December 10, 2025

กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล แถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2567) โดยมีผลกำไรจากธุรกิจใหม่ 2,347 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11  (จากเดิมร้อยละ 10) นับรวมผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ และมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 4,638 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 (จากเดิมร้อยละ 5) สำหรับช่วงไตรมาสที่ 3 ระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. ของปีนี้ มีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 3 สะท้อนถึงการดำเนินงานที่มีการเติบโตในทุกช่องทางการจัดจำหน่าย สำหรับธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่ทำผลงานโดดเด่น คือ ฮ่องกง, จีน รวมทั้ง ประเทศไทย ในขณะที่ ไต้หวัน ยังคงรักษาการเติบโตที่คงที่

นายอนิล วัธวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล เปิดเผยว่า “เราสามารถทำผลงานได้เป็นที่น่าพึงพอใจในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ ในส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากกลยุทธ์ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายที่มีส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตของผลกำไรใหม่แล้วนั้น ธุรกิจจากตลาดสำคัญๆในหลายภูมิภาค อาทิ จีน, อาเซียน และ แอฟริกา ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้ เราจะรักษาอัตราการเติบโตของผลกำไรธุรกิจใหม่เฉลี่ยที่ร้อยละ 9-13”

สำหรับ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในตลาดของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 7,688 ล้านบาท นับตั้งแต่ ม.ค. - 30 ก.ย. 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) ไตรมาส 3 อยู่ที่ 2,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จาก 2,021 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา การเติบโตและทำผลงานที่โดดเด่นในส่วนของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) ในช่วงไตรมาส 3ที่ผ่านมาทำให้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย อยู่ใน 5 อันดับแรกของธุรกิจประกันชีวิต ตอกย้ำถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ

นอกจากนั้น พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังมีความแข็งแกร่งทางการเงินด้วยการมีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารมูลค่า 213 พันล้านบาท สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งทางการเงิน และความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อเรา

นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “การที่พรูเด็นเชียล ประเทศไทย สามารถทำผลงานในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมนั้น ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทฯ ผ่านพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งล้วนแต่เป็นธนาคารชั้นนำของประเทศไทย ประกอบด้วย ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี), ธนาคารยูโอบี และ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ช่องทางตัวแทน, ช่องทางการขายผ่านทางโทรศัพท์ รวมถึงช่องทางดิจิทัล รวมถึงความมุ่งมั่นของเราที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแผนประกันชีวิต สุขภาพ การออม หรือ การลงทุน ที่มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและความผันแปรทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าอย่างทันท่วงที เราหวังว่าภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง รวมถึงการเป็นผู้นำตลาดในส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) ของธุรกิจประกันชีวิตต่อไป”

พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งประกันชีวิต สุขภาพ การออม การลงทุน และบริการให้คำปรึกษาทางการเงิน ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกช่วงชีวิตในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยเชื่อว่าชีวิตที่มีกันและกัน ทุกวันยิ่งดีกว่าเดิม และเรายังมุ่งมั่นที่จะทำให้ประกันเข้าถึงคนไทยทุกคน รวมถึงกลุ่มเปราะบางได้มากขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม www.prudential.co.th 

MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดตัวสถานีอัดประจุไฟฟ้า MEA EV ณ พื้นที่อาคารจอดรถ 3 ชั้น สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล โดยมี นายนพดล ดำวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริการและคุณภาพไฟฟ้า เป็นผู้แทน MEA และนายยุทธศักดิ์ ชื่นใจ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เป็นผู้แทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมทดลองการใช้งาน ณ สถานีอัดประจุไฟฟ้าดังกล่าว ทั้งนี้สถานีชาร์จแห่งใหม่นี้ถูกพัฒนาเพื่อรองรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องการพลังงานสะอาด สอดรับกับวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของคนกรุงเทพฯ

 

