สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ สศส. (CEA) ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี จับมือ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงความสำเร็จในการร่วมขับเคลื่อนโครงการ CHANGE X2: GREATER TOGETHER เพื่อยกระดับธุรกิจท้องถิ่นไทยผสานความคิดสร้างสรรค์ ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น กับกิจกรรมจับคู่สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ เชื่อมโยงธุรกิจการท่องเที่ยว และบริการท้องถิ่น (Local Tourism and Hospitality) จากกลุ่มพื้นที่จังหวัดเป้าหมายประจำปี 2567 ครอบคลุม 3 ภูมิภาค จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สงขลา กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงาน พัฒนายกระดับธุรกิจ ชูสินทรัพย์และอัตลักษณ์ในท้องถิ่นไทย ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย พร้อมทั้งเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจ สู่การสร้างรายได้จากเดิมแบบทวีคูณอย่างยั่งยืน พร้อมจัดแสดงผลงานในบูธ CHANGE X2: GREATER TOGETHER ให้ได้ร่วมชมพร้อมอุดหนุนสินค้าและบริการของเหล่า 25 ทีมธุรกิจ ได้แล้ว ที่งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 70 บูธหมายเลข I16/I33 โซน I ฮอลล์ EH 102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตั้งแต่วันนี้ - 30 มิถุนายน 2567
ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหาร สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ สศส. (CEA) และ ผู้บริหารจากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank), และธนาคารออมสิน ร่วมด้วยตัวแทนผู้ประกอบการ Success Case บอกเล่าถึงความสำเร็จของผลงานอันเกิดจากการผสานความสร้างสรรค์ ท่ามกลางผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน และบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายอาสา ผิวขำ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม สศส. เปิดเผยว่า “สศส. หน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีภารกิจยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศและส่งเสริมการพัฒนาขีดความสามารถ ของผู้ประกอบการธุรกิจสร้างสรรค์ ได้ดำเนินโครงการ CHANGE X2: GREATER TOGETHER มาเป็นปีที่ 3 ปีนี้เราร่วมกับ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อยกระดับธุรกิจท้องถิ่นไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น กับกิจกรรมจับคู่สร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ เชื่อมโยงธุรกิจการท่องเที่ยว เเละบริการท้องถิ่น (Local Tourism and Hospitality) ร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงาน พัฒนายกระดับธุรกิจ สินทรัพย์ เเละอัตลักษณ์ในท้องถิ่น หนุน Soft Power ให้เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ต้องการของตลาด สู่การส่งเสริมการสร้างรายได้ใหม่”
ปี 2567 เราได้ร่วมคัดสรร ทีมธุรกิจการท่องเที่ยว เเละบริการท้องถิ่นครอบคลุม 3 ภูมิภาค จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี สงขลา กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเป็นจังหวัดในเครือข่ายย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ประเทศไทย หรือ Thailand Creative District Network (TCDN) ร่วมกับทางหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และเครือข่ายภาครัฐ จนได้ 25 ทีมธุรกิจ อาทิ Siam Rise Travel, เพจบางกะเจ้า, เอฟ.วี คาเฟ่, วิสาหกิจชุมชนชนเพ็ชรบุรีดีจัง, วิสาหกิจชุมชนย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเพชรบุรี, โตนดคราฟต์ และไร่เพชรมาลัยกุล ให้มีความสามารถในการเเข่งขันได้อย่างมีคุณภาพระดับประเทศ
