ประเทศไทย- 24 กันยายน 2567 - ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปีนี้มีคนไทยมากถึง 67% ที่เลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยจะสูงถึง 750,000 ล้านบาทภายในปี 25681 ซึ่งสะท้อนถึงการก้าวไปข้างหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างมั่นคง ในขณะที่ภาค SMEs ตั้งเป้าหมายการเติบโตจากรายได้ 6.3 ล้านล้านบาทในปี 2566 เป็น 6.6 ล้านล้านบาทในปี 25672 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดออนไลน์และปรับตัวอย่างมีประสิทธิภาพและทันกระแสการค้าในยุคดิจิทัล
ล่าสุด ช้อปปี้ ผู้นำอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ครองใจผู้ใช้งานชาวไทย ร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) จัดโครงการ “The influencer journey TiJ#1” สร้างตัวตนให้ปัง สู่เส้นทางคนดังที่สำเร็จ โดยโครงการนี้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เทคนิคสร้างแบรนด์บนร้านค้าออนไลน์จากรุ่นพี่ในวงการ Content Marketing กับ DBD Influencer Awards กิจกรรมเด็ดเพื่อเฟ้นหาสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์ผ่านการไลฟ์สตรีมมิ่ง เรียกได้ว่ากระแสตอบรับดีมากๆ ทั้งยังช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพอีกด้วย
เปิดสูตรลับ 2 SMEs ไทย สู่ความสำเร็จทางธุรกิจบนโลกอีคอมเมิร์ซ
หัทยา คัมบารา กรรมการผู้จัดการ แบรนด์ส้มใส (SOMSAI) ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 รางวัล DBD Influencer Awards 2024 แชร์มุมมองการสร้างแบรนด์และเทคนิคการตลาดไว้ว่า “แบรนด์ส้มใสเริ่มต้นจากการตระหนักถึงปัญหาผิวของคนไทย เราจึงพัฒนาสบู่ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วผ่านการบอกต่อ จนเกิดเป็นสบู่น้ำส้มใส ในช่วงแรกเราเน้นการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย แต่เมื่อโควิดทำให้ร้านค้าไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน ทำให้เห็นโอกาสช่องทางออนไลน์ จึงมาเปิดร้านบนช้อปปี้ แพลตฟอร์มที่ ‘น่าเชื่อถือ’ และ ‘ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง’ ทำให้หลายคนได้กลับมาพบกับแบรนด์ส้มใสอีกครั้ง บวกกับแบรนด์ของเราได้รับเครื่องหมาย อย. และ DBD Registered ที่สร้างความมั่นใจว่าสินค้าของเราเป็นสินค้าที่ปลอดภัยและของแท้ 100% ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในทุกการช้อปปิ้ง ระยะเวลาเกือบ 2 ปีบนช้อปปี้ รู้สึกประทับใจมากกับการดูแลอย่างใกล้ชิดและคำปรึกษาจากทีมงาน รวมถึงการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจผ่านกิจกรรมแคมเปญเครื่องมือและฟีเจอร์ทางการตลาด ในครึ่งปีแรกของปี 2567 ยอดขายแบรนด์เติบโตกว่า 10 เท่า และยอดออเดอร์เพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
“อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของแบรนด์ส้มใส คือการคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในรางวัล DBD Influencer Awards 2024 จากโครงการ “The influencer journey TiJ#1” ซึ่งถือเป็นโครงการที่เราได้เรียนรู้เทคนิคการสร้างยอดขายผ่านเครื่องมือการตลาดอย่าง ไลฟ์สตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการระบบหลังบ้าน การจัดตารางไลฟ์สด การวางโครงสร้างช่อง การถ่ายทำ และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า พร้อมพัฒนาผลลัพธ์ด้วยการใช้ AI ที่ทันสมัย เราเชื่อว่า การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้ทันที เรียนรู้ระหว่างที่ลงมือทำ และพัฒนาต่อเนื่องแบบไม่หยุดนิ่ง ทำให้เราชนะใจกรรมการ จากการแข่งขันไลฟ์สตรีมบนช้อปปี้พบว่า แบรนด์สามารถเพิ่มยอดขายได้กว่า 150% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ อีกทั้งยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากๆ จากเหล่าลูกค้า ทำให้ตัวเราและทีมงานแบรนด์ส้มใสรู้เลยว่า สินค้าไทยยังคงเติบโตได้อีกไกล หากเราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้รับการรับรองคุณภาพจากภาครัฐ และเลือกช่องทางการขายตรงตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา จะยิ่งช่วยขยายโอกาสในการเติบโต ต้องขอบคุณสำหรับโครงการนี้ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเติบโตและก้าวสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง” คุณหัทยา กล่าวทิ้งท้าย
ทิปส์เด็ดสู่ SMEs มือใหม่! สร้างความสำเร็จในโลกธุรกิจอย่างมืออาชีพ: ในช่วงที่การทำธุรกิจออนไลน์กำลังมาแรง ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ยิ่งมีโอกาสเติบโตได้เร็ว ช้อปปี้เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการขายออนไลน์ ด้วยเครื่องมือครบครัน ทั้งการส่งเสริมการขายและการวิเคราะห์ ช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันการสั่งซื้อออนไลน์สะดวกและง่ายดายกว่าเดิมมาก นี่คือโอกาสที่คุณไม่ควรพลาด
กษิรา ขันติศิริ เจ้าของแบรนด์เผือกกรอบ ทันจิตต์ ถ่ายทอดความอร่อยสู่การไลฟ์ที่น่าจับตามอง เล่าว่า “ทันจิตต์เริ่มต้นจากความหลงใหลในการทำขนม สืบทอดสูตรลับเฉพาะจากรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นแบรนด์ของฝากที่มีประวัติยาวนานกว่า 40 ปี โดยหัวใจหลักของเราคือการมุ่งมั่นพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงสุด ส่งตรงถึงมือลูกค้าแบบกรอบใหม่เพื่อสร้างความประทับใจ เราพิถีพิถันในการสไลด์เผือกเป็นรูปตะแกรงด้วยตัวเองจนเกิดเป็น “เผือกกรอบรูปตะแกรง” ที่สวยงามเป็นที่กล่าวขานถึงทุกวันนี้ และปัจจุบันเราได้ขยายช่องทางการขายสู่แพลตฟอร์ม 'ช้อปปี้' พิจารณาจากที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผลการสำรวจกลุ่มลูกค้าขนมขบเคี้ยว ทำให้เรามั่นใจว่านี่คือช่องทางที่ตอบโจทย์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
ด้วยฟีเจอร์ Shopee Live เป็นเครื่องมือหลักที่ช่วยให้แบรนด์ทันจิตต์เพิ่มยอดขายและเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว โดยในปีนี้ ยอดผู้ชม Shopee Live ของเราเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ด้วยการตอบรับที่ดีกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่อร่อยถูกปากคนไทยและโปรโมชันที่ดึงดูดใจ จึงพบว่า เผือกกรอบรูปตะแกรง ได้รับเลือกเป็นสุดยอดสินค้ายืนหนึ่งในใจนักช้อปประจำปี 2567
“การสร้างยอดขายของเรามาต้องมาพร้อมกับการเรียนรู้และพัฒนาเทคนิคในการเติบโตในโลกอีคอมเมิร์ซอย่างครบวงจร สำหรับการเข้าร่วมโครงการ The Influencer Journey TiJ#1 ได้เปิดโอกาสให้เราเรียนรู้กลยุทธ์การสร้างยอดขายที่มีประสิทธิภาพ เราได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาทักษะการพูดและการนำเสนอในไลฟ์สตรีมมิ่ง ทำให้แบรนด์มีความมั่นใจและสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม โดยพบว่ายอดขายใน Shopee Live ช่วงการแข่งขันเพิ่มขึ้นกว่า 200% อีกทั้งสามารถสร้างเอนเกจท์เม้นระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้เป็นอย่างดี ท้ายนี้ เราเชื่อว่าความสำเร็จของ SMEs
