

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค)
โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ร่วมกับโครงการ Global Young Scientists Summit โดยฝ่ายวิชาการ หลักสูตร และสื่อการเรียนรู้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
|
เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต (FWD insurance) ตอกย้ำแบรนด์ประกันชีวิตที่สนับสนุนให้ทุกคน Celebrate living ผ่านความสุขเล็กๆ ในทุกช่วงเวลาของชีวิต คินเซนทริค ประเทศไทยร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดตัวการประกวดสุดยอดองค์กรนายจ้างดีเด่นประจำประเทศไทย ปี 2564 (Kincentric Best Employer Thailand 2021) WeTV จับมือ AIS PLAY มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า กับแพ็คเกจ WeTV VIP ราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นเพียงวันละ 9 บาท!April 07, 2021WeTV ผู้นำการให้บริการวิดีโอสตรีมมิงแอปพลิเคชันในฐานะ “ศูนย์รวมความบันเทิงแห่งเอเชีย” (Asian Premium Selection) เดินหน้าขยายฐานผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจับมือ “AIS PLAY” อินเทลเปิดตัวแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลประสิทธิภาพล้ำหน้าสูงสุดApril 07, 2021อินเทลเปิดตัวแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมเพื่อมอบพลังรองรับเวิร์กโหลดที่หลากหลายในวงการอุตสาหกรรม ตั้งแต่ระบบคลาวด์ ระบบเครือข่าย ไปจนถึง Edge อัจฉริยะ โดยโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 (ภายใต้ชื่อรหัส “Ice Lake”) เป็นรากฐานของแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลของอินเทล ที่จะดึงขุมพลังจาก AI เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจต่างๆ ที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน
โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ส่งมอบประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยได้ปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 46% สำหรับเวิร์กโหลดต่างๆ ที่นิยมใช้งานในศูนย์ข้อมูล[i] นอกจากนี้ ตัวโปรเซสเซอร์ยังเพิ่มความสามารถของแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ดีขึ้น รวมถึง Intel SGX เพื่อการรักษาความปลอดภัยในตัว, และการเร่งความเร็ว AI ด้วย Intel Crypto Acceleration และ Intel DL Boost ซึ่งความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้ เมื่อรวมกับ Intel® Select Solutions และ Intel® Market Ready Solutions แล้ว จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเร่งการปรับใช้งานบนระบบคลาวด์, AI, องค์กรธุรกิจ, การประมวลผลประสิทธิภาพสูง, ระบบเครือข่าย, ความปลอดภัย และแอปพลิเคชัน Edge ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
นายนาวิน เชนอย รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปของ Data Platforms Group ของอินเทล กล่าวว่า “แพลตฟอร์ม Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ของเรา เป็นแพลตฟอร์มที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดในประวัติศาสตร์ของอินเทล ซึ่งได้รับการออกแบบเพื่อจัดการกับเวิร์กโหลดที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบคลาวด์ ระบบเครือข่าย ไปจนถึง Edge เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราก้าวนำการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมระดับโลกที่กำลังเร่งอัตราเร็วยิ่งขึ้น และสามารถทำงานเพื่อเสริมสร้างชีวิตผู้คนบนโลกใบนี้ได้เคียงข้างกันไปกับอินเทล โดยอินเทลอยู่ในจุดที่ไม่เหมือนใคร ด้วยสถาปัตยกรรม การออกแบบ และการผลิตเพื่อส่งมอบซิลิคอนอัจฉริยะและโซลูชันอันหลากหลายตรงตามความต้องการของลูกค้าของเรา”
โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ด้วยการใช้เทคโนโลยีขนาด 10 นาโนเมตร (nanometer: nm) ของโปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ใหม่ล่าสุด ที่มอบจำนวนคอร์สูงสุด 40 คอร์ต่อโปรเซสเซอร์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยเฉลี่ยสูงสุดถึง 2.65 เท่า เมื่อเทียบกับระบบเก่าที่มีอายุ 5 ปี[ii] แพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถรองรับหน่วยความจำระบบได้สูงสุดถึง 6 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต, หน่วยความจำ DDR4-3200 สูงสุด 8 แชนเนลต่อ
นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ได้ปรับแต่งอย่างเหมาะสมเพื่อรองรับการรันเวิร์กโหลดสมัยใหม่ทั้งในสภาพแวดล้อมแบบในสถานที่ (On-premise) และบนมัลติคลาวด์แบบกระจายตัว โดยตัวโปรเซสเซอร์ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานผ่านสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่น รวมถึงความสามารถด้านความปลอดภัยขั้นสูงในตัว โดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมต่างๆ ที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ
นอกจากนี้ เพื่อเร่งเวิร์กโหลดบนแพลตฟอร์ม Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถปรับแต่งแอปพลิเคชันของตนได้ด้วยเครื่องมือเขียนโปรแกรมข้ามสถาปัตยกรรมแบบเปิด oneAPI ซึ่งมอบอิสระจากข้อจำกัดทางเทคนิคและต้นทุนของโมเดลที่มีกรรมสิทธิ์ต่างๆ ทั้งนี้ ชุดเครื่องมือ Intel® oneAPI ช่วยให้สามารถนำประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์, AI, และการเข้ารหัส ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ผ่านเครื่องมือขั้นสูงทั้งคอมไพเลอร์, ไลบรารี, และเครื่องมือการวิเคราะห์และดีบัก โปรเซสเซอร์ Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 รองรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Intel® IoT Market Ready Solutions ที่พร้อมใช้งานทันทีมากกว่า 500 รายการ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Intel Select Solutions ที่ช่วยเร่งการปรับใช้งานตามความต้องการของลูกค้า โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Intel Select Solutions ของเราจะทยอยปรับปรุงใหม่มากถึง 80% ภายในสิ้นปีนี้
แพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลชั้นนำของอุตสาหกรรม แพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลของอินเทล ถือเป็นแพลตฟอร์มที่แพร่หลายมากที่สุดในตลาด พร้อมความสามารถที่เหนือกว่าใครในการเคลื่อนย้าย จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูล แพลตฟอร์ม Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ใหม่ล่าสุด ประกอบด้วยหน่วยความจำ Intel Optane 200 series, Intel Optane Solid State Drive (SSD) P5800X, และ Intel® SSD D5-P5316 NAND SSD รวมถึงอะแดปเตอร์เครือข่าย Intel Ethernet 800 series และอุปกรณ์ Intel® Agilex FPGA รุ่นล่าสุด แพลตฟอร์ม Intel Xeon Scalable เจนเนอเรชั่น 3 ล่าสุด ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมสำหรับกลุ่มตลาดที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบคลาวด์ ไปจนถึง Edge อัจฉริยะ
CPR-INTOUCH 017 / 2564 Press Release
InVent ลงทุนรอบ Series A ใน Conicle สตาร์ทอัพ EdTech สัญชาติไทย สนับสนุนการพัฒนา All-in-one Learning Platform สำหรับลูกค้าองค์กร
กรุงเทพฯ – 29 มีนาคม 2564 อินเว้นท์ (InVent) โครงการธุรกิจร่วมลงทุนภายใต้บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช ร่วมกับ Humanica, 500 TukTuks, StormBreaker Venture, และ Stundi ลงทุนใน Conicle บริษัทสตาร์ทอัพด้าน EdTech ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันด้านการเรียนรู้สำหรับองค์กร รอบ Series A มูลค่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 90 ล้านบาท) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและการเติบโตทางธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้าน All-in-One Learning Platform และ HR Transformation Solution ให้กับลูกค้าองค์กร พร้อมขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริษัทร่วมทุนและพัฒนาธุรกิจ และหัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “อินทัชมีเป้าหมายลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวเนื่องกับ 5G มากขึ้น เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยี 5G มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการของกลุ่มอินทัช โดยเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น การศึกษา (EdTech) สุขภาพ (HealthTech) การเงิน (FinTech) และ Emerging Technology ซึ่งการลงทุนใน Conicle เพราะเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตที่สอดรับกับพฤติกรรมการเรียนรู้ของคนที่เปลี่ยนแปลงไป และยังตอบโจทย์แนวคิดของกลุ่มบริษัทที่เน้นการพัฒนาศักยภาพของคนด้วยการยกระดับการศึกษาซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” “การลงทุนใน Conicle ถือเป็นการลงทุนใน EdTech Startup รายแรกของอินเว้นท์ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือเป็น Strategic Investment ที่สำคัญของอินทัช ในฐานะ lead investor เรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการศึกษาของประเทศไทยและการพัฒนาบุคลากรที่ขับเคลื่อนองค์กรให้มีศักยภาพสูงขึ้น เปิดโอกาสให้สามารถเพิ่มทั้งทักษะเดิม (upskill) และทักษะใหม่ (reskill) ได้ทุกที่ทุกเวลา และสามารถต่อยอดกับกลุ่มอินทัชในการหาโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ในอุตสาหกรรมการศึกษาด้วย โดยเฉพาะกับเอไอเอสที่ได้สร้างฐานการรับรู้ในตลาดการศึกษามาหลายปีผ่าน AIS Academy ผมมองว่าเรื่องการศึกษาจะถูกให้ความสำคัญมากขึ้น จากตัวอย่างที่เห็นชัดในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา อีกทั้งแนวโน้มการลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน EdTech ทั่วโลกก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2020 มีเม็ดเงินกว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐที่สตาร์ทอัพกลุ่มนี้ระดมทุนจาก VC ทั่วโลก ซึ่งก้าวกระโดดกว่า 2 เท่าหากเทียบกับปี 2019 ซึ่งในระยะกลางถึงยาว ทั้งอินทัชและ Conicle มีแนวคิดทางธุรกิจที่สอดคล้องกัน ที่อยากเห็นประเทศไทยมีแพลตฟอร์มการศึกษาที่จะเสริมให้คนไทยสามารถเรียนรู้ได้ตลอดทุกช่วงอายุ (Lifelong Learning) ซึ่งหมายถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดลูกค้าทั่วไป (Consumer) ซึ่งมีความน่าสนใจและมี pain points ที่ต่างจากกลุ่มลูกค้าองค์กร การเรียนในห้องเรียนแบบเดิมๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคใหม่ที่บริบทของสังคมและองค์ความรู้เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว ซึ่งเราจะทำงานร่วมกับ Conicle รวมถึงพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ เพื่อเปิดโอกาสและลดช่องว่างให้เด็กไทยสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพต่อไป”
Conicle Platform และ ConicleX ตัวช่วยบริหารจัดการการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล แพลตฟอร์มบริหารจัดการการเรียนรู้ (Learning Management Platform) เป็นเสมือนผู้ช่วยที่รู้ใจของผู้บริหารและ HR ในการพัฒนาบุคลากรขององค์กร ภายใต้แนวคิดหลัก “All-in-One Learning Experience” เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้างการเรียนรู้และเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีจุดเด่นในเรื่องการใช้งานที่ง่ายและตอบโจทย์ครอบคลุม การเรียนรู้ในกระบวนการต่างๆ ในรูปแบบ 70.20.10 คือ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ และวัดประเมินผลการลงมือทำ ได้ครบจบในที่เดียว นอกจากนี้ ได้พัฒนา ConicleX - The Cloud University มหาวิทยาลัยออนไลน์ที่รวบรวมการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลเน้นองค์ความรู้และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะด้านธุรกิจ ด้านดาต้า ด้านบุคลากร และด้านการพัฒนาตนเอง เพื่อช่วยในการ Upskill และ Reskill เพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ ของบุคลากรได้อย่างดีมากขึ้น ปัจจุบัน Conicle ได้ให้บริการองค์กรชั้นนำกว่า 50 องค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม มีผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านราย
