November 24, 2024

เหตุใดเมืองชายฝั่งทะเลแห่งหนึ่งของจีน จึงกลายเป็นต้นแบบแห่งการดูแลระบบนิเวศสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

June 07, 2024 1718

เซี่ยเหมิน เป็นเมืองชายฝั่งทะเลทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เป็นที่รู้จักกันในนาม “เกาะแห่งนกกระยาง”ตั้งแต่โบราณกาล มีนกกระยางอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมากมาย ยามค่ำคืนของทุกวัน นกกระยางจะรวมตัวกันที่ริมฝั่งทะเลสาบหยุนตัง ซึ่งเป็นทะเลสาบขึ้นชื่อของเมืองเซี่ยเหมิน มองดูชาวเมืองเซี่ยเหมินเล่นเครื่องดนตรี ร้องเพลง เต้นรำ และออกกำลังกายอย่างเงียบ ๆ

เมืองเซี่ยเหมินในทุกวันนี้เป็นอุทยานนครแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะล่องเรือเที่ยวทะเล ขี่จักรยานตามชายฝั่งทะเล หรือเดินเล่นข้างทางป่าชายเลนที่ชอุ่ม ล้วนประทับใจกับบรรยากาศดีงามที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ เมื่อกว่า 30 ปีก่อน ระบบนิเวศของเมืองเซี่ยเหมินเป็นที่น่าปวดหัวมาก ตัวอย่างเช่น ทะเลสาบหยุนตังซึ่งสะอาดสะอ้านในปัจจุบัน ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยกองขยะ

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว สภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยาของเซี่ยเหมินทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นปวดหัว ตัวอย่างเช่น ทะเลสาบหยุนตังซึ่งปัจจุบันมีคลื่นสีฟ้ากระเพื่อม ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยกองขยะและรกไปด้วยวัชพืช

วิลเลิยม บราวน์ ศาสตราจารย์ชาวอเมริกันแห่งมหาวิทยาลัยเซี่ยเหมิน ซึ่งใช้ชีวิตที่นี่มาหลายปีมีความประทับใจต่อการนี้มาก “หลายปีก่อน ทุกครั้งที่ผมขี่จักรยานริมทะเลสาบหยุนตัง ก็ต้องปิดปากและจมูกให้สนิท แต่ตอนนี้ที่นี่กลายเป็นปอดสีเขียวของเมือง เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและพาณิชย์ของเมืองเซี่ยเหมิน และก็เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของวิสาหกิจต่าง ๆ ชาวจีนและชาวต่างชาติต่างก็ชอบมาเที่ยวทะเลสาบหยุนตัง เพื่อเล่นกีฬาทางน้ำ เช่น การแข่งขันพายเรือคายัค หรือเดินเล่นตามเส้นทางสีเขียวริมชายฝั่งทะเลสาบ ความสำเร็จของทะเลสาบหยุนตังพิสูจน์ให้เห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถปรับความสมดุลได้”

เหตุใดระบบนิเวศของทะเลสาบหยุนตังและเมืองเซี่ยเหมิน จึงประสบผลงานการพัฒนาที่ใหญ่หลวงเช่นนี้

1.การกำกับดูแลอย่างต่อเนื่องที่เป็นเวลา 36 ปี

ทะเลสาบหยุนตัง เคยเป็นท่าเรือประมงที่อ่าวด้านในของเกาะเซี่ยเหมิน ช่วงทศวรรษ 1970 การพัฒนาเศรษฐกิจจีนยังคงล้าหลังอยู่ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน คนท้องถิ่นจึงถมทะเลเพื่อการเพาะปลูก และสร้างเขื่อนขุดทะเลสาบ ตั้งแต่นั้นมา ท่าเรือหยุนตังก็ไม่ได้เชื่อมต่อกับทะเลอีก และกลายเป็นลากูนที่มีพื้นน้ำ 1.6 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น พร้อมไปกับการพัฒนาการก่อสร้างรอบ ทะเลสาบและประชากรที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โรงงานเคมีหลายแห่งก่อสร้างขึ้นมา และก่อมลภาวะร้ายแรง นอกจากนี้ ทะเลสาบหยุนตังยังเป็นที่ปล่อยน้ำท่วมและน้ำขังในตัวเมือง เขตทะเลสาบดังกล่าวจึงมีมลพิษร้ายแรง

