

แมทเพรสโซ่ (Mathpresso) สตาร์ทอัปสาย EdTech ชื่อดังจากเกาหลี ผู้พัฒนา QANDA แพลทฟอร์มการเรียนออนไลน์อันดับหนึ่งของไทย
ย้ำ 3 ทักษะคนรุ่นใหม่ต้องมี ทักษะดิจิทัล ทักษะความเป็นผู้ประกอบการ ทักษะการแก้ไขปัญหาและมีความคิดสร้างสรรค์ มั่นใจหากมีครบสามารถพาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์
บริษัท ดาว (Dow) ผู้นำด้านแมททีเรียล ไซแอนซ์ (Materials science) ระดับโลก ประกาศแผนการขยายกำลังการผลิตโพรพิลีนไกลคอล (Propylene Glycol) ในประเทศไทย ณ ฐานการผลิตมาบตาพุด โอเปอเรชันส์ ในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง การลงทุนในครั้งนี้ตอกย้ำความเป็นผู้นำของ Dow ในฐานะผู้ผลิตโพรพิลีนไกลคอลรายใหญ่ของโลก และตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกจากอุตสาหกรรมการแต่งกลิ่นและรสชาติ ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยส่วนบุคคล อาหาร และยา ซึ่งมีการเติบโตมากกว่าดัชนีมวลรวมภายในประเทศ (GDP)
การขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2567 โดยจะสามารถผลิตโพรพิลีนไกลคอลได้เพิ่มขึ้นอีก 80,000 ตัน/ปี รวมเป็น 250,000 ตัน/ปี โดยโรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นโรงงานผลิตโพรพิลีนไกลคอลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะผลิตสินค้าที่สามารถนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อันจะช่วยตอบสนองความต้องการและช่วยส่งเสริมการเติบโตของลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งประเทศอินเดียได้เป็นอย่างดี
เจน พาลมิเอรี ประธานธุรกิจโพลิยูรีเทน คลอร์-อัลคาไลน์ & ไวนิล และเคมีเพื่อการก่อสร้าง กล่าวว่า "การขยายกำลังการผลิตโพรพิลีนไกลคอลครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านสินทรัพย์ที่มีอยู่ของเราให้เกิดประโยชน์สูงสุด อันจะช่วยสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงต่าง ๆ และช่วยให้เราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ดียิ่งขึ้น”

