

บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ จำกัด หรือ ทรู ไอดีซี ผู้นำการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เปิดตัว True IDC Experience Center ศูนย์การเรียนรู้ดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์แห่งแรกของประเทศไทย ณ อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ ภายใต้แนวคิด Infinite Reflection to Your Digital Journey โดยนำเสนอผ่านสื่ออันทันสมัยที่พร้อมพาผู้ที่สนใจท่องโลกเบื้องหลังชีวิตดิจิทัลในปัจจุบัน

นายธีรพันธุ์ เจริญศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป ของทรู ไอดีซี กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 20 ปี ทรู ไอดีซี พัฒนาบริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์สู่การเป็นผู้ให้บริการชั้นนำในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลการันตีตามมาตรฐานสากลมาอย่างต่อเนื่อง โดยการเปิดตัว True IDC Experience Center แห่งนี้ เกิดจากความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ตลอดจนบุคคลทั่วไปที่สนใจ ได้เข้ามาศึกษาโครงสร้างการทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก ตลอดจนเปิดเส้นทางการเรียนรู้ไปสู่การใช้บริการคลาวด์ ที่นับวันจะยิ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น โปรเจ็กนี้นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของ ทรู ไอดีซี ที่จะได้สร้างประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และประเทศ อีกทั้งยังตอกย้ำความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานรอบด้าน ทั้งด้านการให้คำปรึกษา การส่งมอบบริการ และการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้”

นายไทเลอร์ ชิว ผู้จัดการประจำประเทศไทย ของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “อาลีบาบา คลาวด์ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์ด้านคลาวด์และโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยรุ่นล่าสุดของเรา ณ True IDC Experience Center โครงการนี้เป็นแนวคิดริเริ่มที่ยอดเยี่ยม ที่จะนำพาผู้เข้าชมงานนี้ซึ่งมาจากภาคอุตสาหกรรมหลากหลายที่มีขนาดแตกต่างกัน จากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ รวมถึงประชาชนทั่วไป ให้ได้สัมผัสประสบการณ์ว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีคลาวด์ที่ทันสมัยที่สุดมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างไร ทรู ไอดีซี เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่มุ่งมั่นให้การสนับสนุนบทบาทสำคัญของเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในโลกดิจิทัล เราจะให้การสนับสนุนองค์กรในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรเหล่านั้นค้นพบศักยภาพของตนผ่านการใช้ประโยชน์จากสมรรถนะของคลาวด์คอมพิวติ้ง”

นางปิยะธิดา อิทธิระวิวงศ์ ประธานกรรมการ แผนกธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “ทรู ไอดีซี ผู้ให้บริการคลาวด์ และเป็น Strategic Partner ที่สำคัญของหัวเว่ย เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า True IDC Experience Center จะช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และค้นพบประสบการณ์จริง อีกทั้งยังได้พบปะกับผู้เชี่ยวชาญด้านระบบคลาวด์ เพื่อนำเสนอโซลูชันคลาวด์ที่เหมาะสมกับความต้องการเชิงธุรกิจขององค์กร ช่วยให้ธุรกิจตั้งแต่ระดับ Startup, SMB ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่สามารถเข้าถึงบริการ HUAWEI CLOUD ได้อย่างรวดเร็ว และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและบริการให้ตอบโจทย์การใช้งานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของผู้ใช้บริการให้ดียิ่งขึ้นไป”

นายแอบเบย์ แอนิล โกสานการ์ รองประธานกลุ่ม Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย ลาวและเมียนมา เผยว่า “เบื้องหลังชีวิตดิจิทัล ที่เราใช้งานได้อย่างราบรื่นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรม ธุรกิจ ความบันเทิงผ่านแอปพลิเคชันที่ให้บริการ ล้วนต้องมีเบื้องหลังดาต้าเซ็นเตอร์ที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น และความยั่งยืน จากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ มีระบบที่ดีในการรองรับ เช่น ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบการมอนิเตอร์ประสิทธิภาพและพลังงาน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้อย่างราบรื่น ทรู ไอดีซี ถือเป็นหนึ่งผู้ให้บริการที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ มีระบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยีระดับโลก มีมาตรฐานสากล ทำให้ผู้ใช้บริการ เจ้าของธุรกิจ สตาร์ทอัพ สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ขณะที่กลุ่มผู้ใช้ปลายทางมีประสบการณ์ที่ดีเลิศ และในฐานะที่ชไนเดอร์เป็นพาร์ตเนอร์ของโครงการนี้ เรามั่นใจว่าที่นี่จะเป็นแหล่งการเรียนรู้เรื่องดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ที่ดีสำหรับทุกคน”

นายเอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท วีเอ็มแวร์ เผยว่า “เราขอแสดงความยินดีกับทรู ไอดีซี ในการเปิดตัว True IDC Experience Center เพราะองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยล้วนเข้าสู่เส้นทางการทำ digital transformation เพื่อปลดล็อกความสามารถทางธุรกิจ ทั้งด้านการประหยัดต่อขนาด การสร้างผลผลิต และประสิทธิภาพที่มากขึ้นโดยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีแบบมัลติคลาวด์ ศูนย์การเรียนรู้นี้จะช่วยแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ที่มัลติคลาวด์สามารถส่งมอบได้ และช่วยให้หลากหลายธุรกิจเข้าใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตจนนำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร”

ทำความรู้จักกับ True IDC Experience Center
ศูนย์การเรียนรู้ True IDC Experience Center เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัปและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีภายใต้โครงการ ทรู ดิจิทัล พาร์ค โดยศูนย์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยแนวคิด Infinite Reflection to Your Digital Journey ที่สื่อถึงการสะท้อนกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดระหว่างความต้องการในการขับเคลื่อนวิถีดิจิทัลในปัจจุบันและความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่จะมาคอยรองรับ โดยภายในศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนดาต้าเซ็นเตอร์ และโซนคลาวด์ ซึ่งเป็น 2 ธุรกิจหลักที่ทรู ไอดีซีให้บริการแก่ลูกค้าองค์กร แต่ละโซนถ่ายทอดข้อมูลความรู้ที่แปลกใหม่ ด้วยการนำเสนอที่เข้าใจง่าย ช่วยยกระดับความรู้ด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ใหม่แก่ผู้เยี่ยมชม รวมถึงพร้อมให้คำปรึกษา แนะแนวทางเพื่อสร้างความเข้าใจตามหลักการที่ถูกต้องและนำไปสู่การใช้งานโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ดี

โซนดาต้าเซ็นเตอร์ เปิดให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ยกมาตั้งไว้ในอาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ เริ่มด้วยดาต้า ฮอลล์ หรือพื้นที่รับฝากเซิร์ฟเวอร์ขนาดย่อม ที่เปิดโอกาสให้ได้ศึกษาโครงสร้างและระบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เสมือนได้เข้าไปเยือนดาต้าเซ็นเตอร์จากสถานที่จริง และหากต้องการทำความรู้จักกับดาต้าเซ็นเตอร์ให้มากขึ้น ยังสามารถสำรวจดาต้าเซ็นเตอร์แบบทุกตารางนิ้วผ่านทัวร์เสมือนจริง 360 องศา ที่ผู้เยี่ยมชมจะได้เรียนรู้ภายในดาต้าเซ็นเตอร์จริงที่โดยปกติไม่ได้มีการเปิดให้สามารถเข้าชมได้ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถชมการทำงานของทีมผู้เชี่ยวชาญในศูนย์บัญชาการ (The Command Center) ที่เฝ้าระวังระบบต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดให้ทำงานอย่างราบรื่นตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบกับระบบดิจิทัลที่อยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์

ที่โซนคลาวด์ ผู้เยี่ยมชมจะได้เจาะลึกการทำงานของระบบคลาวด์ที่อยู่เบื้องหลังแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันผ่านหลากหลายตัวอย่างบริเวณโซนจัดแสดง พร้อมทำความรู้จักกับโซลูชันคลาวด์จากผู้ให้บริการระดับโลก ตลอดจนชมการทำงานจริงของทีมนักพัฒนาบริการคลาวด์สัญชาติไทย พัฒนาโดยคนไทยอย่าง True IDC Cloud และพบปะพูดคุยกับเหล่า Cloud Hero หรือทีมผู้เชี่ยวชาญด้านบริการคลาวด์ ที่ยินดีให้คำปรึกษาตลอดเวลาทำการ ก่อนจะปิดท้ายการเยี่ยมชมด้วยความบันเทิงจากกิจกรรมเกมจากคอมมูนิตีคลาวด์ทอล์ก (Cloudtalk Community) ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการไอที
ตลอดระยะเวลา 20 ปีแห่งการดำเนินธุรกิจ ทรู ไอดีซียังคงยึดมั่นพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าองค์กรทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม และยังสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจทางเทคโนโลยีสู่สังคมไทย เพิ่มโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้เข้าถึงความรู้เหล่านี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยความตั้งใจที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น สู่การเป็นศูนย์กลางทางดิจิทัลแห่งภูมิภาคอาเซียน ทัดเทียมประเทศอื่น ๆ ในระดับสากล

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชม True IDC Experience Center ได้ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 10.00 – 18 00 น. และยังสามารถเข้าร่วมทัวร์ประสบการณ์ดิจิทัลแนวใหม่ได้ฟรี ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลา 14.00 – 14.30 น. ณ อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ ชั้น 2 (รถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี ทางออก 6)
สนใจจองทัวร์ True IDC Experience Center ลงทะเบียนเลือกวันและเวลาได้ที่ https://bit.ly/3HKZfpk หรือรับชมวีดีโอทีเซอร์ได้ที่ https://youtu.be/RciJSvv3Ma0
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-35.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.69 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.26-34.78 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน ขณะที่ค่าเงินหยวนร่วงลงต่อเนื่อง เงินดอลลาร์เดินหน้าแข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินแตะจุดสูงสุดรอบ 2 เดือนขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งเกินคาดแม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมา ทางด้านเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นแตกต่างกันไปในช่วงนี้ต่อประเด็นที่ว่าเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ ตลาดสัญญาล่วงหน้าบ่งชี้ความน่าจะเป็นราว 34% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และมีโอกาส 66% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 25bp สู่ 5.25-5.50% นอกจากนี้ ระหว่างสัปดาห์ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมในฐานะสกุลเงินปลอดภัยจากความกังวลเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯและแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 12,189 ล้านบาท และ 21,523 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ระบุว่า บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอาจได้แรงส่งเชิงบวกในช่วงแรกหลังทางการสหรัฐฯได้ข้อตกลงเรื่องงบประมาณเพื่อระงับข้อจำกัดเกี่ยวกับเพดานหนี้รัฐบาลไปจนถึงต้นปี 68 และจะมีการลงคะแนนข้อตกลงดังกล่าวในสภาคองเกรส ก่อนจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อสหรัฐฯที่ยังลดลงช้าเกินคาดทำให้ผู้ร่วมตลาดมองว่าดอกเบี้ยเฟดจะอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่เคยประเมินไว้เดิม โดยปัจจัยชี้นำหลักสำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่การคาดการณ์ทิศทางนโยบายเฟด หากข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯต่ำเกินคาด เงินดอลลาร์จะเผชิญแรงขายทำกำไรได้เช่นกัน ทั้งนี้ บอนด์ยิลด์ระยะ 2 ปีของสหรัฐฯพุ่งขึ้นมาแล้ว 86bp ในเวลาเพียง 3 สัปดาห์
สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีมติขึ้นดอกเบี้ย 25bp เป็น 2.00% ในการประชุมวันที่ 31 พ.ค. แม้เงินเฟ้อกำลังเป็นขาลงแต่การสื่อสารจากผู้ดำเนินนโยบายบ่งชี้ว่าต้องการNormalize อีกสักระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ขณะที่ฝั่งการเมืองยังมีความเสี่ยงที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 จะล่าช้า
เอาใจทริปการเดินทางหน้าฝน กับกระเป๋า feelfree GEAR กันน้ำ เก๋ๆสวยๆ มีให้เลือกชมหลายแบบ หรือจะเป็นกระติกน้ำสวยๆ ที่มาพร้อมที่เปิดขวดแบบติดกระติกไม่ต้องกลัวหายไม่ต้องถามหาเพราะเขามากับกระติกน้ำ เอาใจทุกงานปาร์ตี้

