December 16, 2025

ล่าสุดครองอันดับหนึ่งธนาคารไทยด้าน ESG เป็นปีที่ 4 พร้อมคว้ารางวัลพัฒนาการสูงสุด 5 ปี จากผลการประเมิน Fair Finance Thailand

ไฮเออร์ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 14 ปีซ้อน

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และ บริษัท นิชิเร เฟรช อิงค์ คู่ค้าผู้ผลิตอาหารทะเลแช่แข็งประเทศญี่ปุ่น ยกระดับห่วงโซ่อุปทานอาหารที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับสินค้าที่มาจากกระบวนการผลิตรักษ์โลก จับมือคิกออฟโครงการ "ซีพีเอฟ-นิชิเร ร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศป่าชายเลน" นำร่องปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่ป่าชายเลน ต.ท่าพริก จ.ตราด มุ่งสู่เป้าหมายบรรเทาผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ(SDGs)

นายโมโตฮิโร  คิอูชิ  (Mr. Motohiro Kiuchi) ผู้บริหารงานกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้ง (กลุ่มงานจัดหาผลิตภัณฑ์อาหารทะเล 2)  บริษัท นิชิเร เฟรช อิงค์  คู่ค้าผู้ผลิตอาหารทะเลแช่แข็งประเทศญี่ปุ่นของซีพีเอฟ และ นายวินัย  ด่านวัฒนะ ที่ปรึกษาธุรกิจฟาร์มเลี้ยงกุ้ง-โครงการพิเศษ ในฐานะประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์ป่าชายเลน จังหวัดตราด  นายสุธี สมุทระประภูต ผู้อำนวยการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและปกป้องฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ซีพีเอฟ  ร่วมด้วยคณะทำงานป่าชายเลนยุทธศาสตร์ป่าชายเลน   ซีพีเอฟจิตอาสา   และชุมชนในพื้นที่ ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้  1,400 ต้น บนพื้นที่ 2 ไร่ ประกอบด้วย ต้นโปรงแดง โปรงขาว ถั่วขาว ถั่วดำ ฝาดดอกแดง ฝาดดอกขาว ลำแพน จิกทะเล ซึ่งเป็นกล้าไม้ที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ

นายโมโตฮิโร  คิอูชิ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญและตระหนักในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่อุปทานอาหาร ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน มุ่งมั่นสร้างพันธมิตรที่ดีและยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน และสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี  เราดำเนินธุรกิจกับซีพีเอฟมายาวนานและยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจที่จะช่วยสร้างความยั่งยืน กิจกรรมปลูกป่าชายเลนในครั้งนี้ สอดคล้องกับแนวนโยบายของบริษัทฯ ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustaianble Development Goals : SDGs) เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบริษัทฯ ได้รับการสอบถามจากผู้บริโภคเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง  

"ทางนิชิเรฯ มีโอกาสเยี่ยมชมโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนของซีพีเอฟมาแล้วหลายครั้ง รู้สึกประทับใจ และในครั้งนี้ ยินดีอย่างมากที่มีโอกาสทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลนร่วมกัน  สอดรับกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่สนับสนุนการจัดหาอาหารทะเลที่ยั่งยืน ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานการจำหน่ายกุ้ง ในฐานะที่บริษัทฯมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น เราเชื่อว่ากิจกรรมปลูกป่าชายเลนเป็นภารกิจของบริษัทฯ ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งเติบโตอย่างยั่งยืน" นายโมโตฮิโร  คิอูชิ กล่าว

ทางด้าน นายวินัย  ด่านวัฒนะ ประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์ป่าชายเลน จังหวัดตราด กล่าวว่า ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร และเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก ที่มุ่งสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน ธุรกิจของเรามีความเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ เป็นวัตถุดิบในการกระบวนการผลิต ซึ่งเกี่ยวกับความยั่งยืนของโลก  ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าอาหารทุกคำที่กิน เป็นการกินเพื่อโลกที่ยั่งยืน  ขณะเดียวกัน เราส่งเสริมคู่ค้าธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันด้วยความแข็งแกร่ง  บนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจที่ตระหนักร่วมกันในการมีส่วนร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาสมดุลระบบนิเวศ  ที่จะขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน และสนับสนุนพันธกิจประชาคมโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

"การจัดกิจกรรมความร่วมมือระหว่างซีพีเอฟและนิชิเรฯ ในครั้งนี้ เราตระหนักในเป้าหมายเดียวกัน คือ ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบัน ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับสินค้าที่มาจากกระบวนการผลิตที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้คู่ค้าธุรกิจของซีพีเอฟเติบโตไปด้วยกัน" นายวินัย กล่าว

เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลผู้ชนะจากกิจกรรม “Share your precious memory with AIA” ชวนทุกคนร่วมแชร์ความประทับใจที่ได้รับจากเอไอเอ

ตอกย้ำแนวคิด ‘Live Local’ สร้างประสบการณ์สัมผัสชุมชน ต้อนรับท่องเที่ยวฟื้น จัดเต็ม Block Party รวมร้านพันธมิตรในพื้นที่ ผนึกศิลปินรุ่นใหม่จัดกิจกรรมสุดสร้างสรรค์

ยกระดับสินค้าสู่ร้านเซเว่นฯ จัดเต็มนวัตกรรมแบบ “SME โตไกลไปด้วยกัน”

ครอบคลุมคุณภาพชีวิต 4 มิติ “สุขภาพ รายได้ สิ่งแวดล้อม สังคม”

บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายร่วมกันที่จะศึกษาและพัฒนา Guideline โครงการ Pathway to NET ZERO Building ผ่านโครงการต้นแบบและขยายผลการดำเนินการ โดยการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานและมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) ภายใต้เงื่อนไขความร่วมมือซึ่งกันและกัน และเผยแพร่ผลสัมฤทธิ์สู่สาธารณชน โดยจะได้นำผลของการดำเนินการต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases : GHG) ทั้งในอาคารเก่าและอาคารใหม่ในอนาคต

