September 19, 2024

NEPS ร่วมกับ LONGi (ลอนจี) เปิดตัว 2 โปรดักส์โซลาร์นวัตกรรมใหม่ของโลกครั้งแรกในไทย! ชูจุดเด่นเทคโนโลยี BC ที่ให้ประสิทธิภาพสูง

มาพร้อมดีไซน์สวยหรู ได้แก่ แผงโซลาร์เซลล์รุ่น HI-MO X6 Ultra Black สีดำเรียบหรู ให้ประสิทธิภาพสูงสุดถึง 23.2% ซึ่งมากกว่าแผงโซลาร์ทั่วไป โดย NEPS ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรายแรก และรายเดียวในประเทศไทย และ “BIPV” (Building-integrated photovoltaics) แผงโซลาร์เซลล์นวัตกรรมใหม่ที่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร สามารถนำไปผสานกับวัสดุก่อสร้างภายนอกได้      ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการคิดค้นและผลิตจาก LONGi มั่นใจตลาดโซลาร์ไทยเติบโต คาดทั้ง 2 สินค้าจะสามารถช่วยส่งให้ NEPS มีรายได้โตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง 

 

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS กล่าวว่า “NEPS ดำเนินธุรกิจโซลาร์มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เราเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจัยหลักมาจากโซลูชั่นงานบริการแบบ One Stop Solution ตั้งแต่การให้คำปรึกษา-ประเมินพื้นที่ก่อนติดตั้ง-การปรับปรุงโครงสร้างบ้าน/อาคาร – ประสานหน่วยงานราชการ - การบำรุงรักษา และบริการหลังการขาย ด้วยทีมวิศวกรมืออาชีพ รวมถึงในแง่ของงานดีไซน์ การออกแบบแผงให้สอดรับกับตัวบ้านหรือตัวอาคารต่างๆ ได้อย่างสวยงามและลงตัว โดยล่าสุด NEPS ได้รับความไว้วางใจจาก LONGi (ลอนจี) ซึ่งเป็นผู้นำและครองตำแหน่งผู้ผลิตแผงโซลาร์อันดับ 1 ของโลก ให้นำเข้าและจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์รุ่น “HI-MO X6 Ultra Black” รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ด้วยประสิทธิภาพแผง 23.2% ซึ่งมากกว่าแผงโซลาร์ทั่วไปในตลาด ดีไซน์สีดำเรียบหรู เจาะกลุ่มงานบ้านระดับไฮเอนด์ อีกทั้งงานนี้ยังมีการนำ BIPV หรือ แผงโซลาร์แบบผสานวัสดุอาคาร ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ เข้ามาเปิดตัวครั้งแรกในไทย และนับเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียด้านการผลิตและจำหน่ายอีกด้วย” 

“ทั้งนี้ธุรกิจโซลาร์ในปัจจุบัน นับว่าเป็นยุคที่มีการแข่งขันสูงมาก แม้ว่าจะมีการตอบรับจากลูกค้าจำนวนมากกว่าในอดีตที่ผ่านมาก็ตาม แต่เรายังคงต้องพัฒนาตัวเองและคัดสรรสินค้าที่มีเทคโนโลยีใหม่ พร้อมด้วยดีไซน์ที่สวยงามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยที่ผ่านมาเราเจาะกลุ่มเป้าหมาย โรงงาน โรงเรียน โรงแรม สนามกอล์ฟ โครงการบ้านจัดสรร และกลุ่มลูกค้าบ้านเดี่ยวเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันเราได้ขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่ม B2B และ B2C ที่มีความต้องการเฉพาะตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังมีช่องว่างทางการตลาดสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้อยู่มาก การร่วมมือกับ LONGi ในครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสที่ดีมากของ NEPS”   

 