“เซี่ยเหมินไม่ควรเสียหายมากเช่นนี้ เพื่อแลกกับการพัฒนาด้านอื่นๆ” ปี 1988 นายสี จิ้นผิง กรรมการประจำคณะกรรมการเทศบาลเซี่ยเหมิน และรองนายกเทศมนตรีบริหารในสมัยนั้นได้นำเสนอแนวคิดกำกับดูแลทะเลสาบหยุนตังอย่างสร้างสรรค์ว่า “กำกับดูแลทะเลสาบตามหลักกฎหมาย สกัดกั้นและบำบัดน้ำเสีย ขุดลอกสร้างเขื่อน ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และปรับสิ่งแวดล้อมให้สวยงามขึ้น” นับแต่นั้น ทะเลสาบหยุนตังเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ในเวลาสั้น ๆ เพียง 3 ปีเท่านั้น ก็ได้บรรลุเป้าหมาย “น้ำทะเลสาบไม่มีกลิ่นเหม็น ตลอด 36 ปีมานี้ จากการกำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จต่อเนื่องกัน 5 ระยะ ทะเลสาบที่เคยส่งกลิ่นเหม็น ได้กลายเป็นหน้าตาของเมืองเซี่ยเหมิน”

เซี่ยเหมินยกการจัดการทะเลสาบหยุนตังเป็นต้นแบบโดยเริ่มโครงการจัดการพื้นที่อ่าวหลายแห่ง และลุ่มแม่น้ำจิ่วหลง โดยดำเนินหลักการ "หนึ่งอ่าว หนึ่งนโยบาย" ฟื้นฟูระบบนิเวศตั้งแต่ยอดเขาจนถึงน้ำทะเล เซี่ยเหมินดำเนินโครงการปรับช่องเปิดกำแพงกันคลื่น และขุดลอกตะกอนประมาณ 170 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้พื้นที่ทะเลที่เคยถูกแยกออกจากกันด้วยน้ำมือมนุษย์สามารถเชื่อต่อกันได้อีกครั้ง จึงก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนแหล่งน้ำ คุณภาพน้ำได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด

ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา เซี่ยเหมินได้ฟื้นฟูชายหาด 1.65 ล้านตารางเมตร และบรรลุเป้าหมายที่อนุรักษ์ชายหาดให้ได้ ไม่ให้กลายเป็นโคลน และไม่ก่อฝุ่นทราย จากการปรับปรุงอุทกพลศาสตร์ของอ่าว การปลูกป่าชายเลน การฟื้นฟูชายหาด การป้องกันมลภาวะ และการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศทางน้ำของเมืองเซี่ยเหมินได้รับการปรับปรุงอย่างมาก

อย่างที่วิลเลิยม บราวน์กล่าวว่า การลงทุนเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมไม่ได้สร้างอุปสรรคใด ๆ ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเซี่ยเหมิน กลับกลายเป็นรากฐานที่แน่นหนาในการพัฒนาเศรษฐกิจ เขตทะเลสาบหยุนตังได้ดึงดูดวิสาหกิจภาคการบริการที่ทันสมัยมาลงทุนกันหลายแห่ง กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน พาณิชย์ การท่องเที่ยว และบ้านที่พักของเมืองเซี่ยเหมิน

2.ประยุกต์ใช้ประสบการณ์เมืองเซี่ยเหมินกับประเทศร่วมสร้างสรรค์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”

การที่เมืองเซี่ยเหมินฟื้นฟูระบบนิเวศจนได้รับการยกย่องให้เป็น “อุทยานนครสากล” และ “ผลงานดีเด่นในการควบคุมจัดการชายฝั่งทะเลเอเชียตะวันออก” องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จากประเทศพัฒนา เช่น สหรัฐฯ เยอรมนี และเกาหลีใต้ มาดูงานที่เมืองเซี่ยเหมินด้วย เทคโนโลยีการฟื้นฟูชายหาดเมืองเซี่ยเหมินยังได้ประยุกต์ใช้ในโครงการดูแลชายหาดของประเทศร่วมสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางด้วย เช่น ไทย และศรีลังกา