ภายในร้านขายสินค้าสำหรับแฟนพันธุ์แท้เอาใจเสริมหล่อพร้อมทุกมุม ให้ท่านได้เลือกชม มีสินค้าคุณภาพมาตรฐานแล้ว เรายังขายความจริงใจกับลูกค้า เราจึงมาถึงปีที่ 30 เราไม่ค้ากำไรจนเกินความพอดี ร้านเราไม่เพียงแต่ลูกค้าชาวไทยที่รู้จัก ยังรวมไปถึงลูกค้าจากต่างประเทศมากมาย ทั้ง ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน เป็นต้น เพราะเราบริการกันเอง ขายของด้วยความยุติธรรม

| ชื่อร้าน | VVP4x4 |
| ที่อยู่ | ติดทางมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี สายใหม่ทางออกลาดกระบัง-อ่อนนุช |
| สินค้า/บริการ | ผู้นำเข้า และจำหน่ายอุปกรณ์การติดตั้งเพื่อเสริมสมรรถนะรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และ SUV |
| เว็บไซต์ | www.vvp4x4.com |
| อีเมล | This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. |
| โทร. | 02-1841919 ,02-721-3161 ถึง 5 |
| วัน/เวลาเปิด-ปิดร้าน | เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00 – 19.00 น. |
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) คัดกองทุนตัวเด็ดที่ลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพทั่วโลกจากหลาย บลจ. ชั้นนำ
ชูนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีการถ่ายภาพอย่างไม่หยุดยั้ง “FUJIFILM” ประกาศความเป็นผู้นำตลาดกล้องดิจิทัลกับงาน “FUJIFILM X Summit BKK 2023” ที่ถูกจัดขึ้นในธีม Unleash Bangkok The X Perience เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ผ่านมา ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร พร้อมเปิดตัวกล้องและเลนส์รุ่นล่าสุด FUJIFILM X-S20 และ XF8mmF3.5 R WR กับคอนเซป Explore The Unseen World เป็นครั้งแรกพร้อมพูดคุยกับช่างภาพมืออาชีพและ FUJIFILM X Photographer Thailand และได้ให้ทุกท่าน Touch & Try ได้สัมผัสประสบการณ์ The X Perience เป็นครั้งแรกก่อนเปิดประสบการณ์สู่มิติใหม่ในงาน “FUJIKINA BANGKOK 2023”
งานนี้ “FUJIFILM” เลยขอปักหมุด 4 สุดยอดแลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ ชวนขาแชะแวะไปฟิน สัมผัสวิถีชีวิตชุมชน ชมศิลปะและวัฒนธรรม รวมทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ พร้อมเช็คอินถ่ายรูปวิวหลักล้านและมีสตอรี่ดีๆ ทำคอนเทนต์โพสต์ในไอจี หรือเฟซบุ๊ค ที่ตลาดน้อย, วัดโพธิ์, มิวเซียมสยาม และเสาชิงช้า ซึ่งเป็นย่านเก่าในตำนานที่เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ข้ามกาลเวลา รับรองว่าตอบโจทย์การท่องเที่ยว และการถ่ายภาพในมุมมองใหม่ได้เป็นอย่างดี