คุณหม่า เหมิง (Ma Meng) ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเวียดนาม บริษัท ลอนจี กรีน เอเนอร์จี เทคโนโลยี จำกัด หรือ LONGi กล่าวว่า “LONGi เริ่มเข้ามาทำตลาดโซลาร์ในไทยเมื่อปี 2560 เพราะเห็นถึงแนวโน้มความต้องการด้านโซลาร์ในประเทศไทย ประกอบกับไทยเปิดเสรีในด้านเทคโนโลยี รวมถึงปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายด้านพลังงานแสงอาทิตย์มากมาย เช่น การรับซื้อไฟฟ้าด้วยมาตรการ Feed-in Tariff (FIT) , การส่งเสริมไฟฟ้าสีเขียวด้วยมาตรการ Utility Green Tariff (UGT) , การส่งเสริมตลาดคาร์บอน และกลไกทางภาษีของ BOI เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้จึงส่งเสริมให้ตลาดโซลาร์ไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ จากข้อมูล BNEF* จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน LONGi ยังคงครองตำแหน่งผู้ผลิตแผงโซลาร์อันดับ 1 ของโลก ปัจจัยหลักคือ เราให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยทุ่มงบประมาณหลักพันล้านดอลลาร์ (Billion Dollar) ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนที่มากที่สุดในบริษัทผลิตแผงโซลาร์ เพื่อให้ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานที่สูงขึ้น อาทิ เทคโนโลยี BC (Back Contact) ที่ช่วยให้แผงโซลาร์ดูดซับแสงได้ดีในพื้นที่แสงน้อย เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตพลังงาน ที่นำมาใช้กับทั้ง 2 โปรดักส์ในวันนี้ เป็นต้น”   

ด้านความร่วมมือกับ NEPS นั้น คุณหม่า เหมิง (Ma Meng) กล่าวต่อว่า  “เรามองเห็นจุดแข็งของ NEPS ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วิสัยทัศน์ในการมุ่งมั่นนำพลังงานสะอาดมาช่วยขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยยึดหลักความรับผิดชอบต่อลูกค้า ต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงวิธีการทำการตลาดของ NEPS ที่เน้นเรื่องการให้ข้อมูลความรู้เป็นสำคัญ อีกทั้งการให้บริการลูกค้าแบบ One Stop Solution ทำให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและครอบคลุม เราจึงมั่นใจในการเลือกนำสินค้าที่มีนวัตกรรมสูงของ LONGi มาให้ทาง NEPS เป็นผู้เปิดตลาดเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย ได้แก่ “HI-MO X6 Ultra Black” อีกทั้งสินค้าตัวนี้ ยังคว้ารางวัลระดับนานาชาติได้ถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัล A’ Design Award & Competition และ  French Design Awards นอกจากนี้ LONGi เรายังเป็นบริษัทที่คิดค้นและผลิต BIPV หรือ เซลล์แสงอาทิตย์แบบผสานวัสดุอาคารรายต้นของโลก ซึ่งนับเป็นการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันด้านโซลาร์ ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานเข้ากับวัสดุอาคาร เพื่อมุ่งสู่การสร้างอาคารเขียว (Green Building) ที่ไม่เพียงผลิตพลังงานไฟฟ้า แต่ยังสามารถป้องกันความร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เรียกว่าเป็นการยกระดับธุรกิจพลังงานในไทยไปอีกขั้น ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังกับ NEPS ในครั้งนี้ จะยิ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจโซลาร์ของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” 

 

ด้านการเปิดตัวสินค้าใหม่ ดร.สุธี ไตรวิวัฒนา ผู้อำนวยการด้านการขาย บริษัท ลอนจี กรีน เอเนอร์จี เทคโนโลยี จำกัด หรือ LONGi ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ LONGi ได้นำเทคโนโลยี  BC (Back Contact) คือ การเชื่อมวงจรทั้งหมดที่ด้านหลังของเซลล์ ทำให้หน้าแผงสามารถรับแสงได้ 100% จึงทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของเซลล์ที่มีเทคโนโลยี BC สูงกว่า 25%  ซึ่ง แผงโซลาร์เซลล์รุ่น HI-MO X6 Ultra Black” ที่มาพร้อมศักยภาพการผลิตไฟฟ้าได้ดีในสภาวะที่อุณหภูมิสูง และการแผ่รังสีต่ำ ทำให้การทำงานของตัวแผงโซลาร์เซลล์สามารถมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าผลิตสูงถึง 23.2% ด้วยขนาด 1722 x 1134 x 30 mm โดยใช้ฟิล์ม POE ชนิดพิเศษห่อหุ้มแผงเซลล์ ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานสูง แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูง ควบคู่กับดีไซน์หรูหราสวยงามด้วยตัวแผงสีดำสนิท และพื้นผิวที่มีความหยาบทำให้แสงที่ตกกระทบลงมาไม่สะท้อนออก เพิ่มการดูดซับแสงได้ดีกว่าปกติ เหมาะสำหรับการติดตั้งบนหลังคาบ้านเรือน ที่ได้ทั้งเรื่องการประหยัดไฟและความสวยงาม  ขณะที่การรับประกันตัวแผงและวัสดุอยู่ที่ระยะเวลา 25 ปี และรับประกันประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการรับประกันสินค้าและประสิทธิภาพที่สูงสุดในไทย” 