อวี๋ ซิงกวาง อดีตเจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยที่ 3 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติจีน ซึ่งให้ข้อเสนอมากมายในการกำกับดูแลระบบนิเวศทางทะเลของเมืองเซี่ยเหมิน เห็นว่าประสบการณ์ และวิธีการปฏิบัติเชิงสร้างสรรค์ของ “เคสเซี่ยเหมิน” สมควรเผยแพร่ยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น การจัดการระบบนิเวศทางทะเลแบบเบ็ดเสร็จที่มีหลายภูมิภาคร่วมมือกัน การประสานงานระหว่างการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลกับการพัฒนาเมืองอ่าว

การสร้างสรรค์อารยธรรมทางนิเวศของเมืองเซี่ยเหมินนอกจากรวมถึงการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังรวมถึงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้วย เมืองเซี่ยเหมินเป็นเมืองแรกที่ประกาศใช้กฎข้อบังคับระดับท้องถิ่นว่าด้วยการอนุรักษ์โลมาหลังโหนก และสร้างฐานช่วยเหลือเพาะเลี้ยงโลมาหลังโหนกแห่งแรกในจีน เพื่ออนุรักษ์นกจาบคาหัวเขียวที่บินหนีร้อนจากประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาหยุดพักและเจริญพันธุ์ เมืองเซี่ยเหมินได้ก่อสร้างเขตอนุรักษ์นกจาบคาหัวเขียวที่ใจกลางตัวเมือง ซึ่งมีราคาที่ดินแพงมาก

“เราเผชิญกับความท้าทายร่วมกัน เพราะอยู่กับมหาสมุทรผืนเดียวกัน เมืองที่ดูแลทะเลได้ดีอย่างเมืองเซี่ยเหมิน มีบทบาทสำคัญเมื่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลของทั่วโลกเผชิญกับความท้าทาย” ปี 2018 สวนป่าชายเลนถันเหว่ย ซึ่งยังอยู่ในช่วงการพัฒนาเบื้องต้นสร้างความประทับใจให้กับปีเตอร์ โทมัส ทูตพิเศษกิจการทะเลของเลขาธิการสหประชาชาติ หลังจากนั้น เขายกย่องเมืองเซี่ยเหมินเป็นต้นแบบแห่งการฟื้นฟูป่าชายเลนในคำปราศรัยหลายครั้งของเขา

ความสำเร็จในการสร้างสรรค์อารยธรรมทางนิเวศของเมืองเซี่ยเหมิน แสดงให้เห็นว่า จีนใช้ความพยายามเพื่อผลักดันการสร้างความทันสมัยแบบจีนที่มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ด้วยความพยายามมาหลายปี ประสบการณ์การควบคุมดูแลทะเลของเมืองเซี่ยเหมินเป็นที่ยอมรับกันของประเทศหลายแห่ง ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ทางการและเจ้าหน้าที่ทางเทคโนโลยีของจีนกว่า 2,000 คน ให้การอบรมและเผยแพร่ประสบการณ์ในการควบคุมดูแลทะเลสาบหยุนตังแก่ประเทศกำลังพัฒนารวมกว่า 100 แห่ง 

ในที่ประชุมฟอรั่มว่าด้วยกิจการชายฝั่งทะเลนานาชาติ กรณีลดภัยทางระบบนิเวศในป่าชายเลนเซี่ยถันเหว่ยของเมืองเซี่ยเหมินได้บรรจุไว้ใน “รวมเคสสากลว่าด้วยการประสานงานเพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการลดภัยพิบัติทางนิเวศชายฝั่งทะเล” เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกใช้อ้างอิง

เจตนารมณ์ที่ดีงามเพื่อสร้างโลกสะอาดสวยงามนั้น กำลังเคลื่อนตัวจากชายฝั่งนี้สู่ทั่วโลก

เขียนโดย หยาง อี้ฟู

มุมมองนักวิเคราะห์ : ความทันสมัยแบบจีนคือความทันสมัย

ที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน

แนวคิดว่าด้วยอารยธรรมทางนิเวศของสีจิ้นผิง ได้ผสมผสานทฤษฎีทันสมัยกับทัศนะว่าด้วยอารยธรรมทางนิเวศเข้าด้วยกันอย่างสร้างสรรค์ ผลักดันให้เกิดทัศนะว่าด้วยอารยธรรมของทฤษฎีความทันสมัยแบบจีน ปรับและเพิ่มความหมายตามหลักวิทยาศาสตร์ของเส้นทางความทันสมัยแบบจีน