MEA มุ่งมั่นสนับสนุนนโยบายการพัฒนาพลังงานสะอาดของประเทศ พร้อมยกระดับการบริการด้านพลังงานไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ สอดคล้องกับพันธกิจขององค์กรที่มุ่งสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งนี้ MEA ได้ขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า MEA EV ให้ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ตอบสนองการเดินทางของผู้ใช้งานรถไฟฟ้า MRT และผู้ขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียง โดย MEA ได้ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าบริการครอบคลุมพื้นที่สถานีจอดรถในหลายจุดของโครงการรถไฟฟ้า ได้แก่

ลานจอดรถ สถานีสามย่าน (โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล)

อาคารจอดรถ สถานีคลองบางไผ่ (โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม)

อาคารจอดรถ สถานีแยก คปอ. (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต)

อาคารจอดรถ สถานีสามแยกบางใหญ่ (โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม)

อาคารจอดรถ สถานีลาดพร้าว (โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล)

อาคารจอดรถ สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล)

อาคารจอดรถ สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ (โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม)

 

ทั้งนี้ สถานีอัดประจุไฟฟ้า MEA EV ได้รับการออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน EV ในการเข้าถึงจุดชาร์จที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม MEA ยังคงมุ่งมั่นขยายสถานีชาร์จ EV ให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดมลพิษในเขตเมือง พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน และสังคมในอนาคต

ลิกซิลมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นต่อไป โดยมุ่งเน้น 3 ด้านหลัก ได้แก่ การบรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำ และเศรษฐกิจหมุนเวียน

เอไอเอ เพรสทีจ คลับ ร่วมมือกับโรงพยาบาลบีเอ็นเอช นำทีมโดย นพ.อภิชัย ไชยโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช จัดกิจกรรมสัมมนาให้กับลูกค้าเอไอเอ เพรสทีจ คลับ ในหัวข้อ “โรคชุด” เบาหวานกับโรคหัวใจ” ภายใต้งาน “โรคชุด” คืออะไร? ความสัมพันธ์อันตรายที่คุณต้องรู้”  โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานมากกว่า 80 คน ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3  โรงบีเอ็นเอช เมื่อวันเสาร์ที่  9 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อเดินหน้าสนับสนุนคนไทยให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’

ภายในงานลูกค้าเอไอเอ เพรสทีจ คลับ ได้รับฟังความรู้สุขภาพ “โรคชุด” เบาหวานกับโรคหัวใจ อันตรายเงียบ! คุกคาม หัวใจ และหลอดเลือด ที่คุณอาจไม่รู้ตัว โดย นพ. ชัชชาวุฒิ เทียนสันติสุข แพทย์ศูนย์หัวใจ ไต เมตาบอลิซึม  และเบาหวาน อย่าเบาใจ โดย พญ. โชติวรรณ ตันวัฒนานิกุล แพทย์ศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิซึม  ความชำนาญพิเศษระบบต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึม พร้อมทำกิจกรรมปลดล็อกพลังสมอง! ค้นพบเทคนิคพัฒนาศักยภาพสมอง กระตุ้นความจำ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองและความจำด้วยศาสตร์ BOOCS จากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าเอไอเอ เพรสทีจ คลับ ที่เข้าร่วมงานทุกท่าน ยังได้รับแพ็กเกจตรวจเฉพาะทางให้พิเศษจากโรงพยาบาลบีเอ็นเอช โดยมีแพ็กเกจให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเลือกรับเป็นแพ็กเกจตรวจอัลตร้าซาวน์ตรวจเช็คความสมบูรณ์ของมดลูกและรังไข่ (TVS) หรือแพ็กเกจตรวจคัดกรองข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis Screening) อีกด้วย