“ขณะที่ “BIPV” หรือ เซลล์แสงอาทิตย์ที่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร เป็นการนำแผงโซลาร์มาผสานกับวัสดุก่อสร้างที่ใช้ประกอบภายนอกอาคารได้  เช่น  กำแพง หน้าต่าง Façade ช่องกระจก หรือผนัง ซึ่งจะช่วยให้อาคารสามารถรับพลังงานแสงอาทิตย์ได้รอบด้าน โดย LONGi เป็นบริษัทต้นในโลกที่คิดค้น พัฒนา และผลิตด้วยตัวเอง 100%  BIPV มาพร้อมประสิทธิภาพสูงสุดถึง 25.80% ขณะเดียวกันในแง่ของงานดีไซน์สามารถแมตช์กับงานสถาปัตยกรรมได้ทุกรูปแบบ และ Custom ได้เองทั้งหมด ทั้ง ขนาด รูปทรง และสี  ทั้งนี้ทาง LONGi ได้กำหนด 5 สีหลักที่เหมาะสมกับงานดีไซน์อาคาร ได้แก่ Ocean Blue, Space Gray, Eclipse Red, Galaxy Silver และ Cosmic Beige และหากลูกค้าต้องการสีที่นอกเหนือจากทั้ง 5 สีนี้ก็สามารถกำหนดได้โดยการดู Code สีจากอาคารภายนอกของลูกค้าเอง มาพร้อมการรับประกันสินค้านานถึง 15 ปี รับประกันการผลิตพลังงาน 25 ปี และรับประกันตัวสี 10 ปี”  

ในมุมมองนักออกแบบ นายวิญญู วานิชศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คเวล สตูดิโอ จำกัด และ เลขานุการและกรรมการสถาบันอาคารเขียวไทย เผยว่า “จากวิกฤตสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนักที่ผ่านมา ทำให้ทุกภาคส่วนเร่งหาวิธีการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ที่ใช้แนวทางการก่อสร้าง Green Building (อาคารเขียว) มาเป็นแนวทางเพื่อใช้แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก โดยที่การติดตั้งโซลาร์เซลล์ ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่สำคัญในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ปัจจุบันมีการคิดค้นโซลาร์เซลล์ ที่ติดตั้งกับตัวบ้านหรือตัวอาคารได้อย่างเหมาะสม มีรูปทรงและสีสัน ที่ สวยงามส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับตัวบ้านและตัวอาคาร อย่างเช่นที่มาเปิดตัววันนี้คือ โซลาร์เซลล์  รุ่น HI-MO X6 Ultra Black ที่มีขนาดเล็กกว่าแผงทั่วไป แต่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ และสำหรับแผงแบบ BIPV เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจ เพราะเราสามาถใช้ผนังอาคารส่วนทึบที่ในหลักการของอาคารที่ต้องประหยัดพลังงานนั้น จะต้องมี Windows to Wall Ratio หรือสัดส่วนหน้าต่างต่อผนังทึบ น้อยกว่า 0.5 หมายความว่าเรามีผนังทึบของอาคารมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ต้องออกแบบและเลือกวัสดุก่อสร้างที่ต้องแข็งแรง และมีผิวภายนอกในการทำหน้าที่ป้องกันสภาพแวดล้อมภายนอก ทั้งแดด ลม ฝน ความชื้นและความกดอากาศ ถ้าลองจินตนาการว่า จะดีแค่ไหน!? ถ้าผนังทึบนี้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ ทำให้ลดค่าไฟฟ้าและสร้างรายได้ให้โครงการได้ตลอดชีวิตของอาคาร สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่า เทคโนโลยีด้านโซลาร์เซลล์ ยังพัฒนาด้านต่างๆ ต่อไปและสามารถสร้างจุดเปลี่ยนของโลกนี้ได้อีกมาก” 

