October 06, 2024

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับสมาคมสถาปนิกสยามฯ (ASA) ประกาศผลการประกวดการออกแบบ "ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด" โดยคัดเลือก 10 ทีมนักออกแบบที่มีผลงานโดดเด่นและสร้างสรรค์ ที่จะเป็นผู้ปรับปรุงและออกแบบพื้นที่ New TCDC สถานที่รวบรวมและบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ 1) เชียงราย 2) นครราชสีมา 3) ปัตตานี 4) พิษณุโลก 5) แพร่ 6) ภูเก็ต 7) ศรีสะเกษ 8) สุรินทร์ 9) อุตรดิตถ์ และ 10) อุบลราชธานี  

การประกวดครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยมีทีมผู้เข้าร่วมประกวดถึง 113 ทีม และมีการส่งผลงานเข้ามาถึง 173 ผลงาน สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความมุ่งมั่นในการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ของประเทศ  โดยผลงานที่ชนะการประกวดในครั้งนี้จะถูนำไปพัฒนาเป็นศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ที่จะเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของเมือง เป็นแหล่งบ่มเพาะผู้ประกอบการท้องถิ่น และศูนย์รวมองค์ความรู้ในการพัฒนาและต่อยอดสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น เพื่อยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน นับว่าเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งในรอบ 20 ปีของ TCDC 

สำหรับผู้ชนะการออกแบบ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ทั้ง 10 จังหวัด” ที่มีผลงานโดดเด่นทั้งในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นไปได้ทางกายภาพ และความสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ จำนวน 10 ทีม ได้แก่  

 1.TCDC เชียงราย 

"TCDC เชียงราย มากับความเชื่อที่ว่า "การออกแบบเชิงสร้างสรรค์สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนได้" ออกแบบโดย  1922 Architects (D098) ด้วยแนวคิดหลัก คือ ‘Creative Space for All’ พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อทุกคน  โดยการออกแบบศูนย์ฯนี้ มุ่งสอดแทรกความคิดสร้างสรรค์เข้าสู่วิถีชีวิตประจำวันของผู้คน ชุมชน และเมือง  
ตัวอาคารถูกออกแบบให้สามารถเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน กระตุ้นการแลกเปลี่ยนไอเดีย และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่ลานหน้าศาลากลางหลังเก่าที่มีศักยภาพอยู่แล้ว TCDC เชียงรายจึงไม่เพียงแต่เป็นศูนย์การออกแบบ แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนในชุมชน" 

2.TCDC นครราชสีมา  

TCDC นครราชสีมา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า บนแนวแกนสำคัญที่เชื่อมโยงกับจุดหลัก ของเมือง ออกแบบโดย บริษัท จั่นอาร์คิเทค จำกัด (D132) ภายใต้แนวคิด "CREATIVE URBAN ROOM" เปิดมุมมองของตัวอาคารด้วยวัสดุโปร่งใส สร้างการเชื่อมต่อ Urban Visual Connect ระหว่างพื้นที่ภายใน-นอก และในช่วงเทศกาล อาคารยังถูกออกแบบให้สามารถเปิดประตูบานใหญ่ด้านหน้า เชื่อมต่อพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่องและไร้ขอบเขต (Borderless Space) นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยการผสมผสานวัสดุท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ เช่น ไม้จากเรือนโคราช-เฉลิมวัฒนา เทคนิคก่อสร้างแบบปราสาทหินทราย ลวดลายเส้นพุ่ง เส้นยืนจากการถักทอผ้าไหมโคราช และอิฐดินเผาด่านเกวียนรวมถึงสีดินและลวดลาย โดยนำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบ Composited Material ที่ผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมกับปัจจุบัน ทั้งยังคำนึงถึงความยั่งยืน(Sustainability)และการนำวัสดุเหลือใช้ (Waste Material) กลับมาใช้ใหม่ ส่งผลให้ TCDC นครราชสีมาเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ใจกลางเมืองที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตท้องถิ่นสู่อนาคตอย่างยั่งยืน 

 3.TCDC ปัตตานี  

TCDC ปัตตานี ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Glory to Distribution Days’ โดย บริษัท ทรัพย์เปอร์ จำกัด (D010) ซึ่งสะท้อนถึงวิวัฒนาการของอาคารห้องแถวจีนริมน้ำที่เปี่ยมไปด้วยพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมาหลายยุคสมัย จากการเป็นพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้า ด่านเก็บภาษีในอดีต สู่ปัจจุบันซึ่งเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ของกลุ่ม Melayu Living และในอนาคตจะเป็นศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC ปัตตานี อาคารนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ แต่ยังถูกออกแบบให้มีบรรยากาศเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย และเชื่อมโยงผู้คนทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านจากศูนย์กระจายสินค้าในอดีตสู่พื้นที่สร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวาในปัจจุบันและอนาคต 

4.TCDC พิษณุโลก  

 TCDC พิษณุโลก ออกแบบโดย สถา ณ สถาปนิก (D017) ผ่านแนวคิด เมืองสองแคว l สายน้ำ l วิถีชีวิต พื้นที่เชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์กับภูมิปัญญาท้องถิ่นในบรรยากาศอบอุ่นและเป็นมิตรพร้อมเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาในพื้นที่ โดย จังหวัดพิษณุโลกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งอยู่บนจุดบรรจบของแม่น้ำน่านและแม่น้ำแควน้อยจึง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเมือง และมีบทบาทในการพัฒนาเมืองมาตั้งแต่อดีต ตัวอาคารจึงได้แรงบันดาลใจจากวิถีชีวิตริมน้ำ โดยใช้ "อิฐ" เป็นวัสดุหลักสื่อถึงความแข็งแรงและการเติบโตของเมือง พื้นที่ภายในแบ่งตามเส้นทางน้ำ เน้นทั้งความสร้างสรรค์ การร่วมมือ การพักผ่อน และการเรียนรู้ ส่วนด้านนอกอาคารออกแบบให้เชื่อมโยงกับบรรยากาศริมน้ำ สร้างความกลมกลืนระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการนำเอาวิถีชีวิตริมน้ำและวัฒนธรรมของพิษณุโลกมาผสมผสานอย่างลงตัว พร้อมเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรและภูมิปัญญาในพื้นที่ 

 5.TCDC แพร่  

TCDC แพร่ ออกแบบโดย บริษัท เค ทู ดีไซน์ จำกัด (D011) ภายใต้แนวคิด 'เผยแพร่ภูมิปัญญาอย่างเรียบง่าย โดยนำเสนอมรดกล้ำค่าของเมืองแพร่ ผ่านคำขวัญประจำ คือ "ม่อฮ่อม และ ไม้สัก" จึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบอาคารให้ดูราวกับ "ท่อนไม้สักย้อมสีฮ่อม (Indigo)" ด้วยแนวคิด Form & Function ที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นด้วยสีและวัสดุ สะท้อนเอกลักษณ์ของเมืองแพร่อย่างชัดเจน การจัดพื้นที่และการใช้งานมีความตรงไปตรงมา สะดวกสบาย รองรับทุกกิจกรรมของชุมชนและ TCDC ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่และพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาของเมืองแพร่สู่อนาคต 

6.TCDC ภูเก็ต  

ตัวตนของ "เมืองภูเก็ต" ที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากอุตสาหกรรมดีบุก ได้ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านผลงานการออกแบบของ TCDC ภูเก็ต ผ่านแนวคิด ‘เล่นแร่-แปรเมือง’ ที่ได้รับการวางแผนและออกแบบโดย บริษัท สวอน แอนด์ แมคคลาเรน(ประเทศไทย) จำกัด โดยสถาปัตยกรรมของอาคารได้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน ด้วยหารใช้วัสดุและรูปแบบการใช้งานสมัยใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ภายใน แม้จะมีข้อจำกัดด้านขนาด แต่ TCDC ภูเก็ต มุ่งมั่นที่จะเป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในจังหวัดภูเก็ต โดยใช้แรงบันดาลใจจากความรุ่งเรืองในอดีตของอุตสาหกรรมดีบุก ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเมืองนี้ ทำให้อาคารนี้ไม่เพียงเป็นศูนย์ออกแบบ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์และนวัตกรรมของภูเก็ตเข้าด้วยกัน 

 7.TCDC ศรีสะเกษ  

TCDC ศรีสะเกษ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดอย่างลงตัว ออกแบบโดยทีมสถาปนิก นายปิติพงศ์ อมรวิรัตนสกุล, นายณรงค์วิทย์ อารีมิตร และนายวรนล สัตยวินิจ (D084) ภายใต้แนวคิด 'Sisaket Code' มุ่งตีแผ่ประเด็นสำคัญของท้องถิ่น โดยออกแบบให้ศูนย์แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับกิจกรรมทางวัฒนธรรม ดนตรี และภาพยนตร์ในบริบทของศรีสะเกษอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในท้องถิ่นผ่านการใช้ทรัพยากรของจังหวัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้ TCDC ศรีสะเกษไม่เพียงเป็นศูนย์ออกแบบ แต่ยังเป็นแหล่งรวมจิตวิญญาณและอัตลักษณ์ของชาวศรีสะเกษอีกด้วย 

