December 15, 2025

บริษัท ซีพี บีแอนด์เอฟ บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยกขบวนนวัตกรรมเครื่องดื่มแห่งอนาคต และโซลูชั่นครบวงจร ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ HORECA รุ่นใหม่สู่ความสำเร็จ ภายใต้ทิศทางของบริษัท “CP B&F Beverages of Tomorrow: ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จด้านธุรกิจเครื่องดื่มของผู้ประกอบการ” ในงานมหกรรม THAIFEX-HOREC Asia 2025 งานแสดงสินค้ากลุ่มธุรกิจ HORECA ที่ครบครันที่สุดในภูมิภาคเอเชีย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคม 2025 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

นายสรรเสริญ สมัยสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี บีแอนด์เอฟ กล่าวว่า  บริษัทให้บริการเครื่องดื่มและฟู้ดเซอร์วิสครบวงจรในระดับมาตรฐานสากล ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและฟู้ดเซอร์วิสสำหรับลูกค้ากลุ่มร้านอาหาร  โรงแรม  และ Catering รวมถึงตลาดค้าปลีก สินค้าและบริการของเราที่ครอบคลุมธุรกิจครบวงจร ช่วยให้ผู้ประกอบการ HORECA สามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคง  ในยุคของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“เรานำความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมด้านเครื่องดื่มและฟู้ดเซอร์วิส ยกระดับมาตรฐานธุรกิจ food service ของลูกค้า ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมเครื่องดื่มที่โดดเด่นเรื่องรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและความพึงพอใจให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ” นายสรรเสริญ กล่าว

ในงานนี้ CP B&F ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็น Coffee และ non coffee เน้นยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคในร้านอาหารและภัตตาคารด้วยแนวคิด “เครื่องดื่มที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ” โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก  ได้แก่

 

  • เครื่องดื่มสูตรพิเศษแบรนด์ HEY! BEV ที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ของร้านอาหาร
  • โซลูชันระบบการบริหารจัดการธุรกิจเครื่องดื่ม: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ตามเทรนด์ธุรกิจยุคใหม่
  • นวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ: รวมถึงน้ำดื่มพรีเมี่ยมจากน้ำพุธรรมชาติจากภูเขาไฟฟูจิ ผ่านการทดสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดและปลอดภัย
  • กาแฟ แบรนด์ Beanie Coffee – Specialty Cloud Cafe: แบรนด์กาแฟสำหรับคอกาแฟตัวจริงในรูปแบบ SPECIALTY CLOUD CAFE ที่ให้ประสบการณ์กาแฟสุดพิเศษ ด้วยเมล็ดกาแฟหลากสายพันธุ์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน
  • วัตถุดิบและอุปกรณ์ครบวงจร: ตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการร้านกาแฟ ร้านอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ

พบกับกิจกรรมไฮไลท์ คอกาแฟต้องไม่พลาด ! สัมผัสประสบการณ์กาแฟดริประดับพรีเมียม ชมศูนย์ทดลองรสชาติแห่งอนาคต รีเฟรชพลังไปกับเครื่องดื่มสุดพิเศษ และยังได้ลุ้นลุ้นโชคไปกับ Lucky Draw!

 

ร่วมค้นพบโอกาสใหม่ในธุรกิจเครื่องดื่มแห่งอนาคต ที่บูธ CP B&F หมายเลข N31 ฮอลล์ 10 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคมนี้ ตั้งแต่ 10.00-18.00 น.

เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (ซีพี) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมส่งมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน แก่โรงเรียนบ้านห้วยไม้หก และโรงเรียนบ้านยางครก เพื่อสร้างเสริมภาวะโภชนาการและสุขภาพของเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร หนุนนักเรียนได้เรียนรู้ทักษะอาชีพติดตัว พร้อมสร้างคลังอาหารยั่งยืนในโรงเรียนและชุมชน โดยมี นายปรีชาพล พูลทวี นายอำเภออมก๋อย เป็นประธานในพิธี ณ โรงเรียนบ้านห้วยไม้หก อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (ซีพี) เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลนิธิซีพี และซีพีเอฟ มุ่งขยายโอกาสให้โรงเรียนทั่วประเทศเข้าถึงแหล่งอาหารโปรตีนที่เพียงพอ เพื่อให้นักเรียนมีโภชนาการที่เหมาะสม อันเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างแข็งแรงและพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ช่วยให้โรงเรียนสามารถจัดหาอาหารกลางวันจากไข่ไก่ที่สดใหม่ มีคุณภาพ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยโครงการฯ ไม่เพียงมุ่งเน้นการจัดหาอาหารกลางวัน ยังเป็นสื่อการเรียนรู้พัฒนาทักษะอาชีพด้านเกษตร ผ่านการเลี้ยงไก่ไข่ การบริหารจัดการฟาร์มขนาดเล็ก และการนำผลผลิตไข่ไก่มาจำหน่ายให้แก่ชุมชนในราคาที่เหมาะสม ไปจนถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไก่ไข่เพื่อใช้บริโภคภายในโรงเรียนเพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนกลับคืนสู่โรงเรียนและชุมชนอย่างยั่งยืน (Social Enterprise)

ทางด้าน นายสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ นี้อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 37 ปี โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯมุ่งมั่นนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มาถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้แก่นักเรียนและคณะครู เพื่อให้สามารถบริหารจัดการโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยสนับสนุนงบประมาณและบุคลากรอย่างเต็มที่ในการติดตาม ดูแล และให้คำแนะนำด้านวิชาการ ทั้งการเลี้ยงไก่ไข่ตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยงจนถึงปลดแม่ไก่ การจัดการผลผลิต การขายและการตลาดเพื่อให้โรงเรียนสามารถบริหารงานให้มีเงินทุนส่งให้รุ่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

 

"โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน" ดำเนินการก้าวเข้าสู่ปีที่ 37 และยังคงมุ่งผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐและเอกชน ขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งโภชนาการโปรตีนคุณภาพกับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทในเครือฯ อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เจียไต๋ ซีพีเอฟ ซีพี ออลล์ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ทั้ง Makro และ Lotus’s และ ทรู เพื่อส่งต่อคุณค่า สร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว 988 แห่งทั่วประเทศ มีนักเรียนกว่า 223,000 คน และบุคลากรทางการศึกษากว่า 16,500 คน ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ

 

ภายในงานมีหน่วยงานร่วมกิจกรรม อาทิ นายประจักษ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เชียงใหม่ เขต 5, นายกฤษฎากานต์ จี๋มะลิ ผู้อำนวยการ รร.บ้านห้วยไม้หก, นางสาวปราณี ก๋ายอด ผู้อำนวยการ รร.บ้านยางครก ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานราชการ คณะครู ผู้ปกครอง นักเรียน โดยมีกิจกรรม "CP KIDS CHEF" แข่งขันทำอาหารจากวัตถุดิบไข่ไก่ โดยมี 4 โรงเรียนในพื้นที่ เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่ รร.บ้านห้วยไม้หก รร.บ้านยางครก รร.บ้านห้วยน้ำขาว และ รร.บ้านมูเซอ ทำให้นักเรียนได้คิดสร้างสรรค์เมนูไข่ที่หลากหลาย ช่วยต่อยอดทักษะทางด้านอาชีพแก่นักเรียน

น้ำและปุ๋ย ถือเป็นปัจจัยการผลิตพืชที่สำคัญ และยังเป็นต้นทุนการผลิตหลักของเกษตรกร การลดภาระค่าใช้จ่ายไปพร้อมๆกับได้เพิ่มผลผลิตไปในคราวเดียว “ปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” เป็นโครงการที่ตอบโจทย์นี้ และยังเป็นอีกแนวทางการสร้างความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ เพื่อรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