คุณนกรณ์ พฤกษ์พิพัฒน์เมธ CEO & Co-Founder Conicle กล่าวว่า “ที่ Conicle เราโฟกัสเรื่องการสร้างเทคโนโลยีและบริการที่ช่วยพัฒนาคนให้เรียนรู้ง่ายขึ้น ช่วยให้คนเก่งขึ้น ช่วยให้องค์กรมีเครื่องมือและกระบวนการที่ดีขึ้นในด้านการพัฒนาคน การเรียนรู้จะไม่จบแค่ในระดับมหาวิทยาลัย แต่จะกลายเป็น Lifelong Learning ที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะความรู้และทักษะนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในอัตราเร่งที่มากขึ้นเรื่อย ๆ Conicle จึงสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นเสมือนมหาวิทยาลัยออนไลน์ที่ผู้คนและองค์กรสามารถสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ และด้วยแนวคิดที่มุ่งยกระดับการเรียนรู้ให้เป็นมิติใหม่ ไม่ใช่แค่การเป็น E-Learning หรือ Online Courses เท่านั้น แต่มองการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ผสมผสานวิธีการเรียนรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน (Blended Learning) แล้วจัดสรรให้เข้ากับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล (Personalized Learning) และเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นและแนวทางหลักของ Conicle” ด้านคุณอนพัทย์ วิมลประภาพร CTO & Co-founder ของ Conicle กล่าวเสริมว่า “ผมมองว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ การที่เรารับฟังและทำความเข้าใจลูกค้าอยู่เสมอ และเรามี Passion มากกับการสร้าง ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เราเข้าไปดูกระบวนการทำงานของลูกค้า ได้เห็นปัญหา และตีโจทย์ออกมาเป็นโซลูชันที่สามารถช่วยองค์กรและผู้ใช้งานได้จริง ๆ ที่ผ่านมาเราได้พิสูจน์แล้วว่าเรามีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริง ๆ มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และเราเองก็พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”
Conicle จับมือกับ Humanica วางกลยุทธ์ในการเป็น All-in-One HR Platform ตอบโจทย์การใช้งาน HR ที่ผ่านมา Conicle มีการพัฒนาเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมี Strategic Partner ที่เป็นทั้งนักลงทุนและเป็นเสมือนพี่เลี้ยงที่สำคัญ คือ บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) ซึ่ง Humanica เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ HR Management และให้บริการ Outsourcing แก่องค์กรเพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคล ถือเป็นผู้นำทางด้าน HR Solution ของประเทศ โดย Humanica และ Conicle ได้จับมือและวางกลยุทธ์ร่วมกันในการเป็น All-in-One HR Platform ที่ตอบโจทย์กระบวนการ HR อย่างครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้บริการลูกค้าองค์กรแบบครบจบที่เดียวได้ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญของการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันและสามารถเทียบเคียงกับแพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่เป็น Global Player ชั้นนำของโลกได้ คุณสุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “สำหรับการจับมือกับ Conicle เพื่อรุกแพลตฟอร์ม Learning นับเป็นการเปิดแนวรบใหม่ โดยฮิวแมนิก้ามีความต้องการที่จะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ โดยนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มของ Conicle มารวมกับแพลตฟอร์มของฮิวแมนิก้า เพื่อเสริมสร้าง Employee Ecosystem ของเราให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น และตอบโจทย์ในการช่วยให้พนักงานของลูกค้าเราทำงานได้ดียิ่งขึ้น และมีความส่วนตัวที่มีความสุขยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดร่วมกัน คือการสร้าง The Ultimate Work-Life Platform”
อีกหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนที่ได้ให้มุมมองความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพการเติบโตของตลาด EdTech - คุณกระทิง พูนผล Managing Partner แห่ง 500 TukTuks และผู้ก่อตั้ง StormBreaker Venture เปิดเผยว่า “ทางเรามองว่าตลาดการลงทุนใน “EdTech” เป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีมูลค่าการลงทุนทั่วโลก จะเห็นได้จากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมายกระดับศักยภาพของคนในประเทศ เพื่อเป็นตัวเร่ง ผลักดัน เพราะเราเชื่อว่า ในอนาคต 35% ของทักษะแบบเดิมจะใช้ไม่ได้ในการทำงาน อาทิ ถ้าอยู่ในอุตสาหกรรมไฟแนนซ์ 47% ของทักษะจะใช้ไม่ได้ ส่วนเทคโนโลยีที่จะมีผลในการเรียนการสอนในอนาคต ได้แก่ VR/AR, 3D printing ในการสอนเมกเกอร์, เซ็นเซอร์และเน็ตเวิร์ก และ AI”
“รวมถึงในอีกไม่เกิน 3-5 ปีข้างหน้า กว่า 47% ของงานจะถูกหุ่นยนต์มาแทนที่ แปลว่างานหายไปครึ่งหนึ่ง ต่อไป AI, โรโบติก จะเป็นฐานของดิจิทัลดิสรัปชั่นเวฟต่อๆ ไป ความไม่เท่าเทียมกันจะยิ่งขยาย แม้กระทั่งความรู้ด้านเทคโนโลยีก็ยิ่งห่าง ดังนั้น ต้องเร่งรีสกิล เพราะถ้าอีก 3 ปี ไม่มีการพัฒนาตัวเอง อยู่ไม่ได้แน่นอน รวมถึงบุคลากรในประเทศไทยต้องรีสกิลทั้ง 67 ล้านคน ดังนั้น การที่เราร่วมลงทุนกับ Conicle จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้”
นอกจากนี้ ผศ.ดร.นพพร เรืองวานิช ผู้อำนวยการหลักสูตรควบตรี-โท ทางการบัญชีและบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ลงทุนอีกรายกับทาง Conicle ในรอบ Sereis A ได้กล่าวเสริมว่า “อนาคตของการศึกษาจะต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ของผู้เรียนในทุกมิติ ซึ่งจะไม่ใช่แค่ในห้องเรียน หรือรูปแบบคอร์สออนไลน์เท่านั้น แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดทั้งการเรียน แลกเปลี่ยน ลงมือทำ และวัดผล มาร้อยเรียงกันอย่างสอดคล้องเชื่อมโยง โดยใช้ข้อมูลเป็นตัวนำในการช่วยวิเคราะห์และแนะนำว่าผู้เรียนแต่ละคน ควรจะต้องเรียนอะไร พัฒนาศักยภาพของตัวเขาเองไปทางไหนซึ่งจะทำให้การเรียนรู้ได้ผลสูงสุด ซึ่งผมเห็นว่า Conicle มีโอกาสที่ดีในการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้และ transform การศึกษาได้ด้วยแนวทางดังกล่าว”
ดร.ณรงค์พนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากขยายการลงทุนใหม่แล้ว อินทัชยังคำนึงถึงความสำคัญในการสร้างมูลค่าให้กับ InVent Portfolio ใน 3 ด้าน คือ 1.Business Development & Strategic Value ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพในการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายให้เติบโตอย่างยั่งยืนจากการ ร่วมมือระหว่างบริษัทในเครืออินทัช และพันธมิตรช่วยให้เข้าถึงตลาดใหม่ ช่องทางการขายใหม่ กลุ่มลูกค้าใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ 2.Nurturing พัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัพด้วยความรู้และผู้เชี่ยวชาญ และช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น กฎหมาย การเงิน บัญชี และการบริหารจัดการต่างๆ 3.Knowledge Sharing จัดงานพบปะทางธุรกิจ และแลกเปลี่ยนความรู้จากหลากหลายมิติ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา อินทัชลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งหมด 26 ราย มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 26% จากปี 2019
ททท. ผนึกพันธมิตร แซ๊ปปาร์ตี้ จัดกิจกรรม Amazing Northern Campsite 2021 เปิด 6 เมืองเหนือApril 06, 2021
2 เมษายน 2564, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้นำในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อย่างยั่งยืน ร่วมกับ บริษัท แซ๊ปปาร์ตี้ จำกัด ผู้นำธุรกิจกิจกรรมด้านความบันเทิง ดีแทคจับคู่พันธมิตรฟิล์มกันรอยมือถือไฮ-ชิลด์ มอบซิมให้ลูกค้าได้เล่นเน็ตฟรี สูงสุด 12 GB ตลอดปีApril 06, 2021
ผศ.ดร. กัลยา สว่างคง คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม และ RDI มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปัจจุบันสังคมโลกเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging society) และสังคมคนพิการ (Disabled society) เนื่องจากประชากรโลกมีแนวโน้มเป็นผู้สูงอายุมากขึ้นและอายุที่เพิ่มมากขึ้นมีความสัมพันธ์กับการเกิดความพิการ New NewsCorporate Move (N) RightFinanceLifestyle |