8.TCDC สุรินทร์  

TCDC สุรินทร์ ออกแบบโดย บริษัท แปลน อาคิเต็ค จำกัด (D064) ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'โฮล สาน สร้างสรรค์' โดยตีความเอกลักษณ์อันงดงามของผ้าโฮล ลายผ้าไหมประจำถิ่นที่ผูกพันกับชาวสุรินทร์มาอย่างยาวนาน แนวคิดนี้เปลี่ยนผ้าสานให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงระหว่างเมืองและผู้คน ก่อให้เกิดศูนย์กลางสร้างสรรค์เศรษฐกิจใหม่ของจังหวัด เส้นสายของผ้าโฮลถูกนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบให้ TCDC สุรินทร์กลายเป็นจุดนัดพบของทั้งเมือง และเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการพัฒนาเมืองสร้างสรรค์อย่างแท้จริง  

9.TCDC อุตรดิตถ์  

TCDC อุตรดิตถ์ ออกแบบโดย 
รักตระกูล ใจเพียร (D039) dy[แนวคิดโดดเด่นภายใต้คอนเซ็ปต์ "POP-OUT และ BLIND-IN"  กับการสร้างเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างเมืองกับ TCDC ผ่านคอนเซ็ปต์ POP-OUT ที่ดึงดูดความสนใจและสร้างภาพลักษณ์ความสร้างสรรค์ ที่เด่นชัดโดยไม่รบกวนการใช้งานของอาคารเดิม เมื่อขึ้นสู่ชั้น 2 ผู้เยี่ยมชมจะถูกนำเข้าสู่ TCDC ผ่านซุ้มประตูโค้งที่เชื่อมต่อกับสวนขนาดเล็ก ภายในตกแต่งด้วยม่านลับแลห้อยเป็นลวดลายตีนจก สร้างบรรยากาศสบายและน่าค้นหา การออกแบบนี้ผสมผสานความทันสมัยกับเอกลักษณ์ท้องถิ่น ชวนให้เพลิดเพลินไปกับการค้นพบโลกใหม่ภายใน TCDC อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นทั้งศูนย์สร้างสรรค์และแหล่งเรียนรู้ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของจังหวัดได้อย่างมีเอกลักษณ์ 

10.TCDC อุบลราชธานี  

TCDC อุบลราชธานี ออกแบบโดย Pixelight Studio (นัฏฐวรรณ สุระพัฒน์) (D121) ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'หล่อ-หลอม' มุ่งเน้นการผสมผสานฟังก์ชั่นการใช้งานและเอกลักษณ์ท้องถิ่นอย่างลงตัว โดยนำเอกลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด อาทิ ประเพณีแห่เทียนพรรษา วัฒนธรรมอาหาร หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์หัตถกรรม มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ เพื่อให้เกิดพื้นที่ที่มีคุณค่า น่าหลงใหล และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ ยังออกแบบให้มีความยืดหยุ่น รองรับกิจกรรมและผู้ใช้งานที่หลากหลาย เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน TCDC อุบลราชธานีจึงเป็นพื้นที่แห่งการหลอมรวมวัฒนธรรมและนวัตกรรม นำไปสู่การสร้างคุณค่าและมูลค่าให้กับชุมชนและจังหวัด 

 “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด” ประกอบด้วยพื้นที่ Co-Creation, Creative Lab, Collection และ Back Office ที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น มีความยืดหยุ่น ดูแลง่าย และประหยัดพลังงาน และเป็นเสมือนพื้นที่ที่หลอมรวมทุกแง่มุมของความคิดสร้างสรรค์เข้าไว้ด้วยกัน เป็นแหล่งรวมความรู้ แหล่งรวมชุมชน เป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเป็นเวทีในการแสดงศักยภาพของนักออกแบบ ศิลปิน และนักสร้างสรรค์ ผ่านบริการหลากหลายรูปแบบ อาทิ ห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ นิทรรศการ พื้นที่แสดงผลงาน พื้นที่การเรียนรู้และฝึกอบรม ในเรื่องของ Local Stories กิจกรรมการฝึกประสบการณ์ รวมถึง Creative Lab นอกจากนี้ New TCDC ยังมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับคนไทยทั่วประเทศ 