เพิ่มสีสันให้ทุกมื้ออร่อยเติมความสนุกซ่า ทุกที่ทั่วไทย... ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย คุณสรรค์พิจิตร เอี่ยมชีรางกูร หัวหน้าสายงานบริหารความสัมพันธ์และผสานสิทธิประโยชน์ลูกค้า (ที่ 3 จากซ้าย) ร่วมกับ พันธมิตรผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “โคคา-โคล่า” ในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดย คุณสุพัตรา พิทยาโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (ที่ 3 จากขวา)  และ บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) โดยคุณพบทอง สวัสดี ผู้อำนวยการตลาด(ที่ 2 จากขวา)  ผนึกกำลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดย คุณสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ (ที่ 2 จากซ้าย) เปิดลิสต์ความอร่อยซ่าทุกย่านทั่วไทย มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าทรู และดีแทค ได้อิ่มฟินไปกับมื้อเด็ดคู่ “โค้ก” ไม่มีน้ำตาล ใช้ 0 คะแนนแลกรับโค้ก ซีโร่ ขนาด 330 มล. ฟรี! เพียง สแกน QR ที่ร้านแล้วรับสิทธิ์ ง่ายๆ ผ่านแอปทรูไอดี และดีแทคแอป เมื่อสั่งอาหารที่ร้านพันธมิตรกว่า 1,000 ร้านทั่วประเทศ รวม 100,000 ขวด สานต่อจากความสำเร็จโครงการ “ทรูชวนชิม” มอบประสบการณ์ เที่ยวสนุก กินอร่อย ดื่มโค้ก ซีโร่ ฟรี ไปดื่มคู่มื้ออาหารโปรด และออกเดินทางท่องเที่ยวแบบไม่มีสะดุดบนเครือข่ายทรู 5G ที่ครอบคลุมทุกที่ทั่วไทย สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน กระตุ้นรายได้ร้านค้ารายเล็กทั่วประเทศ  เริ่มต้นความซ่าได้แล้ววันนี้ถึง 31 มกราคม 2568 พร้อมอร่อยซ่าต่อเนื่องช่วงต้นปีที่ภาคใต้ ฟรี! "โค้ก" ขวดแก้ว ขนาด 300 มล.

ลูกค้าทรู ดีแทค ปักหมุดความซ่า ฟรี! ทั่วไทย ใกล้ไหน อร่อยนั่น เช็กแผนที่เลย https://ttid.co/OiLl/FreeCoke

 

ในฐานะตัวแทนเจ้าภาพในประเทศไทย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้รับเกียรติจากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบประสาทและการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานประชุม ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายของนักวิจัยและแพทย์จากทั่วโลกกว่า 600 คน โดยประเทศไทยมีส่วนสำคัญในการก่อตั้งสหพันธ์ และได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดงานในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการยอมรับด้านวิชาการ การวิจัย และบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Medical Hub พร้อมยกระดับระบบสาธารณสุขไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

อีกทั้ง ยังได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน “FNM 2024 Thai Touch Party by Bumrungrad” เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของงานประชุมดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน และมีเอกลักษณ์ของความเป็นไทยที่น่าประทับใจ โดยมีการแสดงเปิดจากหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ รวมถึงการขับร้องและบรรเลงเพลงโดย คุณจิรพรรณ อังศวานนท์ และวงดนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและสมาชิกรุ่นแรกของวง บัตเตอร์ฟลาย วงดนตรีชั้นนำของเมืองไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok

 

ดร. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้มีโอกาสต้อนรับผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบประสาทและการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหารกว่า 600 ท่านจากทั่วโลก ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่สนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ได้เรียนรู้และสร้างเครือข่ายกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาองค์ความรู้ ตลอดจนนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ ด้วยความมุ่งหวังที่จะส่งมอบการบริบาลทางการแพทย์ที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ป่วย

