กรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง นำโดย นายวิน พรหมแพทย์ (กลาง) CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเวทีสัมมนาเพื่ออัปเดตสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจโลก พร้อมชี้โอกาสในการต่อยอดความมั่งคั่งผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศให้กับกลุ่มลูกค้ากรุงศรี ไพรเวท แบงก์กิ้ง เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ในหัวข้อ Global Fixed Income Outlook - Bonds are Back? โดยได้รับเกียรติจาก Ms. Tina Adatia (ซ้าย) Executive Vice President, Fixed Income Strategist of PIMCO และ Ms. Clara Ng (ขวา) Vice President, Account Manager of PIMCO มาร่วมแบ่งปันมุมมองการลงทุน พร้อมเจาะลึกสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในตราสารต่างประเทศทั่วโลก

โดยความเห็นส่วนหนึ่งของ Ms. Tina Adatia ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตามอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดย PIMCO มองว่าเฟดน่าจะใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่จะยังคงตรึงไว้ในกรอบเดิมสักระยะหนึ่งเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า สำหรับตลาดตราสารหนี้ มีการปรับขึ้น Yield ครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันตราสารหนี้สามารถให้อัตราผลตอบแทนที่เทียบเท่ากับตราสารทุนที่ 5-7% โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงจนเกินไป เราจึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้าสะสมตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพสูง และลงทุนในจังหวะช่วงที่เฟดใกล้จะยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าติดเครื่องผู้ประกอบการ SME ไทยให้แกร่งเกินร้อย ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” ให้ SME ที่กำลังมีแผนลงทุนขยายกิจการ หรือต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม ได้เดินหน้าธุรกิจอย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะ SME ขนาดเล็กที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน ด้วยวงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุดถึง 2 เท่าของมูลค่าหลักประกัน ผ่อนได้สบายๆ สูงสุด 10 ปี และฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อตลอดอายุการกู้ ให้ธุรกิจพร้อมเดินหน้าด้วยความแข็งแกร่งเกินร้อย

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ลูกค้าแต่ละกลุ่มมีโจทย์ความต้องการทางการเงินที่แตกต่างกัน กรุงศรีจึงออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการที่ตอบสนองความต้องการลูกค้า SME แต่ละกลุ่มแตกต่างกัน  สำหรับในช่วงปัจจุบันที่แนวโน้มเศรษฐกิจอยู่ในภาวะค่อยๆ ฟื้นตัว ผู้ประกอบการ SME ส่วนมากจะมองหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เตรียมพร้อมรับกับโอกาสธุรกิจที่เข้ามา โดยหากพิจารณาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งจะพบว่า กลุ่ม SME ขนาดเล็ก ที่เป็นบุคคลธรรมดา มักมีข้อจำกัดในเรื่องหลักประกันที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการสินเชื่อ กรุงศรีจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับกับความต้องการของ SME รายเล็ก ที่ต้องการวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยธนาคารสามารถพิจารณาอนุมัติวงเงินให้สูงสุดถึง 2 เท่า ของมูลค่าหลักประกัน หรือเกินร้อยเปอร์เซ็นต์จากหลักประกันที่มี ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี อนุมัติทั้งวงเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ระยะยาวในคราวเดียวกัน อีกทั้งฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ ซึ่งผู้ประกอบสามารถเลือกใช้วงเงินสินเชื่อได้ตามความต้องการ ช่วยเพิ่มความคล่องตัว และเพิ่มโอกาสการเติบโตของธุรกิจระยะยาว”

สำหรับ “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” เป็นสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่อนุมัติวงเงินกู้เริ่มตั้งแต่ 3 แสน - 10 ล้านบาท ผ่อนชำระได้สบายๆ สูงสุด 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน MRR + 3.0% โดยสามารถใช้หลักประกันเป็นเงินฝาก หรือหลักทรัพย์  ได้แก่ อาคารพาณิชย์ โรงงาน อาคารสำนักงาน บ้านพักอาศัย (บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม) ไม่รวมที่ดินว่างเปล่า และมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ร่วมค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ ไม่มีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อตลอดอายุการกู้ โดยสามารถยื่นเอกสารสมัครขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2566 ทั้งนี้ ระยะเวลาในการสมัครขอสินเชื่อขึ้นอยู่กับวงเงินค้ำประกันสินเชื่อคงเหลือของ บสย. หรือการเปิดรับการค้ำประกันตามระยะเวลาที่ บสย. กำหนด