มาจากการสร้างความแตกต่างและข้อได้เปรียบทางธุรกิจ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน” กษิรา กล่าวเพิ่มเติม
ทิปส์เด็ดสู่ SMEs มือใหม่! สร้างความสำเร็จในโลกธุรกิจอย่างมืออาชีพ: หากคุณยังไม่เคยเปิดร้านบนช้อปปี้ แนะนำให้ลองเริ่มต้นหาความรู้บน Shopee University จะช่วยให้คุณเรียนรู้และเข้าใจการขายได้อย่างไม่ยากและคุณอาจพบว่ายอดขายของคุณเพิ่มขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว
นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ช้อปออนไลน์เป็นหมวดใช้จ่ายที่คนไทยมีความคุ้นเคยและใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเติบโตสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแพลตฟอร์มหลักที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับหนึ่งในไทย คือ ช้อปปี้ หรือ Shopee ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเคทีซีมายาวนานนับตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย และเติบโตด้วยกลยุทธ์ของการจัดวันมหกรรมแห่งการช้อปปิ้งออนไลน์ 9.9 จนกลายเป็นกระแสความนิยมแบบก้าวกระโดดในหมู่นักช้อปออนไลน์และขยายวงกว้างในกลุ่มผู้บริโภค และธุรกิจอื่นๆ”
“สำหรับลักษณะการใช้จ่ายออนไลน์ของสมาชิกเคทีซีในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กรกฎาคม 2567) เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยสมาชิกมีพฤติกรรมในการซื้อสินค้าบ่อยครั้งขึ้น ในขณะที่ยอดการซื้อต่อครั้งน้อยลง โดยสังเกตจากจำนวนรายการใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่านแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลสยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเกือบ 40% และทางอีมาร์เก็ตเพลสเอง ก็มีรายการส่งเสริมการขายต่างๆ มากมาย เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคเข้าใช้บริการในแพลตฟอร์มมากขึ้น อาทิ การแจกโค้ดส่วนลดในช่วงเทศกาล Double Date, PAYDAY ต่างๆ รวมถึงการ ไลฟ์ขายสินค้าในราคาพิเศษ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น พร้อมสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ามากขึ้น”
เคทีซีได้ร่วมกับช้อปปี้คัดสรร 3 สิทธิพิเศษ สำหรับการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เพื่อร่วมแบ่งเบาภาระใช้จ่ายให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี และสมาชิกบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” ในแคมเปญ 9.9 โดยสิทธิพิเศษที่ 1 รับส่วนลดสูงสุด 2,500 บาท เมื่อช้อปสินค้า 12,000 บาท ที่แอปฯ Shopee และทำรายการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท สิทธิพิเศษที่ 2 รับส่วนลดสูงสุด 1,200 บาท เมื่อช้อปผ่านบัตรเครดิตเคทีซีหรือบัตรเคทีซีพราว มาสเตอร์การ์ด เฉพาะวันที่ 9 กันยายน 2567 สิทธิพิเศษที่ 3 ใช้คะแนน KTC FOREVER แลกรับโค้ด Shopee มูลค่าสูงสุด 500 บาท ผ่านแอปฯ KTC Mobile ระหว่างวันที่ 2-16 กันยายน 2567 และใส่นำโค้ดส่วนลดในแอปฯ Shopee ก่อนชำระด้วยบัตรเครดิตเคทีซีที่ร่วมรายการ
นายการัน อำบานี ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ช้อปปี้ ประเทศไทย กล่าวว่า “จากแนวโน้มการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคชาวไทยมีการปรับตัว และหันมาใช้ช่องทางออนไลน์ในการจับจ่ายสินค้าและบริการมากขึ้นเป็นอย่างมาก โดยนักช้อปนิยมจับจ่ายสินค้าประเภท Home & Living สูงสุดผ่านบัตรเครดิตเคทีซี บนแอปพลิเคชั่นช้อปปี้ สำหรับกลยุทธ์ที่เรามุ่งมั่นจะเดินหน้าพัฒนาให้ช้อปปี้เป็นมากกว่าแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซผ่าน 3 โมเมนต์ (3S Moments) คือ ความเซอร์ไพรส์ (Surprise) ความคุ้มค่า (Saving) และความสำเร็จ (Success) ยังคงเป็นแนวทางที่เราให้ความสำคัญตลอดทั้งปีนี้”