ใครอยากเปิดประสบการณ์ถ่ายภาพสู่มิติใหม่กับกิจกรรมดีๆ ที่ 4 แลนด์มาร์คของกรุงเทพฯ ในงาน “FUJIKINA BANGKOK 2023” ที่จัดโดย “FUJIFILM” ในวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ห้ามพลาดรีบลงทะเบียนแบบด่วนๆ ที่ https://fujifilmth.com/FujikinaBKK-2023-Registration พร้อมร่วมแชร์ภาพประทับใจจาก “FUJIKINA BANGKOK 2023” ลุ้นรับรางวัลกล้องรุ่นล่าสุดจาก Fujifilm โดยโพสต์รูปผ่าน Facebook หรือ Instagram เปิดสาธารณะ แล้วติด #FUJIKINABKK2023 พร้อมกับ hasgtag ที่จะแจ้งหน้างานอีกครั้ง ภาพและแคปชั่นของใครถูกใจกรรมการรับของรางวัลกล้องรุ่นล่าสุด Fujifilm X-S20 kit 15-45 จาก Fujifilm ไปเลย โดยจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่าน Facebook : Fujifilm X Thailand ในวันที่ 2 มิถุนายน 2566
ราคาอาหารที่สูงขึ้นและความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมสร้างความตึงเครียดต่อระบบอาหารทั่วโลก อุตสาหกรรมอาหารทะเล ในฐานะผู้ผลิตแหล่งโปรตีนทางเลือกคุณภาพสูง เป็นอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน นอร์เวย์ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่อันดับสองของโลก สามารถเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศไทย ภูมิภาคเอเชีย และพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปได้อย่างยั่งยืน
สำหรับงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX – Anuga Asia 2023 ในปีนี้ ทางสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ได้เชิญผู้ส่งออกอาหารทะเลจากนอร์เวย์กว่า 20 ราย มาจัดแสดงอาหารทะเลคุณภาพพรีเมียมหลากหลายประเภท รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ล้ำสมัย แสดงให้เห็นถึงทิศทางการเติบโตที่ดีและโอกาสด้านการค้าที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการรายย่อยตลอดจนผู้ประกอบการรายใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในงานได้รับเกียรติจาก นางแอสทริ เอมิเลีย เฮลเลอ เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ ประจำประเทศไทย และนาย คริสเตียน เครเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) มาร่วมเป็นแขกพิเศษ มีการจัดสัมมนาพิเศษเกี่ยวกับอาหารทะเล และการสาธิตวิธีการทำอาหารโดย เชฟ จิมมี่ ช๊ก เชฟกิตติมศักดิ์ของ Seafood from Norway ที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างสรรค์สูตรอาหารที่ผสมผสานรสชาติแบบเอเชียเข้ากับการปรุงอาหารแบบตะวันตก

ดร. อัสบีเยิร์น วาร์วิค เรอร์ทเว็ท ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “อาหารทะเลจากนอร์เวย์ เช่น แซลมอน ฟยอร์ดเทราต์ และนอร์วีเจียนซาบะ คือผลิตภัณฑ์ที่มาจากการทำฟาร์มและการประมงแบบยั่งยืน จนกลายมาเป็นวัตถุดิบที่คนไทยส่วนใหญ่ชื่นชอบตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) ได้เดินหน้าสร้างความตระหนักในด้านนวัตกรรมการประมงและความยั่งยืนในประเทศไทย ตราสัญลักษณ์ Seafood from Norway ที่บ่งบอกถึงแหล่งที่มาของอาหารทะเลจากนอร์เวย์ ยังให้ประโยชน์แก่อุตสาหกรรมอาหารทะเล รวมไปถึงผู้บริโภคและธุรกิจในท้องถิ่นในการมองหาแหล่งโปรตีนทางเลือกคุณภาพสูงอีกด้วย ในปี 2565 นอร์เวย์ส่งออกอาหารทะเลปริมาณ 42,636 ตัน รวมมูลค่ากว่า 9.37 พันล้านบาท มายังประเทศไทย ผู้บริโภคคนไทยให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้าที่มีมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ ทำให้อาหารทะเลจากนอร์เวย์กลายมาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ไทย-นอร์เวย์ได้อย่างดี”
ในทุก ๆ ปี อุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ส่งมอบอาหารทะเลเทียบเท่ากับมื้ออาหารจำนวน 40 ล้านมื้อต่อวัน เป็นปริมาณ 2.9 ล้านตัน และมูลค่ารวม 5.1 แสนล้านบาท ให้แก่ 150 ประเทศทั่วโลก การจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างมีความรับผิดชอบมานานกว่าศตวรรษคือหัวใจหลักของอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ นอร์เวย์ปรับเปลี่ยนจากการจับปลาอย่างเสรีมาสู่กฎระเบียบที่เข้มงวดและมีการกำหนดมาตรฐานการจัดการความยั่งยืนทางทะเลจากการเรียนรู้บทเรียนในอดีต