“มาบตาพุด โอเปอเรชันส์ ของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ Dow ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีความเป็นเลิศในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น Safety, Reliability และ Productivity การลงทุนเพิ่มในประเทศไทยในครั้งนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันถึงความไว้วางใจต่อความสามารถของพนักงานชาวไทยในการขยายกำลังการผลิตเพื่อช่วยตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อไป” นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าว
การขยายกำลังการผลิตดังกล่าวเป็นไปตามแผนการลงทุนที่บริษัทเคยกำหนดไว้แล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ โรงงานโพรพิลีนไกลคอลชั้นนำของ Dow ได้ช่วยยกระดับโครงสร้างทางเคมีพื้นฐานเพื่อผลิตส่วนผสมคุณภาพสูงสำหรับเครื่องสำอาง อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมายสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันในปัจจุบัน
สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ปี 2564
บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2564 จำนวนทั้งสิ้น 824 หลักทรัพย์
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศให้ NER ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2564 ด้วยการคัดเลือกจาก 824 หลักทรัพย์จดทะเบียน (ไม่รวมหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู) ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) และเป็นบริษัทที่เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 ต่อเนื่อง 3 ติดต่อกัน (2562 – 2564) นับตั้งแต่ที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้การที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 บริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่มุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และหลักบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) หรือ ESG และเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นยั่งยืนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่เจ็ดในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
โลกเผชิญการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วงเกือบ 2 ศตวรรษที่ผ่านมา หน้าตาของโลกที่พวกเรารู้จักเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนน่าตกใจ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ชี้แรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ติดเชื้อโรคโควิด-19 จากการระบาดระลอกสาม
คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปรับหลักสูตรบัญชีบัณฑิตให้ก้าวทันโลก
รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ แนะตรวจเช็คความบริสุทธิ์ทองคำ หลังเจอกระแส “ทองคำปลอม” ระบาด ทั้งทองคำแท่งและ ทองรูปพรรณ “ย้ำ” อย่า “ตื่นตระหนก” แต่ต้อง “เช็คให้มั่นใจก่อนซื้อ - ขาย”
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบไข่ไก่สด จำนวน 200,000 ฟอง จาก นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ภายใต้โครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแรงงานในแคมป์ก่อสร้าง ผ่านสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และนางสาวพิมลรัตน์ รีพัฒนาวิจิตรกุล ประธานผู้บริหาร ทรัพยากรบุคคล ซีพีเอฟ ร่วมด้วย ณ กระทรวงแรงงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีมติให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ทั่ว กทม. กว่า 500 แห่ง ซึ่งมีแรงงานอยู่ประมาณ 80,000 คน สิ่งหนึ่งที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงและให้ความสำคัญกับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน คือ อาหารการกิน จึงกำชับกระทรวงฯ ให้ประสานผู้ประกอบการที่มีกำลัง อาทิ เครือซีพี-ซีพีเอฟ ซึ่งให้ความช่วยเหลือภาครัฐมาโดยตลอด ทั้งนี้ อยากให้กำลังใจผู้ใช้แรงงานทุกคน ทั้งคนไทยและต่างชาติ เราทำทุกอย่างตามแนวทางผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ พร้อมให้คำมั่นว่า ปิดแล้วต้องจบ ซึ่งทุกท่านได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
กระทรวงฯ ขอขอบคุณซีพีเอฟเป็นอย่างมาก ที่ช่วยเหลือทุกครั้ง ตั้งแต่การมอบอาหารให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตน ม.33 ในศูนย์ฉีดวัคซีน ทั่ว กทม. และยังนำไข่ไก่มามอบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานอีกครั้ง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดสรรอย่างเหมาะสม สู่แคมป์คนงานโดยตรง

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีและซีพีเอฟ ทราบว่า กระทรวงฯ ได้เข้าไปช่วยเหลือและดูแลทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ครอบคลุมถึงแรงงานต่างชาติตามมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่แคมป์ก่อสร้าง เนื่องจากเป็นจุดที่มีความเสี่ยง บริษัทฯ ต้องขอบคุณผู้บริหารแคมป์ก่อสร้างที่ยินดีร่วมมือกับรัฐบาลในการช่วยกันดูแลสังคมและประเทศไทยเพื่อลดการเพร่กระจายโรค
บริษัทฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งและพร้อมเคียงข้างสังคม โดยนำไข่ไก่สด จำนวน 200,000 ฟอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง สะดวก และสามารถทานได้ทุกคน มามอบผ่านทางกระทรวงฯ เพื่อแจกจ่ายให้กับแรงงานต่อไป หวังว่ากิจกรรมของเราในครั้งนี้ จะช่วยแบ่งเบาสถานการณ์วิกฤตนี้ไปได้โดยเร็ว

ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการ “CPF ส่งอาหารจากใจ ร่วมต้านภัยโควิด-19” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ภายใต้โครงการ “ซีพีร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” นับจากวันแรก...ถึงวันนี้ ซีพีเอฟ มอบอาหารพร้อมทานแก่บุคลากรทางการแพทย์และพี่น้องคนไทยแล้วหลายล้านแพ็ค รวมถึงน้ำดื่มและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหลายล้านขวด ตลอดจนวัตถุดิบอาหารสดและเครื่องปรุงรส สำหรับนำไปปรุงอาหาร แก่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนาม กลุ่มเปราะบาง ศูนย์ฉีดวัคซีน และหน่วยงานต่างๆ กว่า 500 แห่งทั่วประเทศ เพื่อร่วมเคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน