหว่างกันด้วย โดยนอกจากการเปิดตัวแคมเปญพิเศษร่วมกันในช่วงกลางปีแล้ว เรายังเตรียมกิจกรรมทางการตลาดที่มีสีสันและน่าตื่นเต้นอีกมากมาย เพื่อนำเสนอความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ  ให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการของทั้งสองแบรนด์ในอนาคตด้วย” 

เพื่อประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการ TrueMoney และ Grab ยังได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษที่ชื่อ “แท็กทีมคุ้ม” นั่งฟิน กินคุ้ม จิ้ม จ่าย จบ ด้วยทรูมันนี่ พร้อมคว้าสองหนุ่มคู่จิ้นสายวายสุดฮอต “เจมีไนน์-โฟร์ท” ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เพื่อนำเสนอความคุ้มแบบดับเบิ้ลจากทั้งสองแบรนด์ 

  • พิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ เพียงใส่โค้ด NEWTMN เมื่อใช้บริการ Grab และเลือกชำระเงินผ่าน TrueMoney รับทันทีส่วนลด 50% สำหรับการสั่งอาหารผ่าน GrabFood หรือใช้บริการเรียกรถผ่าน Grab 
  • ขณะที่ผู้ใช้บริการเดิมยังสามารถรับส่วนลด 30% เมื่อสั่งอาหารหรือใช้บริการเรียกรถผ่าน Grab และเลือกชำระเงินผ่าน TrueMoney เพียงใส่โค้ด GRABTMN ตั้งแต่วันนี้จนถึง 17 กันยายน 2567 
  • นอกจากนี้ เตรียมพบกับกิจกรรมสุดเซอร์ไพรส์ที่ TrueMoney และ Grab จะพาผู้โชคดีไปกระทบไหล่กับ “เจมีไนน์-โฟร์ท” กันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เพียงใช้บริการ Grab ไม่ว่าจะสั่งอาหารหรือเรียกรถ และเลือกจ่ายด้วย TrueMoney ก็รับสิทธิ์ลุ้นเป็นหนึ่งในผู้โชคดีเข้าร่วมกิจกรรมแบบใกล้ชิด  

เชื่อมต่อระบบชำระเงิน และมอบสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าพร้อมคว้า "เจมีไนน์-โฟร์ท" นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ เจาะกลุ่มนิวเจน

“สวัสดีค่ะ มะลิยินดีให้บริการ วันนี้ให้มะลิดูแลเรื่องอะไรดีคะ?” และนี่คือคำกล่าวทักทายกับลูกค้า เวอร์ชั่นล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสนทนาที่เป็นธรรมชาติ จากนั้นคู่สนทนาจึงอธิบายถึงความต้องการในการเปลี่ยนแพ็คเกจโทรศัพท์ โดยมะลิเข้าใจความต้องการเป็นอย่างดี ทำให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนไปใช้แพ็คเกจใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

การสนทนาอย่างเป็นกันเองกับ Mari ในบทบาท Virtual Agent (เจ้าหน้าที่เสมือน) แสดงให้เห็นถึงการปฏิวัติแห่งการบริการลูกค้า แม้ว่าการให้บริการลูกค้าอัตโนมัติในรูปแบบดิจิทัลจะมีมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ปัญหาที่พบเจอได้บ่อย นั่นคือ ระบบอินเตอร์เฟซที่ตอบสนองอย่างอืดอาด แถบเมนูที่ยาวเป็นโยชน์ รวมถึงตัวเลือกบริการที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า แต่ด้วยศักยภาพของ Generative AI ช่วยเอื้อต่อวิธีการต่างๆ ที่ทำให้บทสนทนามีความเป็นธรรมชาติ

ที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น “มะลิ” ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอยู่แล้วในทุกๆ วัน แต่ด้วยบริบทในการให้บริการของผู้ให้บริการมือถืออย่างทรู ข้อมูลที่ในการให้บริการลูกค้านั้นจำต้องอาศัยความถูกต้องสูงสุด โดยเจ้าหน้าที่เสมือนก็จะต้องปฏิบัติตนให้สอดรับกับบุคลิกของแบรนด์ ปรับโทนเสียงตามคู่สนทนา และรู้ว่าเมื่อใดที่ควรส่งต่อเคสให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์รับมือต่อ True Blog ได้พูดคุยกับทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา “มะลิ” ถึงการสร้างสมดุลระหว่างการทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ กับความแม่นยำในการให้บริการ