แท็กทีมยกระดับธุรกิจโลคัล  ทวีคูณรายได้ไปด้วยกัน จัดแสดงผลงาน 25 ทีมธุรกิจ ณ งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 70 ไบเทค บางนา 27 - 30 มิถุนายน นี้

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA แถลงสรุปโครงการ “CHANGEx2 Local Collab แท็กทีมปั้นธุรกิจใหม่ หนุน Soft Power ไทย สร้างรายได้แพ็กคู่” จากพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ นครปฐม สุพรรณบุรี ชลบุรี เเละสงขลา ส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจดั้งเดิม สร้างแบรนด์ดิงให้กับสินค้าท้องถิ่น สู่การผลักดันสินค้าให้ส่งออกได้ในตลาดสากล คาดเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 26 ตลอดการจัดโครงการ โดยผลประกอบการภายใน 3 เดือนแรก (มิ.ย.- ส.ค. 66) ทำรายได้ไปแล้วกว่า 2.5 ล้านบาท พร้อมจัดแสดงผลงานจากผู้ประกอบการ ร่วมกับครีเอเตอร์ไทยรุ่นใหม่ ทั้งหมด 30 คู่ธุรกิจ ภายในงาน “ไทย เที่ยว ไทย ครั้งที่ 67” ศูนย์การประชุมเเห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 - 21.00 น.

คุณอาสา ผิวขำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เป็นตัวแทนเปิดโครงการในครั้งนี้ กล่าวว่า “CEA เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการยกระดับเศษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศและส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการธุรกิจสร้างสรรค์ ซึ่งโครงการ “CHANGEx2: Local Collab” จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจสร้างสรรค์ ต่อยอดและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ให้กับธุรกิจ ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกเเบบ (Design Thinking) การออกเเบบบริการ (Service Design) ร่วมกับการค้นหาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Business Viability) เเละความสามารถในการสร้างรายได้ใหม่จากธุรกิจเดิม (New Revenue) อย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าผลักดัน Soft Power ของท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก”

สำหรับโครงการ “CHANGEx2 Local Collab แท็กทีมปั้นธุรกิจใหม่ หนุน Soft Power ไทย สร้างรายได้แพ็กคู่” ในปีนี้ มีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาเข้าร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ ทั้งด้านธุรกิจ การออกแบบบริการ (Design Thinking) ด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เเละด้านธุรกิจเเละเทคโนโลยีเชิงสร้างสรรค์ ร่วมมือกับภาคีพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชน ลงพื้นที่เพื่อฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาศักยภาพธุรกิจและพัฒนาอัตลักษณ์ท้องถิ่น รวมถึงจัดทำต้นแบบบริการ ซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างผู้ประกอบการท้องถิ่นกับครีเอเตอร์ทั้งหมด 30 คู่ ร่วมกันพัฒนาธุรกิจและส่งเสริมรายได้กลับสู่ท้องถิ่น

นอกจากนี้ยังมีผลงานไฮไลต์จาก 5 คู่ธุรกิจของโครงการฯ ตอกย้ำความสำเร็จอันเกิดจากการผสานธุรกิจเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ ในกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว (Local Tourism) และการบริการ (Service) ได้แก่