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายเออร์ลิง ริเมอร์สตัด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของนอร์เวย์ ได้มาเยือนประเทศไทยเพื่อหารือด้านการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศ และกล่าวว่า “เป้าหมายสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศนอร์เวย์คือการผลิตอาหารเพื่อสุขภาพในราคาที่จับต้องได้สำหรับทุกคน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุดจากกระบวนการนี้ นอร์เวย์เป็นผู้บุกเบิกเรื่องความยั่งยืนมาหลายศตวรรษ ทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์น้ำ ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการการประมงไปยังประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการเริ่มต้นทำการประมงอย่างยั่งยืน ด้วยแนวทางที่ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศ ทำให้เราสามารถจัดสรรอาหารทะเลคุณภาพที่ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงได้ และคงความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเลได้ในเวลาเดียวกัน เราเชื่อว่าการดำเนินงานร่วมกับผู้ผลิตรายอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้อาหารทะเลจากนอร์เวย์ช่วยส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารของโลกผ่านการผลิตโปรตีนที่มีคุณภาพและยั่งยืนได้ โดยที่เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
รายงานล่าสุดจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติเผยว่าในปี 2564 ประชากรจำนวน 2.3 พันล้านคน หรือเกือบร้อยละ 30 ของประชากรโลก ต้องเผชิญกับปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหาร ผู้คนกว่า 702 ถึง 828 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากความอดอยาก และคาดว่าในปี 2573 จะมีผู้คนกว่า 670 ล้านคน ที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ผลกระทบจากการระบาดใหญ่ได้สร้างความตึงเครียดต่ออุตสาหกรรมการผลิตอาหารและช่องทางการค้า ส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นและเกิดความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงแหล่งอาหาร แผนความมั่นคงอาหารสู่ปี 2030 ของเอเปค เน้นการสร้างความมั่นใจในการเข้าถึงแหล่งอาหารที่เพียงพอและมีคุณค่าทางโภชนาการในราคาที่จับต้องได้ เพื่อตอบสนองความต้องการด้านอาหารของผู้คนทั่วโลก
"เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์" เดินหน้าลุยธุรกิจประกันครึ่งปีหลังเต็มสูบ ผนึกกำลังกับพันธมิตร "ธนาคารเกียรตินาคินภัทร" สู้ศึกตลาดยุคดิจิทัล เพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านออนไลน์แอปพลิเคชัน KKP MOBILE ชูจุดเด่น สะดวก ซื้อง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ พร้อมบริการกรมธรรม์ออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง นำร่องเปิดให้บริการ 3 โปรดักส์สุขภาพและอุบัติเหตุ KKPGEN PREFERRED HEALTH, SIMPLY E-CANCER และ KKPGEN PA ONE ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า

นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ภาพรวมพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกปรับเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ หลายแบรนด์เดินหน้าปรับรูปแบบการให้บริการที่สอดรับกับโลกยุคใหม่ เช่นเดียวกับ เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ที่มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด “Lifetime Partner 24: Driving Growth”. ล่าสุด เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ เตรียมเดินหน้าลุยตลาดประกันในครึ่งปีหลัง โดยร่วมมือกับ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุในรูปแบบออนไลน์ โดยขายผ่านทางแอปพลิเคชัน “KKP MOBILE” เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเจนเนอราลี่ ได้ง่ายขึ้น ด้วยจุดเด่นการใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ลูกค้ามีเวลาศึกษารายละเอียดของผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน อีกทั้งยังสามารถเลือกซื้อประกันตามความต้องการของตัวเองได้ทันที”