อีโคซิสเต็มของ “มะลิ”

มะลิกำลังกลายเป็นสิ่งที่ลูกค้าทรูกว่า 50 ล้านรายคุ้นเคย ทั้งจากการมีปฏิสัมพันธ์ต่อหน้าและผ่านเสียง เธอจะคอยทักทายผู้เข้าชมเว็บไซต์ทรู ผ่านสายโทรศัพท์หมายเลข 1242 หรือแม้กระทั่ง พบเจอตัวเป็นๆ ในรูปแบบของหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ (Humanoid Robot) มะลิในรูปแบบที่แตกต่างกันเกิดจากการประกอบสร้างด้วยอีโคซิสเต็มที่มีความซับซ้อนจากเครื่องกล AI ชุดที่แตกต่างกัน เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของมะลิในแต่ละรูปแบบ

“มะลิได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับช่องทางที่แตกต่างกัน เพียงแค่ลูกค้าติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ลองจินตนาการดูว่า หากคุณสอบถามราคาแพ็คเกจหรือเครื่องโทรศัพท์มือถือผ่านช่องทางแชท มะลิจะแสดงผลการเปรียบเทียบราคาในรูปแบบตาราง เช่นเดียวกับที่พนักงานขายทำในร้านด้วยแผ่นพับโบรชัวร์ แต่ถ้าหากเป็นการโทรเข้าไป คุณอาจต้องรอให้พนักงานคอลเซ็นเตอร์อ่านข้อมูลสเปคของแต่ละรุ่นราว 30 วินาที ซึ่งนี่คือความแตกต่างของมะลิในรูปแบบแชทและเสียง” เกียรติศักดิ์ ศรีมาดี หัวหน้าแผนก True Voice กล่าว

ทั้งนี้ True Voice คือแผนกที่ทำหน้าที่พัฒนา NLP หรือ Natural Language Processing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติ เพื่อการประยุกต์ใช้ในงานคอลเซ็นเตอร์ ขณะที่ทีมคอลเซ็นเตอร์ทำหน้าที่รับผิดชอบการฝึก ตลอดจนปรับปรุงการถามตอบของมะลิ

ธนาชัย ชูกลิ่น หัวหน้าฝ่าย Strategy, Resourcing & Transformation สายงานคอลเซ็นเตอร์ อธิบายว่า “โทนเสียงและการออกเสียงถือเป็นจุดที่สำคัญอย่างมากในงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเราค่อนข้างพึงพอใจกับสิ่งที่เราทำได้ในตอนนี้ และเราจะยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ โดยจำเป็นต้องทดลองทดสองนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อให้สื่อความหมายได้ถูกต้อง ทั้งจุดประสงค์ สไตล์ และอารมณ์”

ส่วนมะลิในรูปแบบ chatbot นั้น ต่างก็มีความท้าทายที่เฉพาะตัว โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับความต้องการต่างๆ เพื่อความถูกต้องของข้อมูล และการใช้คำให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม มะลิทั้งรูปแบบเสียงและแชทต่างมีสิ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ คนที่ใช่ เพื่อรับบริการจากมะลิ เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนพร้อมที่จะสื่อสารกับ Gen AI

“ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด เราเห็นผู้คนจำนวนมากแห่ใช้บริการช่องทางดิจิทัล และอัตราความพึงพอใจและความคุ้นเคยก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากจำนวนผู้รับบริการทางหน้าร้านที่มีจำนวนลดลง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาพร้อมที่จะใช้บริการจาก Gen AI อย่างเต็มตัว เรายังจำเป็นต้องประเมินการใช้บริการกับมะลิของลูกค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากสิ่งที่ลูกค้าต้องการเป็นอะไรที่พื้นฐานมากๆ การเลือกค้นหาจากเมนู ยังอาจเป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่หากเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากๆ มะลิน่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า” ณพงศ์ วลัยเสถียร หัวหน้าฝ่ายดิจิทัลแพลทฟอร์มและประสบการณ์ดิจิทัล ผู้รับผิดชอบหลักมะลิ chatbot ระบุ