โครงการ “ปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” ที่ซีพีเอฟดำเนินการมานานกว่า 20 ปี ช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตพืชไร่และพืชสวนดีขึ้น ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่าย จากการลดการใช้ปุ๋ยเคมี โดยซีพีเอฟนำน้ำปุ๋ยจากการบำบัดด้วยระบบ Biogas ในฟาร์มสุกร ซึ่งเป็นน้ำที่ยังมีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับพืช เรียกว่า “น้ำปุ๋ย” กลับมาใช้ประโยชน์ในฟาร์ม ทั้งรดต้นไม้ สนามหญ้า และแปลงผักปลอดภัยซึ่งพนักงานปลูกในพื้นที่ว่างของฟาร์มไว้เพื่อบริโภค และด้วยสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกๆปี  น้ำปุ๋ยจากฟาร์ม จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเกษตรกรโดยรอบ

 

สิงห์คำ อินทะ เกษตรกรรุ่นบุกเบิกที่รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรจอมทอง จ.เชียงใหม่ มาใช้กับไร่ข้าวโพดหวาน มานานกว่า 20 ปี เล่าว่า เริ่มแรกที่ขอใช้น้ำปุ๋ยเพราะต้องการลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมี เมื่อใช้น้ำปุ๋ยที่มีแร่ธาตุไนโตรเจนสูงเหมาะกับข้าวโพดหวาน ต้นโตไว ฝักใหญ่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น รายได้จึงเพิ่มตาม และยังลดค่าปุ๋ยได้ถึง 50-70% จากนั้นเกษตรกรรอบข้างก็ชวนกันมาใช้น้ำปุ๋ย ปัจจุบันใช้อยู่ 15 ราย ทั้งปลูกข้าวโพดหวานและผักสวนครัวโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลย ที่ผ่านมาไม่ต้องเสี่ยงกับภัยแล้ง มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี

 

ด้าน ณรงค์สิชณ์ สุทธาทิพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิสภาเกษตรกร และประธานหมอดินจังหวัดจันทบุรี เล่าว่า รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสุกรจันทบุรี 2 ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเป็นระบบท่อลำเลียงน้ำที่เปิดใช้วันละ 2-4 ราย ให้เกษตรกร 20 ราย บนพื้นที่ 200 กว่าไร่ ใช้ในสวนผลไม้ ทั้งทุเรียน มังคุด ลองกอง เงาะ กล้วย เฉพาะตนเองใช้ในสวนทุเรียน 10 กว่าไร่ ผลผลิตดีขึ้นมาก ติดผลดี คุณภาพผลผลิตดี เพราะน้ำปุ๋ยมีอินทรีย์วัตถุที่ดีแทนปุ๋ยเคมี ช่วยปรับโครงสร้างดิน ปรับปรุงบำรุงดิน ต้นไม้จึงเจริญงอกงาม ลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีไปกว่า 20-30%

 

จากความสำเร็จของธุรกิจสุกร เป็นแนวทางที่ดีที่ธุรกิจอื่นๆ นำไปใช้เป็นต้นแบบ อาทิ คอมเพล็กซ์ไก่ไข่ของซีพีเอฟ จำนวน 9 แห่ง ที่ส่งต่อน้ำปุ๋ยให้เกษตรกรใกล้เคียง วิโรจน์ ใจด้วง ปลูกหญ้าเนเปียร์ บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ ซึ่งการปลูกหญ้าต้องใช้ปุ๋ยยูเรียจำนวนมาก จึงเริ่มรับน้ำตั้งแต่ปี 2564 จากฟาร์มไก่ไข่สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยฟาร์มวางระบบท่อยาว 1 กิโลเมตร ส่งมาให้โดยต้องผสมกับน้ำจากคลองชลประทานอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ใช้ตอนหลังเก็บเกี่ยวหญ้าเพื่อปรับสภาพดิน ใช้น้ำ 3-4 เดือนต่อครั้ง หลังใช้พบว่าหญ้าลำต้นอวบใหญ่ใบใหญ่โตเร็ว โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยยูเรียอีกเลย ช่วยลดรายจ่ายไปถึง 4,000 บาทต่อปี และได้ผลผลิตเพิ่มเกือบ 50%