“เป็นกิจกรรมที่จะเปลี่ยนมุมมองของผู้ประกอบการและครีเอเตอร์ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง และค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ทางธุรกิจ (Business Viability) ด้วยกระบวนการคิดเชิงออกเเบบและการ ออกเเบบบริการ (Design Thinking & Service Design) ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 3 รูปแบบ ได้แก่ การสร้างแนวความคิดใหม่ (RE-THINK) การเสริมความรู้ทางธุรกิจ (RE-PURPOSE) และการเพิ่มมูลค่าอย่างสร้างสรรค์พร้อมต่อยอดโอกาสใหม่ทางธุรกิจ (RE-GENERATE) ให้ความรู้ และทำงานภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการคิดเชิงออกเเบบ (Design Thinking) ด้านการพัฒนาธุรกิจและการตลาด, ด้านการผลิตเนื้อหาเพื่อการตลาด หรือเนื้อหาเพื่อสื่อดิจิทัล (Content Marketing & Digital Content) และ Creative Economy”
“ไม่เพียงเท่านั้น สศส. ยังได้สนับสนุนเงินทุนด้านการพัฒนาต้นแบบให้กับ 25 ทีมสุดท้ายที่ผ่านการคัดเลือก ในการสร้างสรรค์ผลงานให้เกิดขึ้นจริง และโอกาสในการเชื่อมโยงธุรกิจกับภาครัฐและเอกชน เพื่อต่อยอด และเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ให้เติบโตไปด้วยกัน ซึ่งโครงการเสร็จสิ้นลงแล้ว จึงได้นำผลงานของโครงการฯ มาจัดแสดงเพื่อขยายช่องทางธุรกิจ การทดลองขาย ให้แก่ผู้ประกอบการ” นายอาสากล่าว
ด้าน นายกฤษณ์ ณ ลำเลียง ประธานคณะกรรมการ Creative Economy หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับโครงการฯ ว่า “เป็นปีแรกที่สำนักงานหอการค้าไทย ได้จับมือกับ CEA โดยได้ช่วยประสานงานกับผู้ประกอบการในจังหวัด โดยคัดผู้ประกอบการที่เหมาะสมเข้าร่วมโครงการ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับบริการและสินค้า ซึ่งโครงการเองก็จะมีผู้ เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความรู้ เข้ามาช่วย บทบาทของหอการค้าคือการช่วยประสานงานกับผู้ประกอบการในจังหวัดนั้นๆที่จัดโครงการ เธอช่วยคัดเลือก ผู้ประกอบการที่เหมาะสมที่จะเข้าไปช่วยในการพัฒนา โดยเฉพาะยิ่งการ นำ creator มาผนวกกับผู้ประกอบการ สามารถช่วยได้มาก แล้วที่ผ่านมาอาจจะมีผู้จัดการอีกหลายราย ยังไม่รู้ถึงโครงการนี้ แล้วยังไม่เคยผนวกหรือทำงานร่วมกับ creator ก็ถือเป็นการเปิดมุมมองและโอกาสของเขา โดยจะมีทั้งที่จับคู่กันมาหรือเราช่วยหา creator ช่วยจับคู่ให้ เพื่อต่อยอดธุรกิจต่อไปได้ โดยสมาชิกหอการค้าก็ได้รับการสื่อสารข่าวสารให้ทราบ”
จากนั้น คู่/ทีมธุรกิจ ตัวแทนจาก โครงการ “CHANGE X2: GREATER TOGETHER” ได้ร่วมบอกเล่าถึงผลงานอันเกิดจากการผสานความสร้างสรรค์ภายในโครงการฯ ก่อนที่ผู้บริหารจะได้นำผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ชมผลงานที่จัดแสดงในบริเวณงาน ซึ่งล้วนแต่น่าตื่นตาตื่นใจ ในความคิดสร้างสรรค์ ที่นำมาพลิกธุรกิจให้มีมูลค่าเพิ่ม และเชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ จนกลายเป็น Soft Power ของท้องถิ่นไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