“ช้อปปี้ ในฐานะอีคอมเมิร์ซเบอร์หนึ่งครองใจนักช้อปชาวไทย มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับเคทีซีตลอดมา เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวกสบายและเป็นการแบ่งเบาภาระทางการเงิน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างปัจจุบัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดียิ่งขึ้น และเราจะพัฒนาบริการของเราต่อไปเพื่อให้ตรงกับความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคในอนาคต”
ช้อปปี้ อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ในไทย ตอกย้ำความเป็นบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยอันดับต้นๆ เดินหน้าดัน Shopee Graduate Development Program (GDP) โปรแกรมที่เฟ้นหาผู้มีความสามารถและศักยภาพในการทำงานมาร่วมทีมช้อปปี้ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำและเติบโตไปกับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช้อปปี้เชื่อว่าประสบการณ์การทำงานจะเป็นมากกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้ ยังได้ลงมือทำและมีผู้เชียวชาญมาช่วยผลักดันให้เติบโตในสายงานอย่างดีที่สุด
ด้วยความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของโปรแกรม GDP ทั้ง ‘โอกาสในการเรียนรู้’ จากงานในแผนกต่างๆ พร้อมประกบคู่กับเมนเทอร์ในระดับผู้บริหารระดับสูงและ Head of Department ที่จะกลายเป็นเหมือน Co-parenting คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันศักยภาพ ปลดล็อกโอกาสให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมทั้งยังได้รับ ‘สวัสดิการที่ดีกว่า’ ทั้งในแง่ของการย้ายทีมในการทำงานทุก 6 เดือน ในระยะเวลา 2 ปีในโปรแกรม การได้เดินทางไปหาประสบการณ์ที่ช้อปปี้ในต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้และปรับตัวในสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมใหม่ๆ ซึ่งด้วยเอกลักษณ์เหล่านี้ทำให้ GDP เป็นโปรแกรมที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง
นางสาวสุชญา ปาลีวงศ์, ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล ช้อปปี้ พูดถึงมุมมองและแนวคิดของโปรแกรม GDP “ที่ช้อปปี้ เรามุ่งเน้นในการสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะเราเชื่อว่าการที่บริษัทจะเติบโตไปในทิศทางที่ดี ที่แข็งแกร่งได้นั้น ทรัพยากรบุคคล คือรากฐานสำคัญมากที่สุด ช้อปปี้ถือเป็นพื้นที่ปลุกปั้นให้เด็กรุ่นใหม่เติบโตอย่างสง่างาม ราวกับเมล็ดพันธุ์ที่ดี ที่มีดินที่ดีคอยหล่อเลี้ยงให้เติบโตเป็นไม้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง อยู่ถูกที่ ถูกเวลา ทั้งในแง่ของ Mindset ที่ตรงกับองค์กร ทั้งกล้าคิด กล้าทำ มีไหวพริบและทัศนคติที่ดี ผ่านแนวคิดหลัก อย่าง ‘ก้าวแรก-ก้าวไว-ก้าวไกล:ไปกับ Shopee GDP’
“เราพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้กับเด็กรุ่นใหม่ที่พร้อมเรียนรู้และเปิดรับสิ่งใหม่แบบไร้ขีดจำกัด ได้ลองออกจาก Comfort zone เข้ามาร่วมในโปรแกรม GDP คุณอาจจะได้เห็นศักยภาพในตัวที่อาจไม่เคยเห็นมาก่อน และสามารถก้าวเป็นผู้นำในองค์กรของช้อปปี้ อีกทั้งยังสามารถเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ฉะนั้นเราจึงให้ความสำคัญในการคัดสรรบุคลากร รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนในการพัฒนาขีดความสามารถเพื่อก้าวสู่การเป็นบุคลากรสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรม
อีคอมเมิร์ซอย่างดีที่สุด” สุชญา กล่าวเพิ่มเติม
เผย 3 สกิล ‘ความเป็นผู้นำ - การปรับตัวในทุกสถานการณ์ - เรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา’ ที่คนทำงานรุ่นใหม่ไม่ควรมองข้าม
พิม ศิเรมอร ทองปาน, สมาชิกรุ่นแรกในโปรแกรม GDP จากเด็กจบใหม่สู่ผู้นำทีม แชร์มุมมองว่า “พิมถือเป็นสมาชิกรุ่นแรกในโปรแกรม GDP พอขึ้นชื่อว่าเป็น สมาชิกของโปรแกรม GDP ก็รู้เลยว่าต้องมีความท้าทายกว่าคนอื่นทั้งในแง่สกิลการทำงานและความเป็นผู้นำซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองหาแถมยังได้ไปหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศด้วย
ตลอด 6 ปีที่ช้อปปี้ของพิม มันส์ ครบ รส มากๆ ค่ะ พิมประทับใจใน Culture และ DNA ขององค์กรที่ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวอยู่ตลอด อีกทั้งโอกาสในการเติบโต เพราะได้ร่วมทำโปรเจคสำคัญๆ ของบริษัท ได้แชร์มุมมองและไอเดียกับผู้บริหารตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วมโปรแกรม ซึ่งรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก ไม่ค่อยเห็นบริษัทอื่นๆ ให้โอกาสกับเด็กจบใหม่แบบนี้ แต่คงเป็นเพราะช้อปปี้เน้นย้ำเรื่องการพัฒนาบุคลากรเป็นสำคัญ ซึ่งปัจจุบันพิมบริหารทีมในส่วนของ Online Marketing เป็นอีกความท้าทายที่แตกต่างไปจากเดิม เพราะเราต้องมองความสำคัญของการเป็นผู้นำให้มากขึ้น การกำหนดทิศทางการทำงานของทีมเพื่อให้รู้เสมอว่า เขาทำไปเพราะอะไร เพื่ออะไร สิ่งนี้จะทำให้เขามี ownership กับงานที่ได้รับมอบหมาย และสุดท้ายคือ ความอิสระทางความคิด เราสามารถคิดนอกกรอบได้บนพื้นฐานของความสมเหตุสมผล
สุดท้ายอยากชวนน้องๆ ที่มีจุดหมายแบบเดียวกับพิมลองก้าวเข้ามาสมัครโปรแกรมนี้ ความเสี่ยงที่สูงที่สุดคือการที่เราไม่ได้ลองทำตั้งแต่ต้นค่ะ”
แซม-ปุญญวิชญ์ ปุญญาภิบาล, ผู้มองการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเสมือนดวงตาและหูขององค์กรแชร์ประสบการณ์สุดหิน “ผมได้โอกาสเข้าร่วม GDP มาในหลากหลายแผนก ซึ่งหลังจบโปรแกรม ผมก็ยังคงทำงานกับช้อปปี้ รวมกว่า 3 ปีแล้วครับ ปัจจุบันผมดูแลในส่วนการวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนของ SPX Express
ผมมองว่าการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเสมือนดวงตาและหูขององค์กร ช่วยให้ผู้บริหารสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ละสเต็ปและพร้อมที่จะนำมาปรับใช้กับการพัฒนาองค์กรให้เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
งานหลักของผมเกี่ยวกับ Digitalization และ Automation และความยากที่สุดคือ Digitalization หรือการแปลงข้อมูลที่ไหลเวียนในองค์กรให้เป็นข้อมูลดิจิทัลเพื่อใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ สำหรับผมมองว่างานวิเคราะห์ข้อมูลมีความท้าทายไม่น้อย เพราะเปรียบเหมือน Data Center ของบริษัท ทุกแผนกที่ต้องการข้อมูลจะต้องเข้ามาหาเราเป็นด่านแรก ซึ่งความยากของงานนี้คือ ความซับซ้อนในแง่ของ Technical Terms ดังนั้นเราต้องเรียนรู้วิธีที่จะต้องสื่อสารจากสิ่งที่ยากให้ออกไปง่ายที่สุดเพื่อให้แต่ละแผนกมีความเข้าใจและนำไปใช้อย่างถูกต้องที่สุด
GDP เสมือนกำไรชีวิต เพราะผมได้รับโอกาสในการทำงานใกล้ชิดและรับคำแนะนำจากผู้บริหารระดับสูง พร้อมทั้งได้ดึงศักยภาพของผมออกมาได้อย่างเต็มที่ สะสมประสบการณ์ที่มีคุณค่าและจะช่วยให้ผมเติบโตในสายอาชีพอย่างรวดเร็วที่สุดครับ”