ศ.นพ. สุเทพ กลชาญวิทย์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านระบบประสาทและการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ หัวหน้าศูนย์เฉพาะทางด้านการทำงานระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ประธานจัดงานและเจ้าภาพงาน FNM 2024 กล่าวว่า การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม FNM ในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการยอมรับด้านวิชาการ การวิจัย และบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Medical Hub พร้อมยกระดับระบบสาธารณสุขไทย จึงขอถือโอกาสนี้ ขอบคุณโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี และขอบคุณในความร่วมมือจาก Professor Doctor Xiaohua Hou, PhD, President of Asian Neurogastroenterology and Motility Association เจ้าภาพร่วมงาน FNM 2024 และ Professor Doctor Max Schmulson, the Sociedad Latinoamericana de Neurogastroenterología (SLNG) เจ้าภาพงาน FNM ครั้งถัดไป ที่จะเกิดขึ้นในปี 2026

งานในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของวงการแพทย์ไทย ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในฐานะเจ้าภาพจัดงานประชุม รวมถึงยังส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s Investors Service : Moody’s) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินตราต่างประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินต่างประเทศของ EXIM BANK ที่ ‘Baa1’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เทียบเท่าอันดับเครดิตของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานะทางการเงินของ EXIM BANK รวมถึงสะท้อนบทบาท Green Development Bank และภารกิจของ EXIM BANK ในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ดำเนินภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการค้าและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ

“EXIM BANK เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสานพลังกับเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งดูแลธุรกิจกลุ่มเปราะบางซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นและปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลิกโฉมประเทศไทยสู่เศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือ ESG ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม” ดร.รักษ์ กล่าว

เตรียมส่งกองทุนผสม ThaiESG ตอบโจทย์คนชอบกระจายความเสี่ยง

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำแห่งอาเซียน เดินหน้าตอกย้ำแนวคิด GO ASEAN with krungsri และสะท้อนบทบาทของ Krungsri ASEAN LINK บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจต่างประเทศ ด้วยการเปิดตัว “Krungsri เซียน ASEAN” กับสโลแกน “มองอาเซียนอย่างเซียน พร้อมพาธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน” รายการใหม่โดยกรุงศรีที่จะมาให้ความรู้รอบทิศแก่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการสยายปีกโตไกลในอาเซียน ผ่านทางยูทูป และ เฟสบุ๊ก Krungsri Simple รายการธุรกิจที่ “ย่อยง่าย เข้าใจได้ทันที” พร้อมแล้วที่จะจุดประกายไฟในตัวนักลงทุนและผู้ประกอบการไทยให้ลุกโชนด้วยภูมิความรู้หลากหลายทั้งวัฒนธรรม กฎหมาย รวมทั้งเรียนรู้โซลูชันต่างๆ ซึ่งเป็นตัวช่วยทรงพลังผ่านการทำหน้าที่พาร์ทเนอร์สุดแกร่งของกรุงศรี

ด้วยศักยภาพอันแข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญในฐานะ “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาค” ของกรุงศรีผ่านบทบาทการเป็นธนาคารในเครือ MUFG หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดระดับโลก ตลอดจนมีเครือข่ายมากมายในภูมิภาคอาเซียน กรุงศรีจึงพรั่งพร้อมไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรหลากหลายแขนงที่สามารถเชื่อมโยงทั้ง Network & Connectivity ในอาเซียนครอบคลุม 9 ประเทศเศรษฐกิจหลักเข้าด้วยกัน และด้วยเหตุผลนี้ทำให้กรุงศรีมั่นใจที่จะพาธุรกิจไทยไปเติบโตในอาเซียนได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน 

และเพื่อตอกย้ำแนวคิด GO ASEAN with krungsri ก้าวสู่อาเซียน กับกรุงศรี เครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน และต่อยอดศักยภาพของ Krungsri ASEAN LINK ซึ่งเป็นบริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจสำหรับลูกค้ากรุงศรีที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียน โดยจะทำงานร่วมกันกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารและคำปรึกษาเชิงลึก โดยมีแหล่งข้อมูลที่วิเคราะห์มาแล้วเป็นอย่างดี ทั้งยังเต็มไปด้วยผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรในแต่ละประเทศที่มีความรู้ลึกซึ้งทุกเรื่องในทุกประเทศที่ผู้ประกอบการต้องการไปลงทุน