พัชรกันย์ โรจน์วัชราภิบาล (ผู้ประกอบการ) วีรพล วงศ์เทวัญ (ครีเอเตอร์/สาขาการออกแบบ) กฤชสร เทียนทับศร (ครีเอเตอร์/สาขาคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวและสื่อ) เจ้าของผลงาน “Well โภชนา เอฟ.วี X วีรพล วงศ์เทวัญ และ กฤชสร เทียนทับศร”คาเฟ่ขนมไทยและเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของไทย สไตล์โฮมเมด บนถนนทรงวาด ย่านการค้าเก่าแก่ของกรุงเทพฯ เล่าให้ฟังว่า โครงการนี้มีส่วนช่วยในการวางโครงสร้างในการออกแบบสินค้า ร่วมถึงวางแผนการคิดเนื้อหาในการนำเสนอแบรนด์ที่กำลังเปิดตัวสินค้าใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า พร้อมเชิญชวนมาอุดหนุนสินค้ามากขึ้น “ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ชุดสินค้าของฝาก ที่รวมขนมไทย แฝงความหมายมงคล แทนคำอวยพรไว้ในกล่องเดียวกัน โดยสร้างแนวทางการออกแบบให้ขนมสัมปันนีมีรูปร่างแบบใหม่เป็นรูปทรงของอาคารหน้าร้าน F.V และออกแบบภาพวาดประกอบให้กับบรรจุภัณฑ์ มีแผนที่ถนนทรงวาด มีเส้นทางสถานที่สำคัญ ซึ่งสามารถเล่าเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้ที่ได้รับของฝากสามารถรับรู้ถึงแหล่งที่มาของขนมไทยภายในกล่องนี้ว่ามาจากไหน นอกจากนี้ หลังรับประทานขนมหมดแล้ว ภายในกล่องยังมีคำแนะนำในการทิ้งกับการจัดการบรรจุภัณฑ์ให้ถูกต้อง และเกิดประโยชน์ตามแบบของ Well โภชนา คือ การฉีกตามรอยปรุที่กล่อง เพื่อเปลี่ยนเป็นโปสการ์ดสำหรับเก็บเป็นของที่ระลึกไปในตัวอีกด้วย”
พัชรกันย์ ยังเผยถึงความประทับใจในการร่วมโครงการฯ ว่า “ได้รับประโยชน์จากการให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการทำอาหาร การทำแพ็กเกจจิ้ง และการทำการตลาด มีการแนะนำทุกขั้นตอน ตั้งแต่การผลิตจนถึงการขาย รวมไปถึงการสร้างคอนเท้นต์หรือช่องทางประชาสัมพันธ์ที่เหมาะกับเรา จึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการ ที่ต้องการพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ สามารถสมัครเข้ามาร่วมโครงการได้”
ด้าน พศิกา เสกตระกูล (ผู้ประกอบการ) นิยา แสงระบิล และชนาพร กรณ์งูเหลือม (ครีเอเตอร์/สาขาการออกแบบ) นัสรีน แสงวิมาน (ครีเอเตอร์/สาขาคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวและสื่อ) เจ้าของงาน “(โซน) (ปอด) (ไพร)/ พศิกา เสกตระกูล X ทีมเพจบางกะเจ้า” เล่าว่า เมื่อพูดถึงบางกะเจ้า คนทั่วไปมักเข้าใจว่าเป็นเพียงสวนสาธารณะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ จริงๆ แล้ว เราเป็นการท่องเที่ยวแบบชุมชน ซึ่งบางกะเจ้าได้รับรางวัลโอเอซิสที่ดีที่สุดในเอเชียด้วย และถือเป็นพื้นที่อนุรักษ์ มีต้นไม้ล้อมรอบอยู่ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางมาเที่ยวสะดวก “ในฐานะตัวแทนชุมชนคุ้งบางกะเจ้า ที่เกิดและโตที่นี่ ได้เห็นวิถีชุมชนและทรัพยากรที่ดีในบางกะเจ้า จึงเกิดแรงบันดาลใจพัฒนาชุมชน และนำชุมชนออกมาสู่เพจบางกะเจ้า ให้ผู้คนเข้าถึงและเป็นที่รู้จัก เพราะต้องการ อนุรักษ์ และรักษาพื้นที่ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปอดของกรุงเทพฯ เป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ และมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ”
สำหรับโมเดลธุรกิจที่สร้างขึ้นร่วมกัน จากเพจที่คอยให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยว และจัดกิจกรรมภายในคุ้งบางกะเจ้า สู่การจัดแคมเปญ (โซน) (ปอด) (ไพร) ประกอบด้วย Step 1 สร้างจุดร่วม โดยการพัฒนาเกมทายใจ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมที่ทำให้ผู้คนอยากเข้ามาค้นหา Step 2 ประทับใจไม่ลืม โดยการจัดทริปท่องเที่ยววิถีชุมชน เพื่อสร้างความประทับใจ และประสบการณ์ใหม่แก่ผู้มาเยือน Step 3 กลับมาเที่ยวซ้ำ โดยการออกแบบ BKJ Journey Booklet สร้างแรงจูงใจให้กลับมาใหม่ด้วยการสะสมแสตมป์
สำหรับผู้ที่สนใจชมผลงาน พร้อมอุดหนุนผลงานและให้กำลังใจ ทั้ง 25 ทีมธุรกิจ การท่องเที่ยว เเละบริการท้องถิ่น ได้ที่บูธ CHANGE X2: GREATER TOGETHER ภายในงาน “ไทย เที่ยว ไทย ครั้งที่ 70” ณ บูธหมายเลข I16/I33 โซน I ฮอลล์ EH 102 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยงานจะมีถึง วันที่ 30 มิ.ย. 67 เวลา 10:00 – 21:00 น.