 

นอกจากนี้ คอมเพล็กซ์ไก่ไข่ยังต่อยอดสู่การทำปุ๋ยกากไบโอแก๊สด้วย ไพบูลย์ ทาพิลา เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยอีกราย ที่เริ่มรับปุ๋ยกากไบโอแก๊สมาใช้กับไร่อ้อย 100 ไร่ เมื่อปี 2564 คาดหวังว่าจะช่วยประหยัดต้นทุน และลดการใช้ปุ๋ยเคมีซ้ำๆที่ทำให้สภาพดินเสียหาย หลังใช้แล้วไม่ผิดหวัง คุณภาพดินดีขึ้น อ้อยงามลำใหญ่ยาว ผลตอบแทนจากการขายอ้อยก็ดีขึ้นด้วย ก่อนนี้เคยใช้ปุ๋ยเคมีมีค่าใช้จ่ายปีละ 3 แสน หลังใช้ปุ๋ยชีวภาพช่วยลดต้นทุนได้ถึง 50-70%

 

เสียงสะท้อนจากเกษตรกร ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกันเพื่อบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรน้ำเกิดประโยชน์สูงสุด ที่ไม่เพียงเกิดประโยชน์กับองค์กร แต่ยังมองรวมไปถึงความมั่นคงด้านน้ำตลอดห่วงโซ่คุณค่าอีกด้ว

นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงาน สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย" และเยี่ยมชมบูธ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ที่นำเสนอแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero ) อาทิ การจัดหาวัตถุดิบอย่างรับผิดชอบ ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานชีวภาพ พลังงานแสงอาทิตย์ นำเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ โดยให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้เป้าหมายสู่ Net- Zero ซีพีเอฟ ยังเป็นบริษัทผลิตอาหารแห่งแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติเป้าหมายระยะสั้น และระยะยาว ตามหลักวิทยาศาสตร์ จากองค์กร Science Based Targets Initiative (SBTi)

สำหรับความร่วมมือในโครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ซีพี-เมจิ บริษัทร่วมทุนของซีพีเอฟ ดำเนินโครงการแยกขวด-ลดขยะ สร้างมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ โดยสนับสนุนให้นักเรียน ครู และชุมชน เรียนรู้และเข้าใจกระบวนการจัดการขยะ ตั้งแต่การคัดแยก และส่งเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ลดการปนเปื้อนและการกำจัดโดยการเผา สามารถสร้างรายได้จากการจำหน่ายขยะ ปัจจุบันมีสมาชิกร่วมโครงการกว่า 5,000 ครัวเรือน มีเป้าหมายคัดแยกผลิตภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชิ้น และตั้งเป้าขยายโครงการธนาคารขยะ 10 แห่ง ภายในปี 2568 เป็นการสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศเมืองนวัตกรรม Net Zero Emission และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียวด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และชุมชน ผลักดันสระบุรีเป็นเมืองต้นแบบแห่งแรกในไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์.

พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ รับมอบโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่อสวัสดิการกำลังพลกองทัพเรือและครอบครัว ของกรมสวัสดิการทหารเรือ อ.บางพระ จ.ชลบุรี จากมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ โดยมี นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ นำคณะผู้บริหาร ส่งมอบโครงการฯ ณ สำนักงานผู้บัญชาการทหารเรือ กองบัญชาการกองทัพเรือ (พระราชวังเดิม) กรุงเทพฯ

 

