Tezos มุ่งพัฒนาธุรกิจด้านข้อมูลด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบไฮบริด โดยใช้ทั้ง Hyperledger Fabric และ Tezos บล็อกเชนสาธารณะ

MVL Foundation ดำเนินการ TADA ซึ่งเป็นบริการเรียกรถผ่านบล็อกเชนแห่งแรกของโลก ซึ่งมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2561 MVL ตั้งเป้าที่จะปฏิวัติภาคการคมนาคมขนส่ง ขณะที่เริ่มผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เช่น E-TukTuk ของพวกเขา

เมื่อไม่นานมานี้ MVL ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Bolton ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Krishna Group ยักษ์ใหญ่ด้านการผลิตของ Indian Auto สำหรับฝ่ายการผลิตและการขาย EV ในอินเดีย ซึ่งเพิ่มความพร้อมของ TADA แพลตฟอร์มเรียกรถและการจัดส่งภายในประเทศ

ผลิตภัณฑ์ด้านการเดินทางของ MVL ทั้งหมดใช้โปรโตคอลดั้งเดิมของ MVL ซึ่งสร้างและจัดเก็บข้อมูลภายในฐานข้อมูลบนบล็อกเชนของ MVL ลูกค้าจะได้รับรางวัลจากการยินยอมให้เก็บข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอราคาของ MVL เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถควบคุมวิธีการที่บริษัทเทคโนโลยีใช้ข้อมูลของตนได้มากขึ้น แผนการจูงใจนี้ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองต่อการต่อต้านบริษัทเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะรวบรวมข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ให้ประโยชน์ใดๆ ต่อผู้บริโภค

ในการเสวนาทางออนไลน์ MVL 2.0 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา MVL ยังได้ประกาศตัดสินใจเปิดตัวระบบบล็อคเชนแบบใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นอิสระจากเครือข่าย Ethereum ส่วนเหตุผลหลักที่ MVL สำรวจตัวเลือกบล็อคเชนอื่นๆ เพื่อต่อยอดการพัฒนา ได้แก่ ค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่สูง, ความสามารถในปรับขนาดการใช้งาน และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

Kay Woo ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง MVL Foundation ระบุว่า "การเป็นพันธมิตรกับ TZ APAC นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ MVL ในการขยายธุรกิจด้านข้อมูล เรารู้สึกดีใจที่ MVL พร้อมด้วย TZ APAC สามารถจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดที่สร้างและรวบรวมขึ้นจาก TADA บนบล็อกเชนได้สำเร็จ ตามโปรโตคอล Tezos ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันสร้างธุรกิจข้อมูลที่มีมูลค่าสูง"

David Shin หัวหน้าภูมิภาคเอเชีย TZ APAC ระบุว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ MVL ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทด้านการเดินทางชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างทั้งแอปพลิเคชันด้านการเดินทางและนายหน้าด้านข้อมูลบนระบบนิเวศของ Tezos นอกจากสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าเชื่อใจกันละความแม่นยำของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นแล้ว โครงการนี้ยังช่วยให้บุคคลสามารถสร้างรายได้และควบคุมข้อมูลของตนได้ดียิ่งขึ้น"

ทั้งมูลนิธิ MVL และ TZ APAC ต่างรอคอยการร่วมมือครั้งนี้ในฐานะโอกาสในการสร้างระบบนิเวศด้านการเดินทางที่ยุติธรรมและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น