จึงเป็นที่มาของรายการใหม่ Krungsri เซียน ASEAN” โดยมีคอนเซ็ปต์รายการว่า “มองอาเซียนอย่างเซียน พร้อมพาธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน” ที่จะพานักลงทุนไทยไปพบกับผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรของกรุงศรี โดยกูรูจะทำหน้าที่ “เซียน” ช่วยแนะนำแนวทางธุรกิจในอาเซียน ตั้งแต่ข้อควรรู้ การเตรียมตัว การศึกษาวัฒนธรรมที่แตกต่าง การศึกษาข้อกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่จำเป็น รวมไปถึงการนำเสนอโซลูชัน การสนับสนุนด้านการเงินต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เข้าใจถึงโอกาสและความท้าทาย สามารถวางแผนธุรกิจได้อย่างแม่นยำ และเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจไปเติบโตในประเทศอาเซียนได้อย่างมั่นคง

รายการ “Krungsri เซียน ASEAN” ประเดิมด้วย 3 EP แรก เริ่มด้วย

  • EP1 Culture Expert ชวนทุกคนมาเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้คนในอาเซียนที่เป็นข้อมูลอัปเดตผ่านการทำงานร่วมกับเครือของกรุงศรีในแต่ละประเทศ และรวบรวมจากมุมมองของนักธุรกิจที่เจออุปสรรคหรือปัญหา รวมทั้งตัวแทนจากกรุงศรีที่ต้องการถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง โดย คุณชาร์ต-สืบศิษฏ์ ศานติศาสน์ ฝ่ายส่งเสริมการประสานงานภายในประเทศและระหว่างประเทศ
  • EP2 Law Guru พาทุกคนไปเจาะลึกและทำความรู้จักกับข้อกฎหมายสำคัญๆ สำหรับการประกอบธุรกิจในอาเซียน ทั้งการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น การเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายให้ครอบคลุม ขั้นตอนการสร้างธุรกิจควรต้องรู้เรื่องใดบ้าง มาตรการเรื่องภาษีและการจัดการผลตอบแทนต่างๆ โดยคุณตรีนุช บุญเรืองถาวร ที่ปรึกษากฎหมายจากสำนักงานกฎหมายชั้นนำ
  • EP3 Trusted Partner ชวนร่วมกันหาเหตุผลสำคัญที่นักลงทุนหรือผู้ประกอบการไทยจะต้องมีพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญรอบรู้รอบด้าน และเข้าถึงทุกประเภทการลงทุนจริงๆ และทำความรู้จักกับบริการ Krungsri ASEAN LINK ที่พร้อมเข้ามาซัพพอร์ตผู้ประกอบการและนักลงทุนให้ GO ASEAN ไปได้ไกลกว่าที่คิด โดย ดร. อรรจน์พรรณ เศรษฐิน ผู้อำนวยการ ผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาและวิจัยเชิงกลยุทธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ผู้สนใจสามารถติดตามรายการ Krungsri เซียน ASEAN ได้จากช่องทาง Krungsri Simple ทั้งยูทูป https://youtu.be/VmEjVMfdCoM?si=zUqEWFIQzQh6DrbH และเฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/KrungsriSimple ได้แล้ววันนี้   

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่วางแผนจะขยายธุรกิจหรือเริ่มธุรกิจในอาเซียน กรุงศรีพร้อมนำเสนอทีมผู้เชี่ยวชาญ “Krungsri ASEAN LINK” ซึ่งเป็นทั้งที่ปรึกษาช่วยดูแล ตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ การส่งออก การหาความร่วมมือ หรือหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาด ด้วยเครือข่ายกรุงศรี และ MUFG ที่ครอบคลุมทั้งภูมิภาค  สามารถรับคำปรึกษา ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.krungsri.com/th/business/other-services/asean-link/form

กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีแนวโน้มดัน GDP ไทยโตขึ้น 0.3% จากการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสร้างงานใหม่ ๆ ในภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวม

X

Right Click

No right click