  1. ศรัณยา มงคลวิทย์ ผู้ประกอบการร้านเชลล์ไม่เคยชิม ร่วมกับครีเอเตอร์ กฤตวัฒน์ อรรถสิษฐ์ โมเดลธุรกิจที่สร้างร่วมกัน : เมนูอาหารกินเล่นแบบ Ready to cook ทั้ง 2 เมนูใหม่ ได้แก่ ปอเปี๊ยะหมูแดง และ ปอเปี๊ยะหมูสะเต๊ะ จังหวัดนครปฐม
  2. จิราพร ชยามหายันต์ ผู้ประกอบการบ้านสวนรีสอร์ทจุรีปันสุข ร่วมกับ ครีเอเตอร์ สาวิตรี บำรุง โมเดลธุรกิจที่สร้างร่วมกัน : Mu Suphan มูสุพรรณ ทริปสายมูในรูปแบบ 1 วันและ 2 วัน 1 คืน จังหวัดสุพรรณบุรี
  3. ภูวิช บุญนาคกัลป์ยกร ผู้ประกอบการ I-Destiny Gallery Resort ร่วมกับ ครีเอเตอร์ วิสิทธิ์ ฐิติวรวิช จาก IMAKE Production โมเดลธุรกิจที่สร้างร่วมกัน : ทริปท่องเที่ยวเมืองพนัสนิคม Local Travel Hub by i-Destiny ทริปทัวร์สำหรับคนวัยเกษียณที่มีความสนใจในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและงานศิลปะ จังหวัดชลบุรี
  4. เกศแก้ว ทองจรูญ ผู้ประกอบการ บ้านอยู่ดีมีความสุข ร่วมกับครีเอเตอร์ อัมพาวรรณ อินใจเอื้อ โมเดลธุรกิจที่สร้างร่วมกัน : เที่ยวทั้งปีที่สีชัง ธุรกิจที่พักในรูปแบบ Eco-Friendly เสริมด้วยแพ็กเกจการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม (Responsible Tourism) บนเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
  5. จารุเนตร ศรีชู ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชนตาลโตนด โหนด นา เล ร่วมกับครีเอเตอร์ อพิเชษฐ์ สุขแก้ว โมเดลธุรกิจที่สร้างร่วมกัน :THA HIN Adventures แพ็กเกจทริป 2 วัน 1 คืน ท่องเที่ยว โหนด-นา-เล วิถีชุมชนบ้านท่าหิน จังหวัดสงขลา

โครงการได้ส่งเสริมด้านทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น (Local Cultural Asset) การท่องเที่ยว การบริการ ดนตรีและอาหาร โดยกำหนดจังหวัดเป้าหมายที่โดดเด่น 5 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ นครปฐม สุพรรณบุรี ชลบุรี เเละสงขลา ซึ่งเป็นจังหวัดภายใต้เครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย หรือ Thailand Creative District Network (TCDN) โดยมุ่งเน้นผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ดำเนินธุรกิจใน 4 สาขา ได้แก่ การบริการ (Service), การท่องเที่ยว (Local Tourism), ด้านศิลปะ (Art) และด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น (Local Culture) และครีเอเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญใน 4 สาขา ได้แก่ ดนตรี (Music), ศิลปะการแสดง (Performing Art), คอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวและเสียง (Video & Audio Content) และแพลตฟอร์มคอนเทนต์และสื่อสร้างสรรค์ (Content & Media Platform) มาจับคู่เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ พร้อมได้รับทุนสนับสนุนในการสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดขึ้นจริง และโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจกับภาครัฐและเอกชนจากเครือข่ายของ CEA

ร่วมชมการจัดแสดงผลงานของทั้ง 30 คู่ธุรกิจ ที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พลิกธุรกิจให้มีมูลค่าเพิ่ม และดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมให้เกิด Soft Power ของท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก พร้อมอุดหนุนผลงานจากโครงการฯ ได้ที่งาน “ไทย เที่ยว ไทย ครั้งที่ 67” ชั้น LG โซน G บูธหมายเลข G35-G37 (Exhibition Hall 5-6) ศูนย์การประชุมเเห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00 - 21.00 น.

Sea (ประเทศไทย) และช้อปปี้ (Shopee) ซึ่งเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซภายในเครือ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เปิดตัวแคมเปญ ‘Women Made ช้อป 10 แบรนด์พลังหญิง’ ชวนช้อปสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษช่วงปีใหม่บนช้อปปี้ พร้อมมอบโปรโมชั่นส่วนลดสุดปัง 15% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2566 เติมความสุขช่วงปีใหม่ให้นักช้อป พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงชาวไทยให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพ

หลังจากที่ Sea (ประเทศไทย) และ CEA เปิดตัวโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการหญิง ‘Women Made’ ไปเมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมโครงการที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 10 แบรนด์ ก็ได้ผ่านโปรแกรมฝึกอบรม Women Made Masterclass สุดเข้มข้นไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนด้านการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การขับเคลื่อนสังคมด้วยธุรกิจ และการพัฒนาธุรกิจในโลกอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ ทั้ง 10 แบรนด์ยังได้จับคู่กับเหล่าดีไซน์เนอร์จากเครือข่าย CEA Connect ทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ ปิติ อมรเลิศวัฒนา จาก Norman Design Studio, นัยญดา ผิวดำ จาก  Studio dē cloud, นภัทรชนนันท์ นันท์ทปรีชา (@abouttongpic), ธิรดา ชนาวิโชติ และอุ้มบุญ ลิ้มน้ำคำ และร่วมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของโครงการฯ แบบ One-on-one เพื่อพัฒนาสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษที่จะวางขายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 บนช้อปปี้

นางสาวมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) เผยว่า “เราพบว่าผู้ประกอบการหญิงที่สมัครเข้าร่วมโครงการฯ มีประสบการณ์ในทำธุรกิจ แต่ยังขาดความมั่นใจในการต่อยอดองค์ความรู้ทางธุรกิจ การบอกเล่าเรื่องราวและการใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเพิ่มมูลค่าสินค้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ของตนเอง รวมถึงความท้าทายในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆในโลกอีคอมเมิร์ซ ดังนั้น โครงการ Women Made จึงเข้ามาช่วยแต่ละแบรนด์ระบุปัญหาและหาวิธีปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน พร้อมมอบทักษะใหม่ ๆ และแนวคิดในการทำธุรกิจที่แต่ละคนสามารถนำไปปรับใช้ได้ในระยะยาว โดยคอลเลคชั่นพิเศษที่จะวางจำหน่ายบนช้อปปี้ นับเป็นผลลัพธ์ในระยะเริ่มต้น จากการที่แต่ละแบรนด์ใช้โครงการนี้เป็นสนามทดลองเพื่อทำสิ่งใหม่ ๆ ปลดล็อกข้อจำกัดเดิม ๆ โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือในแต่ละขั้นตอน พร้อมใช้เทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซและการสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดจากช้อปปี้ เข้ามาช่วยเปิดประตูสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ”

ค้นพบแบรนด์ใหม่และสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษไม่ซ้ำใคร

นอกจากจุดมุ่งหมายการส่งเสริมผู้ประกอบการหญิงในประเทศไทยแล้ว แคมเปญ ‘Women Made ช้อป 10 แบรนด์พลังหญิง’ ยังช่วยสร้างสีสันช่วงปีใหม่ให้ขาช้อปชาวไทย โดยเฉพาะนักช้อปออนไลน์ที่ชื่นชอบการค้นพบแบรนด์ใหม่ ๆ ที่เหมาะกับตัวเอง แคมเปญนี้ยังมาพร้อมกับดีลสุดคุ้ม กับโค้ดส่วนลด 15% สำหรับคำสั่งซื้อขั้นต่ำ 100 บาท[1] ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถดูสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษจากโครงการ Women Made ได้ที่ www.shopee.co.th/WomenMade

เกี่ยวกับแบรนด์ทั้ง 10 จากแคมเปญ ‘Women Made ช้อป 10 แบรนด์พลังหญิง’

