November 23, 2024

บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด  ผู้นำด้านธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ระดับมืออาชีพ ให้บริการครบวงจร ครอบคลุมทั่วไทย และเซาท์ อีส เอเชีย  ร่วมส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนไทยให้มีความสามารถทางภาษา

จึงสานต่อความร่วมมือสถาบันขงจื่อในประเทศไทย และสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล จัดโครงการแข่งขันทักษะการแปลและการล่ามจีนไทย – ไทยจีน ระดับสถาบันอุดมศึกษา ปีที่ 2 ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 340,000 บาท โดยแบ่งเป็นการแข่งขัน “ระดับภูมิภาค” ชิงเงินรางวัล 200,000 บาท มีการแข่งขัน 2 ประเภท คือ

ประเภทที่ 1 รางวัลด้านการแปลเอกสาร  และประเภทที่ 2 รางวัลด้านการล่าม ซึ่งทั้ง 2 ประเภทแบ่งรางวัลออกเป็น 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ 10,000 บาท , รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 7,000 บาท ,รองชนะเลิศอันดับสอง 4,000 บาท และชมเชยจำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล และเกียรติบัตร  

นอกจากนี้ ผู้ชนะในระดับภูมิภาคที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และรองชนะเลิศอันดับสอง ทั้ง 2 ประเภทจะมีสิทธิ์ได้เข้าร่วมการแข่งขัน “ระดับประเทศ” เพื่อชิงเงินรางวัล 140,000 บาท  โดยแบ่งรางวัลออกเป็น  2 ประเภทคือประเภทที่ 1 รางวัลด้านการแปลเอกสาร และประเภทที่ 2 รางวัลด้านการล่าม ซึ่งทั้ง 2 ประเภท จะแบ่งเป็นจำนวน 5 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ 30,000 บาท ,รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 20,000 บาท ,รองชนะเลิศอันดับสอง 10,000 บาท และชมเชยจำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท พร้อมทั้งถ้วยรางวัล และเกียรติบัตร 

ทั้งนี้ นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการแข่งขันทักษะการแปลและการล่าม   จีนไทย – ไทยจีน ระดับอุดมศึกษา ปีที่ 2 ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับประเทศ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Page Facebook : Flash Education (https://bit.ly/4fkDRam) หรือสอบถามได้ที่ Line OA : @942wtfyo โดยเปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 สิงหาคม 2567  

“บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด” (InnovestX Securities Co., Ltd.) เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเงินการลงทุนแห่งอนาคตอย่างต่อเนื่อง ร่วมสนับสนุนโครงการแข่งขัน “2022-2023 CFA Institute Research Challenge” ซึ่งจัดขึ้น โดย สมาคม ซีเอฟเอ ไทยแลนด์ (CFA Society Thailand) เวทีเฟ้นหา ‘Thailand Winner’ สุดยอดทีมนักศึกษาดาวรุ่งคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ ความสามารถโดดเด่น

ภายใต้การแข่งขันทดสอบความสามารถ ในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างเข้มข้น โดยผู้ชนะในปีนี้ ได้แก่ ทีมนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลักสูตรบริหารธุรกิจ (นานาชาติ) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ซึ่งจะเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันในเวทีระดับนานาชาติที่มีผู้เข้าแข่งขันจากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก นับเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่ม Talent ได้พัฒนาขีดความสามารถและเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเงิน การลงทุนอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่สายอาชีพต่อไปในอนาคต

นายพสุวุฒิ วิไลนิรันดร์ Assistant Managing Director และ Head of Private Fund Management บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) มุ่งมั่นในการวางรากฐาน และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเงินการลงทุนแห่งอนาคตอย่างครบวงจรในประเทศไทย โดยหนึ่งในกลไกที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการเงินการลงทุนคือบุคลากรที่มีคุณภาพ เราจึงให้ความสำคัญและส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุน เพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ และมีทักษะที่สามารถรองรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราจึงได้ร่วมสนับสนุนโครงการ “2022-2023 CFA Institute Research Challenge” เวทีทดสอบความสามารถในการวิเคราะห์หลักทรัพย์ ของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ผลักดันนักศึกษาดาวรุ่งนักการเงินการลงทุนรุ่นใหม่ระดับแนวหน้าของประเทศ ด้วยการสนับสนุนเงินรางวัลแก่ทีมที่เข้ารอบสุดท้าย รวมถึงทีมผู้ชนะ มูลค่ารวม 100,000 บาท พร้อมให้ความรู้ คำแนะนำ แบ่งปันประสบการณ์ให้กับน้อง ๆ โดยนักศึกษาในโครงการจะได้รับการฝึกฝน และการทำวิจัยผ่าน ประสบการณ์จริง ได้โอกาสในการเรียนรู้แบบใกล้ชิดจากกูรูแถวหน้าจากบริษัทมหาชนชั้นนำ และจากที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงการเงินการลงทุน รวมถึงโอกาสในการแข่งขันร่วมกับทีมระดับท็อปในเวทีโลกที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา”