สำหรับภาพรวมตลาดโซลาร์ในปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง **จากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบีพบว่า ตั้งแต่ปี 2565 ตลาดโซลาร์รูฟในประเทศไทยมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 22% และจะเติบโตไปถึง 6.7 หมื่นล้านบาทในปี 2568 ทั้งนี้ผลพวงมาจากการพัฒนาโซลาร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คนสามารถเข้าถึงโซลาร์รูฟได้มากกว่าแต่ก่อน อีกทั้งพฤติกรรมของคนในสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไปก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น ทั้งเรื่องทำงานในรูปแบบ Work From Home , การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตในบ้านเป็นส่วนใหญ่, ปริมาณการเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า (EV), กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ (Pet Humanization) และข้อสำคัญคือ ค่าไฟฟ้าที่แพงมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดโซลาร์รูฟโตขึ้นเป็นเงาตามตัว 

“ดังนั้นการทำการตลาด เพื่อพัฒนาสินค้าและหาจุดเด่นทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความสวยงามและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  จึงเป็นเรื่องสำคัญ การที่ NEPS ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรก และรายเดียวในไทยสำหรับตัว “HI-MO X6 Ultra Black” ซึ่งให้ทั้งประสิทธิภาพสูง ดีไซน์สวย เมื่อนำไปติดตั้งบนหลังคาบ้านแล้วจะเห็นเป็นสีดำสนิททั้งแผง ไร้รอยต่อ เหมาะกับบ้านที่เน้นความหรูหรา จึงนับเป็นโอกาสที่สำคัญของ NEPS ในการยกระดับสินค้าสำหรับผู้บริโภคไปพร้อมกับการตอกย้ำวิสัยทัศน์ร่วมกับ LONGi ในการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน” นายตรีรัตน์ กล่าวปิดท้าย 

หลักในการทำธุรกิจของ NEPS นอกจากจำหน่ายและติดตั้งโซลาร์เซลล์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลกแล้ว เรายังให้ความสำคัญถึงการขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการดำเนินกิจกรรมที่ตอบโจทย์ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างประเทศไทยและโลกใบนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

มุมมองของ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิว เอ็นเนอร์จี้ พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS ผู้นำด้านการให้บริการพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล ต่อนโยบายการดำเนินธุรกิจของ NEPS ที่ครอบคลุมถึงการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

โดยนายตรีรัตน์ ได้ขยายความเพิ่มเติมว่า รูปแบบการทำธุรกิจของ NEPS นั้นสอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาติ (UN) ใน 3 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 7 การเข้าถึงพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนในราคาย่อมเยา (Affordable and Clean Energy) ด้วยโซลาร์เซลล์เป็นพลังงานสะอาดที่สร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม มีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ และปัจจุบันธนาคารหลายแห่งมีบริการสินเชื่อโซลาร์เซลล์ และเป้าหมายที่ 11 ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มีความปลอดภัย พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง (Sustainable Cities and Communities) ซึ่งการติดตั้งโซลลาร์เซลล์ช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก และช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของชุมชนโดยรอบของพื้นที่ที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์อีกด้วย

การดำเนินงานของ NEPS ยังตอบโจทย์เป้าหมายที่ 17 ในเรื่องของการสร้างพาร์ทเนอร์ความร่วมมือเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Partnership for the Goals) ผ่านการสร้างความรู้ความเข้าใจให้คนไทยได้รู้จักและหันมาใช้โซลาร์เซลล์ แล้วร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมสีเขียวที่ใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือกมากขึ้น ด้วยเป้าหมายของ NEPS ที่ต้องการเปลี่ยนพลังงานทางเลือกให้เป็นพลังงานหลัก เพื่อสร้างการใช้พลังงานที่ยั่งยืนในระยะยาว