“กรุงศรีคาดว่า “สินเชื่อ SME เติมพลังเกินร้อย” จะเป็นกำลังสนับสนุนให้ลูกค้า SME สามารถเดินหน้าและหาโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจได้อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยธนาคารตั้งเป้ายอดการขอสินเชื่อนี้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้กรุงศรีพร้อมสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการตลอดจนความรู้และสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจให้ความไว้วางใจอย่างแท้จริง” นางสาวดวงกมล กล่าวสรุป

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สาขาของธนาคาร หรือติดต่อกลุ่มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจรายย่อย โทร. 02-296-6262 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ประกาศความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการและถือหุ้นในสัดส่วน 75% ของ PT. Home Credit Indonesia (Home Credit Indonesia) ซึ่งเป็นผู้เล่นรายสำคัญในธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน PT Adira Dinamika Multi Finance, Tbk (Adira Finance) บริษัทในเครือ Bank Danamon หนึ่งในสมาชิกของ MUFG ได้เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 9.83% ของ Home Credit Indonesia ด้วย ความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้กรุงศรีเติบโตอย่างแข็งแกร่งในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาค (Regional Bank) และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน สอดคล้องกับกลยุทธ์ตามแผนธุรกิจระยะกลางของกรุงศรีที่ต้องการขยายและสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจเพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรียังคงขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าในอาเซียน ซึ่งจากความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ครั้งนี้ ทำให้มีธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศในอาเซียน ประกอบด้วย สปป. ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซียเป็นประเทศล่าสุด และยังมีสำนักงานตัวแทนซึ่งตั้งอยู่ในเมียนมาด้วย นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งของกรุงศรีในฐานะธนาคารแห่งภูมิภาคอาเซียนให้ชัดเจนขึ้น”

“อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 5.0% ต่อปีในช่วง 5 ปีนับจากนี้ อีกทั้งยังมีอัตราการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Home Credit Indonesia นับเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซียมาเป็นเวลาราว 10 ปี ปัจจุบันนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ด้วยจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 17 ล้านรายและฐานลูกค้ากว่า 6 ล้านราย โดยหลังจากนี้ เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและกรุงศรีจะใช้ความเชี่ยวชาญในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและการบริหารจัดการความเสี่ยงในการขยายเครือข่ายพันธมิตรใหม่ ๆ สร้างความเติบโตให้กับฐานลูกค้า รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในอินโดนีเซียมากยิ่งขึ้น” นายยามาโตะ กล่าวเพิ่มเติม

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ Home Credit Indonesia ในครั้งนี้ สำหรับ Adira Finance  นี่คือก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ นอกจากนี้ ความสำเร็จในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการผสานความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมระหว่าง Adira Finance และบริษัทในเครือ MUFG ในการนำเสนอบริการที่เหมาะสมให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ” Dewa Made Susila, President Director, Adira Finance กล่าว

“สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จและความแข็งแกร่งของ Home Credit Indonesia นับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 Home Credit ได้นำเสนอบริการทางการเงินที่เข้าถึงง่ายและหลากหลายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนกว่า 6 ล้านคนทั่วประเทศ และความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ให้บริการรายหลัก และลูกค้านั้นได้ส่งผลให้เกิดอิโคซิสเต็มส์ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่มีความรับผิดชอบ น่าเชื่อถือ และมีราคาที่เหมาะสม” Animesh Narang, Chief Executive Officer, Home Credit Indonesia กล่าว

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยการเติบโตสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคใน สปป.ลาว มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หลังการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 เดินหน้าปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการให้สอดคล้องกับความต้องการ พร้อมดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทาย

