ที่มีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับประสบการณ์ทันตกรรมให้เป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน โชว์ความสำเร็จผู้ใช้บริการเติบโตก้าวกระโดด 200% ในครึ่งปีแรกของปี 2565 สะท้อนการเปิดรับนวัตกรรมทันตกรรมของคนไทย และการเติบโตของบริการและผลิตภัณฑ์ช่องปากที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพและความสวยงามมากขึ้น ประกาศเดินหน้าขยายตลาด Teledentistry ในไทยด้วยนวัตกรรมจัดฟันแบบใสเป็นผลิตภัณฑ์แรก ผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ การสร้างแบรนด์และการตลาดที่แตกต่าง, นวัตกรรมทางทันตกรรม และการขยายช่องทางบริการทั่วประเทศทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์
Selfie ถือเป็นผู้บุกเบิก “ทันตกรรมอัจฉริยะ” เป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ “Smart Dentistry™” โดยเป็นการใช้นวัตกรรมกระบวนการจัดฟันที่คิดค้นมาโดยเฉพาะ เพื่อให้การเคลื่อนฟันของลูกค้ามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ต้องใช้เหล็กดัดฟัน, การติดปุ่ม Attachment หรือการกรอฟันแบบเดิม ๆ ซึ่งการใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดการเข้าคลินิก และสามารถทำให้ทันตแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสามารถติดตามการรักษาผ่านช่องทางออนไลน์ โดยอุปกรณ์จัดฟันเเบบใสครบเซตจะถูกส่งไปที่บ้าน ทำให้การรักษาตลอดกระบวนการ สามารถทำได้ในทุกที่ทุกเวลา
นางสาวพิมลพัชร์ ธนุสุทธิยาภรณ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและ Chief Marketing Officer บริษัท เซลฟี่ เเคร์ จำกัด กล่าวว่า มีการคาดการณ์ว่าตลาดเวชศาสตร์ช่องปากในไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 35,000 ล้านบาทภายในปี 2569 (ที่มา:Statista) และสำหรับธุรกิจอุปกรณ์จัดฟันแบบใสในเอเชียคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 31.4% (ที่มา:Clear Aligners Market) ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีสาเหตุจากความก้าวหน้าทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของผู้คน และการตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพฟันและการรักสวยรักงาม โดยปัจจุบันคนไทย 46% เชื่อว่าสุขภาพช่องปากที่ดีเป็นผลต่อความงาม และมีความเชื่อว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะนำไปสู่ความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ของชีวิตมากขึ้น (ที่มา: Mintel)
สอดคล้องกับการเติบโตของเซลฟี่ สตาร์ทอัพเทคโนโลยีทันตกรรมเพื่อความงามระดับพรีเมียมอันดับ 1 ของเมืองไทย ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2564 โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ประสบการณ์ทันตกรรมดูแลช่องปากและฟันเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ตอกย้ำภาพลักษณ์ “New Llifestyle” สำหรับคนรุ่นใหม่ ผ่านบริการนวัตกรรมจัดฟันแบบใส และ แม้จะเปิดตัวได้เพียงไม่นาน แต่พบว่าการให้บริการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 สามารถขยายฐานผู้ใช้บริการได้มากถึง 2 เท่า โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เซลฟี่ได้รับการตอบรับอย่างดี เป็นเพราะการบริการที่เปิดตัวถูกที่ถูกเวลาในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การใช้บริการแบบไม่ต้องไปคลินิกสามารถตอบโจทย์และแก้ Pain Point ของผู้คนได้อย่างตรงจุด อีกทั้งนวัตกรรมที่ทันสมัยและเทคโนโลยีจัดฟันแบบใสของเซลฟี่อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยเทคโนโลยี Smart Dentistry ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเซลฟี่ที่ช่วยลดระยะเวลาการเข้ารับการรักษาที่คลินิก แต่แพทย์สามารถติดตามผลการรักษาได้จากทางไกล หรือ Teledentistry ที่ตอบโจทย์การบริการผ่านออนไลน์ที่สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้ เซลฟี่ยังมีจุดเด่นในด้านการให้บริการจัดฟันแบบใส คือ การพัฒนาบริการที่สามารถแก้ Pain Point ของผู้ใช้บริการที่ยังไม่มีแบรนด์ใดในตลาดทำได้ ได้แก่ 1) ความสะดวกสบาย สามารถเข้ารับบริการและคำปรึกษาได้ทุกที่ทุกเวลา 2) ค่าบริการที่สมเหตุสมผล 3) ผลลัพธ์การรักษาที่เชื่อถือได้และคุณภาพที่สม่ำเสมอด้วยเทคโนโลยีของเซลฟี่ โดยบริการของเซลฟี่ประกอบไปด้วย แพ็กเกจการจัดฟันแบบใส, การพิมพ์ฟันหรือสแกนฟันสำหรับประเมินกับทันตแพทย์ และ ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
สำหรับก้าวต่อไปของเซลฟี่จะยังคงสร้างความแข็งแกร่งและสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้ผู้ใช้บริการ ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
- การสร้างแบรนด์และการตลาดที่แตกต่าง: วางตัวตนในฐานะแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงและเชื่อถือได้ ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเรื่องการจัดฟันไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไปและทุกคนสามารถเข้าถึงบริการดูแลระดับพรีเมียมได้ พร้อมสร้างนิยามใหม่ของการดูแลช่องปากให้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลความงาม และสร้างแคมเปญที่น่าสนใจเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนไทย
- นำเสนอผลิตภัณฑ์และการให้บริการที่มีนวัตกรรม: ใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี เชื่อถือได้ ราคาไม่แพง และสะดวกสบายสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ ให้ความสำคัญในการสร้างความไว้วางใจผ่านนวัตกรรม
- ขยายช่องทางการให้บริการรูปแบบใหม่: สร้างช่องทางใหม่สำหรับผู้บริโภคและทันตแพทย์ในการเข้าถึงและให้การดูแลช่องปาก ทั้งในรูปแบบการเข้าคลินิกและรูปแบบการดูแลผ่านระยะไกล (Teledentistry) ทั่วประเทศไทย
“การทำธุรกิจในช่วงปีแรก เซลฟี่มุ่งเน้นการพัฒนาบริการ ผลิตภัณฑ์ และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้บริการ ซึ่งพบว่าเราได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดทั้งผลลัพธ์ทางธุรกิจ รวมถึงความพึงพอใจของผู้ใช้ จนเกิดการบอกต่อ และทำให้เกิดลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย เราเชื่อว่าธุรกิจการจัดฟันแบบใสแบบ Teledentistry จะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจำนวนผู้ใช้บริการ และกลุ่มผู้ใช้บริการ ซึ่งจากเดิมพบว่าผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง และกลุ่ม LGBTQ+ แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ชายให้ความสนใจมากขึ้น โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์”
“สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้และปี 66 เราจะเน้นการขยายการบริการให้ครอบคลุมโดยเฉพาะการเปิด Selfie Studio และ Selfie Clinic Partner เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการใน 20 จังหวัดหัวเมือง รวมถึงการพัฒนาบริการ ผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดูแลช่องปากและฟัน โดยตั้งเป้าการขยายตัวของลูกค้าที่ 3-5 เท่าในทุก ๆ ปี สำหรับอีก 3 ปีข้างหน้า” นางสาวพิมลพัชร์ กล่าวทิ้งท้าย