December 06, 2025

hibro เปิดตัว Platform ให้บริการที่ปรึกษาปัญหาสุขภาพเฉพาะทางสำหรับคุณผู้ชายแบบออนไลน์

เอไอเอ เผยผลสำรวจ ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรายได้และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อการออมในภาคครัวเรือน

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมกับ สภากาชาดไทย ออกหน่วยจุดบริการรับบริจาคโลหิต สู้วิกฤตขาดแคลน

FTSE Russell (Financial Times Stock Exchange Russell) บริษัทอิสระที่จัดตั้งขึ้นโดย The Financial Times และ London Stock Exchange ในปี 1995 เพื่อทำดัชนีในระดับสากล (Independent Global Index Provider) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการจัดทำดัชนีให้ตลาดหลักทรัพย์หลายๆ แห่งทั่วโลก อาทิ ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซ่ามาเลเซีย ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว เป็นต้น ได้ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิก FTSE4Good Index ประจำปี 2021 ซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีชั้นนำที่ประเมินศักยภาพการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)  ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก 

โดย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ได้รับคัดเลือกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันแล้ว (2561-2564) ในกลุ่ม Food Retailers & Wholesalers ซึ่งมีคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในทุกมิติจากคะแนนเต็ม 5.0 ไม่ว่าจะเป็น ด้านสิ่งแวดล้อมที่ 4.1 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 1.3) ด้านสังคม 4.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 2.0) และด้านธรรมาภิบาล 5.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 3.6) ทำให้ยังรักษาระดับคะแนนเฉลี่ยรวมไว้ได้ที่ 4.3 คะแนน ขณะเดียวกัน เมื่อลงลึกไปในแต่ละด้านปรากฏว่า ซีพี ออลล์ ได้คะแนนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของประเทศไทยในเกือบทุกตัวชี้วัด ประกอบด้วย มิติสิ่งแวดล้อม ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ 3.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 2.0 คะแนน) ด้านห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 2.8 คะแนน) ด้านมลภาวะและทรัพยากร 4.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 3.2 คะแนน) มิติสังคม ด้านความรับผิดชอบต่อลูกค้า 5.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 2.9 คะแนน) ด้านสิทธิมนุษยชนและชุมชน 4.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 3.1 คะแนน) ด้านห่วงโซ่อุปทานทางสังคม 4.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 2.9 คะแนน) มิติธรรมาภิบาล ด้านการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น 5.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 4.5) และด้านการกำกับดูแลกิจการ 5.0 คะแนน (ค่าเฉลี่ย 4.4 คะแนน) 

นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวว่า การได้รับเกียรติให้เข้าเป็นสมาชิก FTSE4Good Index ตั้งแต่ปี 2561 ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจของทุกคนที่ซีพี ออลล์ แต่ยังถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของบริษัทในการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับสังคม โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ตามปณิธานองค์กร ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน ซึ่ง ซีพี ออลล์ให้คำมั่นจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง 

“ค่านิยม 3 ประโยชน์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ การสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร เป็นสิ่งที่ซีพี ออลล์ ยึดมั่นเสมอมาในการดำเนินธุรกิจกว่า 33 ปี เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความยั่งยืนที่ครอบคลุมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อม อยู่เคียงข้างสังคม และมีธรรมาภิบาล รวมทั้งเตรียมพร้อมรับมือกับท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยี ตลอดจนปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างโรคระบาด จนทำให้วิถีชีวิตผู้คนเปลี่ยนแปลงไป เพื่อบรรลุตามพันธกิจที่วางไว้ ในการสร้างความผูกพันกับลูกค้าด้วยสินค้าและบริการที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม มุ่งสู่องค์กรคุณภาพและมีความยั่งยืน” นายธานินทร์ กล่าวเน้นย้ำ 

สำหรับการประเมิน FTSE4Good Index ในปีนี้ มีตัวชี้วัดทั้งสิ้น 156 ตัวชี้วัด ใน 10 หัวข้อหลัก ที่ครอบคลุมทั้งด้านนโยบาย การบริหารจัดการ การประเมินและจัดการความเสี่ยง และการรายงานผล โดยยึดข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะจากรายงานของบริษัททั้งรายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน รายงานประจำปี รวมทั้งเว็บไซต์ขององค์กร 

บริษัท Bidmath ประเทศไทย เป็นผู้นำ ด้าน Data Solutions แบบ First-Party Data แนวหน้าของประเทศ ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญเชิงกลยุทธ์ และเน้นการให้คำ ปรึกษา 5 ด้านสำ คัญ ได้แก่ การเป็นพันธมิตรด้านข้อมูลแบบ First-Party Data, การบูรณาการ Cloud , การจัดการข้อมูลบน Cloud, โปรเจคการเพิ่มพูนข้อมูลต่าง ๆ และการบูรณาการเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย

Bidmath ได้เดินหน้าเปิดตัวทีมวิเคราะห์ที่จะมาช่วยแบรนด์ดังระดับโลก ในการปลดล็อกมูลค่าข้อมูลแบบ First-Party Data ซึ่งจะครอบคลุมการจัดการข้อมูลบน Cloud และได้พัฒนาความร่วมมือ เสริมสร้างความสมบูรณ์แบบของข้อมูลจากพันธมิตร ทั้งผู้ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซภายในประเทศ

การออกกฎหมายใหม่ (PDPA) ทำให้เกิดผลกระทบต่อแบรนด์ต่าง ๆ ในการมุ่งให้ความสำคัญกับการเก็บ และจัดการ First-Party Data มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทคโนโลยี เป็นเพียงแค่สื่อกลางในการเก็บรวบรวมข้อมูล กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จึงจำ เป็นต้องทำ การตรวจสอบ จัดหมวดหมู่ จัดระบบ วัดผล และประเมินประสิทธิภาพของข้อมูล โดยไม่คำนึงถึงแพลตฟอร์มของข้อมูลที่ใช้

คุณฐิศิรักน์พิตยกูลศาล จากบริษัทกูเกิ้ล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าร่วมทีม Bidmath ประเทศไทยในการผลักดันทีมให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยนำ ความรู้ด้านเทคโนโลยี มาเสริมสร้างในการใช้ First-Party Data ประกอบกับการผนึกกำลังกับพันธมิตรหลักๆของเครือข่ายท้องถิ่น ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด

ส่วนการรวบรวมข้อมูลเชิงวิทยาศาตร์ และความสามารถในการให้คำปรึกษาของบริษัท Bidmath ประเทศไทย ในการทำ Data Projects ต่างๆนั้น ถูกนำ ทีมโดย คุณ Mahesh Babu นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลระดับสูงของบริษัท Bidmath ประเทศไทย ผู้ที่นำ เอาประสบการณ์ด้านวิศวะกรรมการเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึก และการพัฒนาโมเดลข้อมูลจากแก่นแท้ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเลือกใช้สื่อต่างๆ ดังนั้น คุณ Mahesh จึงเป็นหัวใจสำ คัญที่จะนำ พาทีมฟันฝ่าความซับซ้อนของการสร้างข้อมูลให้เกิดความสมบูรณ์ เพื่อนำ ไปสู่ความสำ เร็จสูงสุด

ซึ่งทั้งคุณ Mahesh Babu และคุณฐิศิรักน์ พิตยกูลศาล จะดำ เนินงานภายใต้การบริหารของ คุณ Nathaniel Acton ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัท Bidmath ประเทศไทย

ลอรีอัล กรุ๊ป ประกาศความสำเร็จในการผลิตขวดเครื่องสำอางพลาสติกรีไซเคิลขวดแรกจากเทคโนโลยีเอนไซม์ของ Carbios

กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) กลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในภูมิภาคเอเชีย ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่

โรงพยาบาลนวเวช โรงพยาบาลย่านเกษตรนวมินทร์ รัชดา-รามอินทรา ที่มุ่งให้บริการทางการแพทย์ที่ดีและเข้าถึงง่าย

“ดุสิตธานี” เดินหน้าทำตลาดวิลล่าหรู “อีลิธ เฮเวนส์” มั่นใจตอบโจทย์ท่องเที่ยววิถีใหม่สไตล์นิว นอร์มัล ที่ผู้ใช้บริการต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่แออัด ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยสูง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (ที่ 4 จากซ้าย) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดร.กีรติ รัชโน (ที่ 3 จากซ้าย) อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง (ที่ 3 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK พบปะกับผู้ประกอบการ SMEs ในกิจกรรมติดตามความคืบหน้าโครงการจับคู่กู้เงิน...สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ซึ่ง EXIM BANK ร่วมออกบูทให้คำปรึกษาแนะนำและเงินกู้อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปีตลอดระยะเวลาโครงการ ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อนุมัติวงเงินภายใน 7 วันทำการ พร้อมกรมธรรม์ประกันการส่งออกคุ้มครองความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศและสิทธิประโยชน์ในการเข้าร่วมอบรมหลักสูตรด้านการค้าระหว่างประเทศและการเงินแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สนใจจะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออก หรืออยู่ในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) การส่งออก ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับ EXIM BANK ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564

จนถึงปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อภายใต้โครงการนี้แล้ว 43 กิจการ เป็นวงเงินอนุมัติรวม 138.2 ล้านบาท และอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาอีกกว่า 212 กิจการ วงเงินรวมที่อยู่ระหว่างพิจารณาให้สินเชื่อจำนวน 1,208.1 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินสนับสนุนรวมภายใต้โครงการนี้ 2,500 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการสิ้นสุดวันที่ 7 กันยายน 2564

X

Right Click

No right click