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอสซีจี โดย เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในฐานะผู้นำด้านสินค้า บริการ รวมถึงโซลูชันด้านสินค้าวัสดุก่อสร้าง ที่ได้ให้ความสำคัญในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในอาคารมาโดยตลอด ในครั้งนี้ เอสซีจี โดยบริษัท SCG Building and Living Care Consulting ซึ่งเป็นธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นจากการนำองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างของเอสซีจี ผนึกเข้ากับแนวทาง ESG” ที่เอสซีจีนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับหลักพัฒนาคุณภาพทางสังคมแบบยั่งยืน ต่อยอดสู่ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านสิ่งปลูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างมาตรฐานคุณภาพการใช้ชีวิตภายในอาคารให้ดีขึ้น จาก 3 บริการหลัก คือ Sustainability and Wellbeing Building Certification, Building Services Engineering, Healthcare and Wellness Building Design ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและออกแบบอาคารเพื่อความยั่งยืนและเพื่อสุขภาวะที่ดี ่านการให้คำปรึกษาเพื่อออกแบบกรอบแนวทางดำเนินการ วิเคราะห์ องค์กร อาคารและผลิตภัณฑ์ คำนวณความคุ้มค่าและผลตอบแทน พร้อมนำเสนอ Solutions ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและงบประมาณของแต่ละองค์กร และธุรกิจ SCG Smart Building Solution ซึ่งให้บริการโซลูชันด้านพลังงานในอาคาร และการบริหารจัดการอาคารด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน รวมถึงบริษัทต่างๆ ในเครือ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีความยินดีที่จะนำองค์ความรู้มาต่อยอด เพื่อวางแนวทางโครงการ Pathway to NET ZERO Building โดยได้ร่วมกับทางเซ็นทรัลพัฒนา ในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO ในปี 2050 โดยมีโครงการนำร่องได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, แจ้งวัฒนะ, พัทยา, อยุธยา, นครปฐม, และนครสวรรค์”    

“การลงนามในวันนี้เป็นอีกหนึ่งในจุดเริ่มต้นของ เอสซีจี และ เซ็นทรัลพัฒนา ในการใช้จุดแข็งของ ทั้ง 2 ธุรกิจมาพัฒนาต่อยอดสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นพันธกิจของสังคมโลก ซึ่งหวังว่ากลยุทธ์สำคัญที่ได้จากโครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการสร้างองค์ความรู้และเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดนโยบายหรือแผนงานเพื่อมุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเพื่อโลกที่ยั่งยืนให้กับหลายๆ หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ต่อไปในอนาคต” นายวชิระชัย กล่าวทิ้งท้าย

 

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา มีวิสัยทัศน์ที่สำคัญคือ ‘Imagining better futures for all’ เราจึงตั้งเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง คือการเป็นองคก์ร NET Zero ภายในปี 2050 ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และมลพิษจากธุรกิจสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งนี้ เราตั้งใจพัฒนา พื้นที่ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงดูแลชุมชนและสังคม โดยการพัฒนาธุรกิจหลักของเรา ทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน จะเป็นการเชื่อมโยงเข้าหากันทั้งระบบ เพื่อสร้าง The Ecosystem for All’ ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน รวมไปถึงเรายังได้ขยายความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในด้านต่างๆ ที่จะแบ่งปันและส่งเสริมความเชี่ยวชาญระหว่างกันอีกด้วย ดังเช่นการริเริ่มโครงการ “Green Partnership”  หรือพันธมิตรสีเขียว โดยเริ่มต้นที่ โครงการต้นแบบ Framework Pathway to Net Zero Building Guideline ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้กับบุคลากรของทั้งสองบริษัท ในด้านกระบวนการทำงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนต่อไป”

ลุยโชว์ศักยภาพเทคโนโลยีระดับโลก เสริมศักยภาพวงการแพทย์ไทย 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วย ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (TNSC) รศ.ดร.วิชิตา รักธรรม คณบดีวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) และ ดร.ตรียุทธ พรหมศิริ ประธานสาขาภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม CMMU เข้าร่วมพิธีเปิดหลักสูตรปริญญาโท สาขาภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม (Entrepreneur and Innovation : EI) ซึ่ง EXIM BANK ร่วมกับ TNSC และ CMMU จัดขึ้นเพื่อสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านการบริหารจัดการธุรกิจด้วยนวัตกรรมป้อนเข้าสู่ภาคธุรกิจ โดยได้รับการสนับสนุนทั้งด้านความรู้และเงินทุนที่พร้อมสร้างนักรบเศรษฐกิจไทยจำนวนเพิ่มมากขึ้นในเวทีการค้าโลกยุคใหม่ โดย EXIM BANK ร่วมพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรภาวะผู้ประกอบการและนวัตกรรม รวมทั้งเป็นวิทยากรในงานสัมมนา ENTREPRENEURSHIFT เปลี่ยนทิศธุรกิจ คิดต่าง สร้างนวัตกรรม แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับทางลัดสู่ความสำเร็จของ SMEs ยุคใหม่ที่ต้องกล้าเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจรูปแบบเดิมสู่ตลาดโลก โดยบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศอย่างรู้เท่าทันและเป็นมืออาชีพ พร้อมทั้งนำเสนอบทบาทของ EXIM BANK ในการเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุน เพื่อสนับสนุนให้ SMEs ไทยมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย เพิ่มมูลค่าการส่งออก และต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ CMMU เมื่อเร็วๆ นี้

X

Right Click

No right click