สินค้าหมวดแฟชั่น

  • Kanz by Thaitor: แบรนด์เสื้อผ้าเล็ก ๆ จาก จ.แพร่ ที่คนในครอบครัวออกแบบลายและทำกันเองทุกขั้นตอน เป็นการต่อยอดผ้าบาติกเทคนิคเฉพาะที่คุณพ่อกับคุณแม่ทำกันมาตั้งแต่ 15 ปีที่แล้วให้ร่วมสมัยและใส่ง่ายในชีวิตประจำวัน โดยคอลเลคชั่นพิเศษในครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิด WABI SABI ว่าด้วยเรื่องความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบ (Art of Imperfect Beauty) มองหาความเรียบง่าย ความสงบ ความสมดุล ความเป็นธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ ทั้งยังนําเสนอความร่วมสมัยที่แปลกตา ด้วยการผสมผสานความเป็นตะวันออกที่แสดงผ่านโครงเสื้อเข้ากับเทคนิคการตัดเย็บแบบ QUILT ที่มีความเป็นตะวันตก จนกลายเป็นคอลเลคชั่น WABI SAB! ที่แฝงความสนุกไว้ในความเรียบง่าย
  • Sliptosleep: แบรนด์ Braless Pajamas หรือชุดนอนสำหรับสาว ๆ ที่มาพร้อมกระเป๋าหนาสามชั้นด้านนอก ทำให้ไม่ต้องกลัวโป๊แม้จะไม่ได้ใส่บรา คอลเลคชั่นพิเศษนี้ Slip to sleep ได้ปรับแพคเกจจิ้งด้วยแนวคิดสร้างคุณค่าต่อจิตใจและยืดอายุการใช้งานของกล่องบรรจุภัณฑ์สินค้า นอกจากการส่งต่อความสุขด้วยแพคเกจจิ้งที่น่ารักแล้ว ลูกค้ายังสามารถนำส่วนของกล่องไปใช้เป็นที่ขั้นหนังสือได้อีกด้วย
  • VERAPARIS: แบรนด์กระเป๋าซึ่งเป็นตัวแทนของชีวิตผู้หญิงในมหานคร ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากสถาปัตยกรรมเมือง การออกแบบสินค้าของแบรนด์จึงได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมเมือง และออกแบบให้มีฟังก์ชั่นที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ชีวิต Urban Life สร้างสุนทรีย์ให้ผู้หญิงในการถือและใช้กระเป๋า โดยคอลเลคชั่นพิเศษในครั้งนี้ ได้แก่ กระเป๋ารุ่น Lundi Pie สีพิเศษที่นำรูปทรงกล่องหมอน Geometric มาผสมเข้ากับ Curve ไว้อย่างลงตัว นอกจากดีไซน์ที่เด่นสะดุดตา แล้วยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน ทำให้เป็นอีก Timeless Bag ที่หยิบมาใช้ได้ทุกเวลา
  • Sureeya: แบรนด์ผลิตภัณฑ์กระเป๋าและ Accessories จากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีผ้าพื้นถิ่น คือ ผ้าปาเต๊ะ เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของพื้นที่ คอลเลคชั่นพิเศษในครั้งนี้ ต้องการเล่าเรื่องราวความสวยงามในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ผ่านลวดลาย “ดอกดาหลา” ที่นิยมปลูกในพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดนราธิวาส คอลเลคชั่นนี้พิเศษตั้งแต่การเริ่มต้นกระบวนการผลิตจากฝืมือของผู้ประกอบการหญิงจังหวัดนราธิวาส “มุสบาปาเต๊ะ” ในการผลิตผ้าปาเต๊ะ (Batik) ด้วยบล๊อคไม้ลายดอกดาหลา แล้วจึงส่งต่อผ้าให้ “Sureeya” ผู้ประกอบการหญิงจังหวัดยะลา ตัดเย็บกระเป๋า Sureeya คอลเลคชั่นพิเศษเพื่อส่งต่อความงามของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้สู่ลูกค้าในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย

สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม

  • Pick Me Please: หมูหยองกรอบที่ใช้กรรมวิถีคั่วบนเตาถ่านสูตรโบราณ โดยปราศจากการใช้เครื่องจักร ปรุงรสจนได้หมูหยองกรอบที่ กรอบอร่อย รสชาติไม่เหมือนใคร ปราศจากผงชูรสเเละสารกันเสีย มาพร้อมกับ Gift Set “Spiral of Happiness” เหมาะสำหรับการซื้อเป็นของขวัญหรือทานเล่นร่วมกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ในเทศกาลสังสรรค์ช่วงปีใหม่
  • ทันจิตต์: ต่อยอดตำนานครอบครัวนักรังสรรค์ขนมที่มีประวัติยาวนานกว่า 40 ปี พร้อมส่งต่อความสุขที่ทานได้ แบบ Non Stop กับขนม "เผือกกรอบรูปตะแกรง" ในแบบฉบับ "ทันจิตต์" คอลเลคชั่นพิเศษที่พร้อมส่งความสุขด้วยขนมทานเล่นและของเล่นสำหรับปาร์ตี้หรือการพบปะกัน ในกล่องจึงมีเทมเพลตลูกเต๋าที่ให้ผู้รับได้นำมาประกอบเล่นเป็นเกมสุ่มทายรสชาติ อีกทั้งจะเป็นการ์ดไว้เขียนสำหรับอวยพรและกระดาษรองแก้วอีกด้วย
  • Mediherbtea: แบรนด์ชาจากดอกไม้ ปราศจากคาเฟอีน ไม่มีน้ำตาล ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ คอลเลคชั่นใหม่ “All Day Flower Tea” ได้แรงบันดาลใจมาจากความหลากหลายของดอกไม้ไทยนานาพรรณ ที่มีทั้งกลิ่นหอมและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยการผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์และความรู้ด้านแพทย์ทางเลือก จึงพัฒนาเป็นเซตชาดอกไม้ที่สามารถ ดื่มได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ประกอบไปด้วยชาเบลนด์ 3 รสชาติ ได้แก่
    • Morning Bloom ชาดอกไม้สีแดงจากดอกชบา กระเจี๊ยบแดง และกุหลาบ มีรสชาติสดชื่นหอมหวาน อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ช่วยบำรุงผิวพรรณ กระตุ้นการเพิ่มการไหลเวียนเลือด และช่วยให้สดชื่นในยามเช้า
    • Golden Noon ชาดอกไม้สีเหลืองทองจากดอกคำฝอย มะตูม และดอกกระดังงา หอมละมุนช่วยผ่อนคลาย ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด กลิ่นหอมละมุนช่วยให้ผ่อนคลายในยามบ่าย
    • Starry Night ชาดอกไม้สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน มะลิ และเปเปอร์มิ้นท์ อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงตามหลอดเลือดฝอยเล็กๆ และจอประสาทตา ช่วยฟื้นฟูสายตาจากแสงสีฟ้า เกิดความผ่อนคลายในยามค่ำคืน