ทางด้าน นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า “การพัฒนาแอปพลิเคชัน KKP MOBILE สู่การเป็นซูเปอร์แอป ไม่เพียงพยายามตอบโจทย์ความต้องการทุกด้านของลูกค้า แต่ยังมองไกลไปถึงการทำหน้าที่เป็นตัวช่วยวางแผนการเงิน เพื่อให้ลูกค้ามีสุขภาพการเงินที่ดีในระยะยาว ธนาคารเกียรตินาคินภัทรจึงผนึกกำลังร่วมกันกับเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พันธมิตรด้านประกันภัย นำเสนอประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่มีความสำคัญสำหรับการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงิน และบรรเทาความเสียหายเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์นี้อย่างเข้าถึงง่ายผ่านแอปพลิเคชัน KKP MOBILE ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองตามความต้องการได้ทุกที่ ทุกเวลา นับเป็นผู้ช่วยยุคดิจิทัลที่ตอบโจทย์การวางแผนการเงินอย่างยิ่ง”
สำหรับการสมัครผลิตภัณฑ์ประกันของเจนเนอราลี่บนแอปพลิเคชัน KKP MOBILE ลูกค้าสามารถสมัครประกันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิว โดยขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้บริการ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ KKPGEN PREFERRED HEALTH ผลประโยชน์รวมรายปีสูงสุดหลักล้านสำหรับค่ารักษาแบบผู้ป่วยใน ค่าห้องสูงสุด 5,000 บาท/วัน ค่าเบี้ยเริ่มต้นเฉลี่ยวันละ 23 บาท พร้อมความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) แบบเลือกได้ ต่อมา ผลิตภัณฑ์ประกันมะเร็ง SIMPLY E-CANCER ให้ความคุ้มครองสูงสุดหลักล้าน ค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นเฉลี่ยวันละ 4 บาท โดยรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคมะเร็งครั้งแรก ทุกชนิด ทุกระยะ สุดท้ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยอุบัติเหตุ KKPGEN PA ONE ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุสูงสุดถึง 1,200,000 บาท พร้อมมอบค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุสูงสุด 20,000 บาทต่อครั้ง ค่าเบี้ยเฉลี่ยเพียงวันละ 5 บาทเท่านั้น”
โดยนายอาร์ช กล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์เอง ก็มุ่งมั่นพัฒนา และขยายขอบเขตการให้บริการด้วย Ecosystem ผ่านช่องทางออนไลน์บนแอปพลิเคชัน GEN 365 เพื่อเชื่อมต่ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของเจนเนอราลี่เช่นกัน อาทิ บริการพบแพทย์ออนไลน์ (Telemedicine) ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรึกษาแพทย์ผ่านระบบวิดีโอคอล โดยไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล บริการค้นหาโรงพยาบาล (Find Hospital) ที่ต้องการเข้ารักษา การเคลมค่ารักษาพยาบาล การตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของกรมธรรม์ หรือการแลกรับสิทธิประโยชน์ในด้านต่างๆ เป็นต้น”
ลูกค้าที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดข้อมูลผลิตภัณฑ์ และขั้นตอนการสมัครเพิ่มเติมได้ที่ https://link.kkpfg.com/Av2iJ หรือติดต่อธนาคารเกียรตินาคินภัทรทุกสาขา หรือ โทร. 0 2 165 5555 พิจารณารับประกันภัย โดย บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) ทั้งนี้ ธนาคารเป็นเพียงผู้ประชาสัมพันธ์และนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้แก่ บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์) ผ่านแอปพลิเคชัน KKP MOBILE ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียด ความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมเป็นวิทยากรบรรยาย หัวข้อ “การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์รัฐวิสาหกิจไทยและองค์กรของรัฐ มาตรฐานระดับโลก ที่ได้รับรางวัล SOE Award และรางวัลการบริหารจัดการที่เป็นเลิศ” ในหลักสูตร Strategic Planning for Business Development (SPBD) รุ่นที่ 1 จัดโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ (IRDP) โดย EXIM BANK ได้แลกเปลี่ยนแนวทางการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์เพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมายภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และพลิกโฉมองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ผู้เข้าอบรมนำไปประยุกต์ใช้ในการกำหนดวัตถุประสงค์และทิศทางการดำเนินงานขององค์กรให้สอดคล้องกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบัน สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนและทัดเทียมมาตรฐานสากล ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้