“เรามุ่งหวังว่าการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการสนับสนุนและผลักดันนักการเงินการลงทุนรุ่นใหม่ในครั้งนี้ จะสามารถช่วยสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและมีศักยภาพ ในตลาดทุนที่มีความซับซ้อน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการวางรากฐานและร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการเงินและการลงทุนแห่งอนาคตที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนให้กับประเทศไทย ต่อไป” นายพสุวุฒิ กล่าวเสริม

 

เอสซีจีกลุ่มชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนได้มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและนักศึกษาระดับปริญญาตรีทั้งสิ้น 270 คน ทำให้ใน 9 ปีที่ผ่านมา

มีผู้ได้รับทุนการศึกษาจากกลุ่มตามโครงการเพื่อสังคมด้านการศึกษาไปแล้วมากกว่า 1,500 คนจำนวน 270 ทุนนี้แบ่งออกเป็นทุนที่มอบให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 250 ทุน และเป็นทุนที่มอบให้แก่นิสิตนักศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีจำนวน 20 ทุน

นายรัชต์ยุตม์ เกษมชัยศิริ Country Director เอสซีจี กัมพูชา กล่าวว่าการศึกษานั้นถือเป็นหนึ่งใน 3 ด้านสำคัญที่เอสซีจีมุ่งเน้นในโครงการรับผิดชอบต่อสังคม โดยอีก 2 ด้านคือด้านสุขภาพและด้านสิ่งแวดล้อม

นายรัชต์ยุตม์ เกษมชัยศิริ กล่าวว่า “ที่เอสซีจี เราได้มุ่งมั่นกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนในประเทศที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ และการส่งเสริมด้านการศึกษาเป็นปัจจัยหลักเพื่อบรรลุจุดประสงค์นี้ได้ ดังนั้นเราเชื่อว่าการสนับสนุนเงินทุนจะทำให้นักเรียนทุนฯ สามารถตั้งใจศึกษาได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องทุนทรัพย์ และเราหวังว่าโครงการ Sharing the Dream นี้จะช่วยผลักดันให้นักเรียนทุนฯ สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้”

พิธีมอบทุนการศึกษานี้จัดขึ้นโดยมี H.E. Som Rattana ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชน และกีฬาของกัมพูชา และนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชาร่วมเป็นประธานในพิธี

H.E. Som Rattana กล่าวว่าเอกชนอย่างเอสซีจีได้มีส่วนสำคัญมากในการส่งเสริมและสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาในด้านการศึกษา

“การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาเพื่อช่วยสานฝันให้ทุกคนนั้นสำคัญมาก บางคนอาจมีความฝันต่างๆ แต่ขาดปัจจัยที่จะสานต่อความฝันนั้นๆ ให้เป็นจริงได้ ดังนั้นการช่วยทำให้ฝันของพวกเขาเป็นจริงนั้นจึงสำคัญมากต่อพวกเราทุกคน”

ด้านนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชาได้กล่าวอวยพรให้นักเรียนทุนฯ ประสบความสำเร็จในการศึกษาด้วยการสนับสนุนจากเอสซีจี

นายชูเกียรติกล่าวว่า “นอกจากการศึกษาจะเป็นประตูสู่โอกาสต่างๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษาแล้ว การศึกษายังถือเป็นการรักษาความสงบและความรุ่งเรืองของประเทศด้วย ประเทศกัมพูชาเองเต็มไปด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและศักยภาพ ซึ่งต้องการความเอาใจใส่และจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนอนาคตที่สำคัญของประเทศต่อไป”

นาย Khom Keo นักเรียนทุนฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยวิทยาการสุขภาพ ได้กล่าวแสดงความยินดีหลังจากได้รับทุนสนับสนุนนี้ว่า “ผมมีความสุขมากเพราะว่าโครงการนี้ได้ช่วยสนับสนุนนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่ยากจน และยังคงให้การสนับสนุนต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วย ดังนั้นจึงช่วยให้คนที่ขาดกำลังทรัพย์แต่มีความฝัน ได้สานต่อความฝันและสร้างอนาคตของตนเองได้”

โครงการ SCG Sharing the Dream เริ่มจัดตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2557 เป็นโครงการที่มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อ และต้องการเงินทุนสนับสนุน รวมทั้งมีความห่วงใย ใส่ใจสังคมและเคารพญาติผู้ใหญ่ด้วย

 บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดโครงการประจำปี “Seeds for the Future 2021” ขึ้นในกรุงเทพฯ เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ฝึกฝนทักษะด้านไอซีที และให้นิสิตนักศึกษาที่มีความสามารถได้ค้นพบศักยภาพที่แท้จริงของตน ผ่านโปรแกรมการฝึกอบรมภาคปฏิบัติกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม โดยมีพิธีปิดงานและพิธีมอบประกาศนียบัตรได้รับเกียรติจากนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาเป็นประธานในพิธีฯ

 