นายวันชัยระบิน จิตวัฒนาธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจระดับภูมิภาค ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมของธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 ของ บริษัท กรุงศรี บริการเช่าสินเชื่อ จำกัด (สปป.ลาว) หรือ Krungsri Leasing Services (Lao PDR) เริ่มเห็นปริมาณความต้องการสินเชื่อปรับตัวสูงขึ้น โดยมียอดสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นราว 36% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่กรุงศรีได้มีการปรับกลยุทธ์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่ผันผวนและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในสปป.ลาว มากขึ้น โดยมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่สามารถช่วยเสริมสภาพคล่องและตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของลูกค้า เพื่อช่วยสนับสนุนลูกค้าให้สามารถเดินหน้าและก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ปัจจุบันไปได้”

ล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ผลิตภัณฑ์เรือธงอย่างสินเชื่อคาร์ ฟอร์ แคช (Car4Cash) มียอดสินเชื่อรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2563 จนเป็นอันดับหนึ่งด้านการรับรู้ของลูกค้าเมื่อกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งมีจุดเด่นด้านอัตราดอกเบี้ยและวงเงิน นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถยนต์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเช่นกัน โดยกรุงศรีได้ส่งต่อความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการบริหารทีมขาย การสื่อสาร การวิเคราะห์ และทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจนถึงเดือนสิงหาคม 12% ของจำนวนสินเชื่อใหม่เป็นการสมัครสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล และยังมีแนวโน้มในการเติบโตผ่านช่องทางนี้ในอัตราที่สูงขึ้นตามแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสปป.ลาว ของปี 2566 เป็นช่วงฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 มีการปรับตัวที่ดีขึ้นแม้ยังมีความเปราะบาง โดยการลงทุนจากประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ที่ชะลอแผนการลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้ได้กลับมาดำเนินการ อาทิเช่น ธุรกิจค้าปลีก และพลังงานสะอาด ขณะที่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงจากช่วงต้นปีที่สูงกว่า 40% โดยวิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้นในระยะสั้น โดยได้รับแรงหนุนจากภาคบริการ ที่มีการฟื้นตัวหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตามการเติบโตของเศรษฐกิจลาวยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด โดยคาดว่าการเติบโตเฉลี่ยจะอยู่ที่ 4.0% ต่อปี เทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิดอยู่ที่ 6.4%
“ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจ กรุงศรียังคงดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวัง โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง ควบคู่กับการดูแลคุณภาพของสินทรัพย์ในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด และยึดถือแนวปฏิบัติด้านการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ พิจารณาถึงความสามารถในการชำระคืนของลูกค้าด้วย โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ธุรกิจกรุงศรีในสปป. ลาว มีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ในระดับที่ ต่ำกว่า 1% และโดยภาพรวมปีนี้กรุงศรี บริการเช่าสินเชื่อ จำกัด (สปป.ลาว) ทำได้ดี ซึ่งจากนี้ กรุงศรีจะยังคงเดินหน้าสานต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้านสินเชื่อเพื่อรายย่อย รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีในการดำเนินงาน ศักยภาพของบุคลากร รวมไปถึงพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในสปป. ลาว และสามารถก้าวข้ามผ่านความท้าทาย เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป” นายวันชัยระบิน กล่าวปิดท้าย

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่ผลงานโฆษณาล่าสุดของธนาคารกรุงศรี จากการปรับแบรนด์ (Brand Refresh) และเปิดตัวคำมั่นสัญญาใหม่ “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” ได้รับ 2 รางวัลใหญ่จาก 2 เวทีระดับโลก ได้แก่ รางวัล Bronze ในสาขา Online Films จากงาน AdForum PHNX Awards 2023 และ รางวัล Crystal ในสาขา Entertainment Video Stars จากงาน MAD STARS 2023 โดยหนังโฆษณากรุงศรีเป็นหนึ่งใน 3ผลงานของคนไทยจากผู้เข้าชิงทั่วโลกที่คว้ารางวัลจากงาน AdForum PHNX Awards ได้ในปีนี้ ต่อด้วยคว้าอีก 1 รางวัลจากงาน MAD STARS 2023 นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในด้านการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์กรุงศรี สะท้อนความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ลูกค้ามี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” ผ่านกลยุทธ์การสื่อสารทางการตลาดด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นและเข้าใจง่าย

X

Right Click

No right click