ความทันสมัยแบบจีน คือ ความทันสมัยที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ประเทศจีนถือหลักตอบสนองความต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีของประชาชนเป็นที่ตั้ง และจุดหมายปลายทางในการสร้างสรรค์ความทันสมัยที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน

น้ำใส ภูเขาเขียว คือ ภูเขาเงินภูเขาทอง เป็นทั้งแนวคิดการพัฒนาที่สำคัญ และก็เป็นหลักการสำคัญในการผลักดันความทันสมัย จีนยืนหยัดการพัฒนาคุณภาพสูง และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระดับสูงด้วย พยายามยืนหยัดเส้นทางความทันสมัยที่มีคุณภาพสูงโดยยึดหลักที่ระบบนิเวศต้องมาก่อน และถือเป็นทิศทางของการพัฒนาสีเขียว

การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีครั้งใหม่ มีลักษณะเด่นที่เป็นการปฏิวัติสีเขียว มีความอัจฉริยะ และเข้าถึงมวลชนได้อย่างทั่วถึง การพัฒนาสีเขียวและการอนุรักษ์นิเวศกับระบบดิจิทัลมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จีนกำลังสร้างระบบดิจิทัลในการควบคุมดูแลนิเวศ และพยายามสร้างระบบดิจิทัลด้านอารยธรรมทางนิเวศที่เน้นการพัฒนาสีเขียวและความเป็นอัจฉริยะ

ระบบนิเวศที่ดีเป็นผลิตภัณฑ์สาธารณะที่ยุติธรรมที่สุด  และเป็นประโยชน์สุขต่อประชาชนอย่างทั่วถึง สิ่งแวดล้อมคือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ภูเขาเขียวคือความสวยงาม ท้องฟ้าใสคือความสุข การพัฒนาเศรษฐกิจมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย

ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประชาชนจีนไม่เพียงแต่สร้างความมั่งคั่งทางวัตถุและจิตวิญญาณมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ยังสร้างผลิตภัณฑ์ทางนิเวศคุณภาพสูงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีงามด้วย แสดงให้เห็นว่า ในด้านอารยธรรมทางนิเวศ จีนก็ยึดประชาชนเป็นที่ตั้งเช่นกัน

เขียนโดย ศาสตราจารย์จางหยุนเฟย

มหาวิทยาลัยเหรินหมิน

วางแผนการพัฒนาเพื่อให้มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

การเคารพธรรมชาติ ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมชาติและอนุรักษ์ธรรมชาติ การสร้างสรรค์ประเทศให้ทันสมัย ต้องวางแผนการพัฒนาเพื่อให้มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

หลังการสำรวจศึกษาเป็นเวลานาน จึงได้พบเส้นทางความทันสมัยแบบจีน โดยกำหนดชัดเจนให้สร้างสรรค์ความทันสมัยที่มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน กล่าวได้ว่า การที่ทุกวันนี้จีนเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง และมองการพัฒนาในแง่มุมทางปรัชญาที่ให้มนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนนั้น เป็นเพราะว่าได้สรุปบทเรียนอันเจ็บปวดจากการพัฒนาในช่วงแรกเริ่ม

ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงระบุว่า ภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ พื้นที่เพาะปลูก ทะเลสาบ สนามหญ้า และทะเลทรายล้วนเป็นชีวิตที่อยู่ร่วมกัน ย้ำว่า ระบบนิเวศเป็นระบบธรรมชาติที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นห่วงโซ่ทางชีวภาพที่พึ่งพาอาศัยกัน และสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด นับเป็นการเข้าใจความเคลื่อนไหวของมนุษย์ในวัฏจักรธรรมชาติ และเน้นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเป็นความสัมพันธ์ของการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

ทัศนะว่าด้วยความกลมกลืนเช่นนี้ มาจากแนวคิดของอารยธรรมจีนว่าด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษย์กับธรรมชาติ เพราะอารยธรรมจีนถือว่าธรรมชาติเป็นชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุด ต้องเข้าใจธรรมชาติและชีวิตของมนุษย์จากภาพรวมของชีวิตในโลก

เขียนโดย รองผู้อำนวยการหลี่เหวินถัง

วิทยาลัยบริหารแห่งชาติจีน

 

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Friday, 07 June 2024 08:57
X

Right Click

No right click