ในปี 2564 นี้ นิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีจำนวน 15 คน จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.), สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยรังสิต ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมในโครงการ โดยตลอดหลักสูตรได้มีนักศึกษาจากประเทศอุซเบกิสถาน และเบลารุส เข้าร่วมในชั้นเรียนออนไลน์พร้อมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมระหว่าง 3 ประเทศ

 

คอร์สฝึกอบรมแบบเร่งรัดในระยะเวลา 8 วัน ประกอบด้วยหลักสูตรไอซีทีที่ถ่ายทอดสดมาจากสำนักงานใหญ่ของหัวเว่ยในเซินเจิ้น ประเทศจีน รวมถึงคลาสแบบออฟไลน์ที่จัดขึ้นที่สำนักงานของหัวเว่ย ประเทศไทย เช่นการเยี่ยม

ชมศูนย์ Thailand 5G Ecosystem Innovation Center (5G EIC) การจัดเวิร์กช็อปเขียนพู่กันจีนและศึกษาตัวอักษรภาษาจีน ทำให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมจีนมากขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศของเพื่อนต่างชาติร่วมชั้นเรียน

 

การอบรมและเนื้อหาในหลักสูตรโครงการนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญของหัวเว่ย โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาทักษะของนิสิตนักศึกษาให้สอดคล้องกับมาตรฐานการทำงานทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือจากหลักสูตรออนไลน์ในหัวข้อ 5G, IoT, AI และคลาวด์ คอมพิวติ้ง นิสิตนักศึกษาผู้เข้าร่วมยังได้มีโอกาสร่วมกันระดมความคิดสร้างสรรค์และทำโปรเจ็กต์กลุ่ม “TECH4Good” ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อร่วมกันพัฒนาสังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ นอกจากนี้นิสิตนักศึกษาที่ผ่านหลักสูตรฝึกอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรจากหัวเว่ยเพื่อเป็นหลักฐานการสำเร็จหลักสูตร

 

หลักสูตรนี้ทำให้เราเห็นภาพรวมของอุตสาหกรรมและทิศทางของวงการไอซีทีในอนาคต เนื้อหาที่เราได้เรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและทักษะต่าง ๆ นั้นจัดทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญจริงที่ตั้งใจถ่ายทอดความรู้เชิงลึกที่หาไม่ได้ที่ไหน รวมไปถึงเวิร์คช้อปการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การไปเยี่ยมชมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และโครงการ TECH4Good ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีไปปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพของสังคมในด้านต่าง ๆ ช่วยให้เราสามารถเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตการทำงานจริง ดิฉันมั่นใจว่าความรู้และทักษะที่ได้จากโครงการนี้จะช่วยยกระดับศักยภาพในการทำงานและเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พวกเรา ต้องขอขอบคุณหัวเว่ยที่จัดกิจกรรมดี ๆ แบบโครงการ Seeds for the Future นี้ขึ้นมา” นางสาวพัชรินทร์ บุญสมเชื้อ นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตัวแทนนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ Seeds for The Future กล่าว

 

ระหว่างพิธีมอบประกาศนียบัตร นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในโลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีว่า “หนึ่งในภารกิจหลักของกระทรวงฯ คือการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน และด้วยการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน เราจึงได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลคุณภาพสูงและส่งเสริมการพัฒนาอีโคซิสเต็มดิจิทัลที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน” พร้อมเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม รากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในปัจจุบัน แท้จริงแล้วคือการพัฒนาบุคลากรไอซีที กระทรวงฯ เชื่อว่าการศึกษาเชิงปฏิบัตินั้นสร้างประโยชน์มากมายแก่ผู้เรียนเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน เราจึงพร้อมสนับสนุนโครงการพัฒนาศักยภาพบุคคลอย่าง “Seeds for the Future” ของหัวเว่ยอย่างเต็มที่ตลอดมา ดิฉันขอขอบคุณหัวเว่ยที่ได้ ร่วมทุ่มเท เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร จนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีความสามารถ และการมีส่วนร่วมของหัวเว่ยในการช่วยขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ประเทศไทย 4.0 อย่างเต็มความสามารถตลอดมา” นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวสรุป

 

หัวเว่ยมีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านไอซีที ภายใต้พันธกิจ ‘Grow in Thailand, Contribute to Thailand’ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาคนี้ โครงการ Seeds for the Future ซึ่งริเริ่มขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2551 เราได้ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมไอซีทีให้แก่คนรุ่นใหม่มาโดยตลอด และด้วยประสบการณ์ระดับโลกในด้านไอซีทีกว่าหลายสิบปี เราจะร่วมเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรดิจิทัล ให้ความรู้ในห้องเรียนสอดคล้องกับทักษะสำหรับการทำงานในชีวิตจริง เราพร้อมจับมือกับภาครัฐและพันธมิตร เพื่อยกระดับแรงงานดิจิทัลที่จะเข้ามาพลิกโฉมประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน” นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร หัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างพิธีปิดงาน

 

 

 

 

X

Right Click

No right click