พัฒนาการที่รวดเร็วของมะลิ

เมื่อพูดถึงงานบริการ ช่องว่างสัดส่วนระหว่างผู้ที่ต้องการสื่อสารกับมนุษย์และเจ้าหน้าที่เสมือนที่พัฒนาจาก AI ลดลงอย่างรวดเร็ว ผลการสำรวจจากงานสัมมนา AI Gets Real ระบุว่า  เมื่อต้องติดต่อผ่านแชท 26% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกที่จะแชทออนไลน์กับเจ้าหน้าที่เสมือน ขณะที่ 20% เลือกที่จะแชทกับกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์มากกว่า แต่หากเป็นบริการรูปแบบเสียง 38% เลือกที่จะพูดคุยกับมนุษย์ และเพียง 16% ที่เลือกสื่อสารกับหุ่นยนต์

ธัญญลักษมณ์ สุทธิจินดาวงศ์ หัวหน้าอาวุโส แผนกแพลทฟอร์มดิจิทัล กล่าวว่า “เรายังคงเดินหน้าขยายศักยภาพมะลิในรูปแบบ chatbot อย่างต่อเนื่อง โดยเราเริ่มต้นจากความต้องการลูกค้า จากนั้นจึงระดมความคิดเห็นผ่านมุมมองลูกค้า ในการทำงานนั้น ถือว่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว สามารถปล่อยฟีเจอร์ใหม่ๆ ในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ผ่านความร่วมมือกับทีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิเคราะห์ระบบ วิเคราะห์ธุรกิจ  พัฒนา และควบคุมคุณภาพ

ปัจจุบัน มะลิ chatbot ทำหน้าที่รับมือ แก้ไขปัญหาให้ลูกค้ากว่า 2 ล้านครั้งต่อเดือน ซึ่ง 90% ของจำนวนดังกล่าว มะลิสามารถจัดการปัญหาให้ลูกค้าได้ทั้งหมด มีเพียง 10% เท่านั้นที่ถูกส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์รับเรื่องต่อ ซึ่งจากการให้บริการที่ผ่านมา ความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อมะลิมีคะแนนสูงกว่ามาตรฐานโลกแล้วด้วย

มะลิยังคงถูกพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง มะลิ chatbot สามารถช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาทางเทคนิคจากบริการเน็ตบ้านได้แล้ว รวมถึงเปรียบเทียบสเปคอุปกรณ์ และช่วยลูกค้าเปลี่ยนแพ็คเกจ ในส่วนของมะลิ voicebot นั้น มีการใช้โมเดล AI ที่แตกต่างกัน รวมถึงความซับซ้อนในการสื่อสาร/ส่งผ่านข้อมูลทางเสียง ทำให้กำหนดเวลาของการพัฒนาฟีเจอร์แตกต่างกับ chatbot เล็กน้อย  ทั้งนี้ทั้งนั้น มะลิ ทั้ง chatbot และ voicebot ทำหน้าที่ให้บริการแก่ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เกียรติศักดิ์ บอกว่า “Gen AI ถือเป็นความท้าทายอย่างแท้จริง หากพิจารณาจากมุมจริยธรรม เราจำเป็นต้องมั่นใจว่า เราได้ให้บริการและดูแลทุกคนอย่างเป็นกลางและถูกต้อง ความผิดพลาดของ AI หรือที่รู้จักกันว่า “อาการหลอน” (Hallucinations) เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราจะไม่ยอมเห็นมะลิเสนอแพ็คเกจที่ไม่มีอยู่จริง เราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง และนี่แหละ คือส่วนที่ยากของ AI”

วีรศักดิ์ พงษ์ธัญญวิชัย หัวหน้าฝ่าย True Innovation Center ผู้พัฒนามะลิรูปแบบหุ่นยนต์ Humanoid ที่สามารถสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ บอกว่า “ปัจจุบัน เราวางมะลิ humanoid robot เป็นเพียงกรณีตัวอย่างที่สะท้อนถึงความเป็นไปได้แห่งการพัฒนา ทำหน้าที่เป็นทูตนวัตกรรมของทรู แต่ในอนาคต มะลิ humanoid robot อาจทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยให้พนักงานขายที่ศูนย์บริการ เช่นเดียวกับมะลิ chatbot และ voicebot เพราะเป้าหมายของมะลิคือต้องการช่วยเหลือทุกๆ คน”

X

Right Click

No right click