ทั้งนี้ NEPS ได้นำความรู้และเชี่ยวชาญด้านโซลาร์เซลล์ไปต่อยอดสู่การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมกับโครงการ “Solar for People” โดยเข้าไปติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับองค์กรที่มีความเชื่อมโยงกับสังคม อาทิ วัดซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน หรือโรงเรียนที่เป็นสถานที่บ่มเพาะเด็กและเยาวชน เป็นต้น ด้วยเป้าหมายคือต้องการให้คนไทยได้รู้จักและใช้พลังงานสะอาด พร้อมทั้งร่วมสร้างสถานที่นั้นๆ ให้เกิดความยั่งยืนด้านพลังงาน โดยได้ปักหมุดโครงการที่วัดป่าสุขใจ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นแห่งแรก ซึ่งวัดป่าสุขใจเป็นวัดที่มีพระปฏิบัติกรรมฐานและวิปัสสนาจำนวนมาก รวมถึงได้เปิดให้ประชาชนได้เข้าไปปฏิบัติธรรม ภายในวัดมีการใช้ไฟฟ้าในบางจุดเท่านั้น คือ โรงครัว และศาลารวมใจสำหรับการปฏิบัติธรรม แต่ในส่วนของกุฏิและที่พักไม่มีไฟฟ้าใช้งาน ทาง NEPS จึงเข้าไปเติมเต็มและปรับระบบการใช้ไฟฟ้าของวัดด้วยการบริจาคและติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปขนาด 5.58 กิโลวัตต์ ซึ่งครอบคลุมปริมาณการใช้ไฟทั้งหมดของวัด

นอกจากนั้น NEPS ได้ขยายผลโครงการสู่วัดทิพยรัฐนิมิตร (วัดป่าบ้านจิก) จังหวัดอุดรธานี โดยเป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาและผูกพันกับชาวบ้านมาอย่างยาวนานกว่า 90 ปี อีกทั้งยังเป็นวัดที่ได้รับการแนะนำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอุดรธานี และด้วยความที่เป็นวัดขนาดใหญ่และมีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณมาก ทาง NEPS จึงเข้าไปช่วยลดค่าไฟให้กับทางวัดด้วยการสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปซึ่งผลิตกำลังไฟได้ 49.28 กิโลวัตต์ โดยรวมเงินบริจาคสำหรับแผ่นโซลาร์เซลล์และการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับวัดป่าสุขใจและวัดทิพยรัฐนิมิตรอยู่ที่ 2.2 ล้านบาท

“ในการเข้าไปติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับวัด เราจะให้ความรู้และสร้างความเข้าใจถึงมิติต่างๆ ของโซลาร์เซลล์ให้กับพระและเจ้าหน้าที่วัดด้วย ทั้งประโยชน์และข้อดีของโซลาร์เซลล์ที่ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน รวมถึงให้ข้อมูลถึงการทำงานของระบบโซลาร์เซลล์ว่าเป็นอย่างไร สามารถผลิตไฟได้ช่วงเวลาไหน แล้วแนะนำให้วัดควรใช้ไฟในช่วงเวลานั้นๆ เพื่อความคุ้มค่าและลดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเราจะประเมินให้ทางวัดทราบว่าการติดตั้งโซลาร์เซลล์จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเท่าไร และสร้างความยั่งยืนในระยะยาวอย่างไร โดย NEPS ได้ส่งทีมงานเข้าไปช่วยดูแลทั้งเรื่องการใช้งานและบำรุงรักษาโซลาร์เซลล์อย่างใกล้ชิด”

นายตรีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนงานของโครงการ Solar for People ว่า NEPS มีแผนดำเนินกิจกรรมในทุกปี สำหรับส่งมอบโซลาร์เซลล์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดกระจายไปสู่สถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย เพื่อเสริมสร้าง Ecosystem สถานที่นั้นๆ ให้มีสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน ร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงยังตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs อีกด้วย

X

Right Click

No right click