สินค้าหมวดของใช้ส่วนตัว

  • Ales Thailand: แบรนด์สกินแคร์ที่อยากช่วยให้การดูแลผิวเป็นเรื่องง่าย โดย Ales เกิดจากความตั้งใจของเพื่อน 3 คน (พลอย - เภสัชกรที่มีความรู้ด้านงานวิจัยสารสกัด หยก-ทายาทธุรกิจนำเข้าเคมีภัณฑ์เครื่องสำอาง แพร-Influencer ที่สนใจด้านธรรมชาติและสุขภาพ) ที่อยากทำสกินแคร์แบรนด์ไทยที่มีคุณภาพ และส่งต่อความรู้ในการดูแลสุขภาพที่กีให้กับผู้บริโภค และคอลเลคชั่นพิเศษของ Ales ในครั้งนี้ มาจากแนวคิดที่ต้องการสนับสนุนความหลากหลาย และอยากให้ทุกคนมีผิวที่สวยในแบบที่เป็นตัวเอง จึงได้จับมือกับ @abouttongpic ศิลปินในการออกแบบ Packaging รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่แสดงความเป็นตัวตนที่แตกต่าง ความหลากหลาย และความสวยในฉบับของตัวเองได้อย่างมีเอกลักษณ์
  • Happy FLows TH: แบรนด์ผ้าอนามัยออร์เเกนิกและผ้าอนามัยสมุนไพร ที่มุ่งมั่นช่วยให้ผู้หญิงรักษาอนามัยอย่างปลอดภัยได้ในทุก ๆ วัน และต้องการร่วมขับเคลื่อนสังคม ช่วยเหลือให้ผู้หญิงที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงผ้าอนามัยดีๆ ได้ ปล่อยเซตผ้าอนามัยสมุนไพร “Happy Together” ประกอบด้วย ผ้าอนามัยแบบกลางคืน 24 แผ่น กระเป๋าใส่ผ้าอนามัย และ Period Tracker นอกจากนั้นกล่องผ้าอนามัย Happy Flows สามารถ I.Y. เป็นกล่องใส่ผ้าอนามัยอีกด้วย เมื่อซื้อ 1 กล่อง แบรนด์จะมอบอีก 1 กล่องให้เพื่อนผู้หญิงที่ขาดโอกาสเข้าถึงผ้าอนามัยที่ถูกสุขลักษณะเพื่อเป็นอีกพลังหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนความสุข ความเท่าเทียมด้านสุขอนามัยของผู้หญิงทุกคน

สินค้าหมวดสัตว์เลี้ยง

  • Pethology+: แบรนด์ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยต่อยอดแชมพูกำจัดเหาของเด็กมาเป็นแชมพูสมุนไพรสำหรับสุนัขและแมว พัฒนามาจากใบถอบแถบซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามแนวป่าชายเลน ผ่านการทดลองในห้องทดลองโดยผู้เชี่ยวชาญ จนได้เป็นแชมพูและสเปรย์สมุนไพรที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ คอลเลคชั่นพิเศษนี้จะมาในแพคเกจจิ้งที่สนุกสนานมากยิ่งขึ้น พร้อมผ้าพันคอสุนัขและแมวที่ทำจากผ้ามัดย้อม โดยสีที่ใช้ทำผ้ามัดย้อมนี้ก็มาจากใบของพืชที่เป็นส่วนผสม

[1] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

ในช่วงนี้เราจะได้เห็นกระแสและการเติบโตของตลาดใหม่ๆ เกิดขึ้นทั้งในไทยและของโลก ไม่ว่าจะเป็น Metaverse โลกของ DeFi ตลาดเกมบนบล็อกเชนและหมายรวมถึงตลาด NFT ที่กำลังบูมมากในบ้านเรา

X

Right Click

No right click