พลเรือเอกจิรพล ว่องวิทย์ เปิดเผยว่า กองทัพเรือ และซีพีเอฟ มีความร่วมมือกันมานานกว่า 30 ปี และในครั้งนี้เป็นการร่วมกันพัฒนากิจกรรมของศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือบางพระ จ.ชลบุรี กรมสวัสดิการทหารเรือ ทำให้กำลังพลของกองทัพเรือและครอบครัวมีฟาร์มไก่ไข่มาตรฐาน ผลิตไข่ไก่คุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผล กำลังพลและครอบครัวได้บริโภคไข่ไก่คุณภาพดี ซึ่งการจัดทำแปลงสาธิตด้านเกษตรกรรม จะเป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลของกองทัพเรือและครอบครัว โดยได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ และซีพีเอฟ ในการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ ตลอดจนการจัดซื้อพันธุ์ไก่ไข่และอาหารสัตว์ในราคาพิเศษ สามารถขับเคลื่อนโครงการฯ ให้มีความมั่นคงยั่งยืน

“กองทัพเรือ ซีพี และซีพีเอฟ มีเป้าหมายเดียวกันในการมุ่งพัฒนากำลังคนด้านการเกษตรสมัยใหม่ ที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนโครงการและการปรับปรุงโรงเรือนมาตลอด ล่าสุดบริษัทฯ เข้ามาปรับปรุงและซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ 3 โรงเรือน ให้ได้มาตรฐานและถูกสุขลักษณะ ช่วยให้ประสิทธิภาพการผลิตดียิ่งขึ้น ทำให้มีผลผลิตไข่ไก่จำหน่ายและลดภาระค่าใช้จ่าย” ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าว

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กล่าวว่า จากปรัชญา 3 ประโยชน์ ของประธานอาวุโสเครือซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ และความมุ่งมั่นร่วมร้อยเรียงความดี จึงได้มอบโครงการที่เป็นประโยชน์แก่กองทัพเรือ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลประเทศชาติและประชาชน เครือซีพีและซีพีเอฟได้ให้การสนับสนุนภารกิจของกองทัพมาโดยตลอด โดยเฉพาะกิจการเกษตรกรรมกองทัพเรือ ซึ่งบริษัทฯ สนับสนุนมาเป็นเวลามากกว่า 3 ทศวรรษ ด้วยการนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทันสมัยและองค์ความรู้ มาช่วยส่งเสริมและพัฒนาระบบการเลี้ยงสัตว์มาตรฐาน มอบโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ระบบปิด (EVAP) แก่ศูนย์เกษตรกรรมทหารเรือบางพระ เมื่อปี 2545 เพื่อเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลกองทัพเรือและครอบครัว ครั้งนี้บริษัทฯ สนับสนุนการปรับปรุงระบบ EVAP อุปกรณ์การเลี้ยง ระบบให้น้ำ ระบบฝ้าเพดานและม่านด้านข้าง ตาข่ายกันนกและกันงู

 

“การดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ ถือเป็นความร่วมมือทางวิชาการและกิจการเพื่อสังคมที่บริษัทฯ ร่วมสนับสนุนเป้าหมายกองทัพเรือที่ต้องการสร้างแหล่งเรียนรู้และเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลกองทัพเรือและครอบครัว โดยมอบงบประมาณพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญของซีพีเอฟ เพื่อให้บุคลากรสามารถนำเทคนิควิชาการที่ได้รับ ไปดำเนินโครงการได้เอง และต่อยอดสู่การเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้อื่นต่อไป” นายประสิทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ฝ่ายเกษตรกรรมทหารเรือบางพระ จัดทำแปลงสาธิตด้านเกษตรกรรม อาทิ การเลี้ยงสุกร การเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อจำหน่ายให้กับกำลังพลกองทัพเรือและครอบครัว และประชาชน ขณะเดียวกัน ยังเป็นแหล่งฝึกอาชีพให้กับกำลังพลและครอบครัว เพื่อให้มีอาชีพติดตัวยามเกษียณอายุราชการ ปัจจุบัน โครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนการปรับปรุงระบบการเลี้ยงใน 3 โรงเรือน เลี้ยงไก่โรงเรือนละ 5,000 ตัว คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568

X

Right Click

No right click