วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) แต่งตั้ง AWAM เป็นนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ และ DAOL SEC เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ผนึกบล. 4 แห่ง UOBKH PI GLOBLEX และ ASL ร่วมจัดจำหน่าย ออกหุ้นกู้ อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.75% ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน-ผู้ลงทุนรายใหญ่ เตรียมเงินลงทุนศึกษาความพร้อมการขยายแผนธุรกิจพลังงานและลงทุนในธุรกิจอื่นๆ พร้อมเป็นเงินทุนหมุนเวียน เปิดจองซื้อ 25-27 ต.ค. ออกหุ้นกู้ 28 ต.ค. นี้

นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมความพร้อมขยายศักยภาพการเสนอขายไฟจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยมีแผนจะยื่นข้อเสนอทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ให้ได้ในระดับ 1,500 เมกะวัตต์ ภายในระยะ 5 ปี ตามแผนที่วางไว้ รวมถึงศึกษาการลงทุนสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง

ทั้งนี้ บริษัทได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด เป็นนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ และบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าที่ตราไว้ 1,000 บาทต่อหน่วย มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6.75 ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้

สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินภายหลังจากการเสนอขายหุ้นกู้ WEH ในครั้งนี้ เพื่อลงทุนศึกษาความพร้อมการขยายแผนธุรกิจพลังงาน และการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 1,400 ล้านบาท รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ 600 ล้านบาท

โดยแผนขยายธุรกิจพลังงาน บริษัทเตรียมความพร้อมยื่นเสนอขายไฟโครงการพลังงานลม 9 โครงการ กำลังการผลิต 810 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 50,000 ล้านบาท

ในขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนศึกษาธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อาทิ ธุรกิจสุขภาพและความงาม ธุรกิจการเงิน รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพลังงาน เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง สามารถกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต

ด้าน นายฐิติพัฒน์ ทวีสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่าย Corporate Finance Solutions & REIT บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DAOL SEC) หนึ่งในผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ได้กำหนดวันจองซื้อช่วงระหว่างวันที่ 25-27 ต.ค. 2565 และออกหุ้นกู้ในวันที่ 28 ต.ค. 2565 โดยเป็นการเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ เพื่อให้ผู้ลงทุนที่สนใจได้พิจารณาลงทุน มีส่วนร่วมในการสร้างการเติบโตไปกับกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตมั่นคง ซึ่ง WEH มีศักยภาพการดำเนินงานโดดเด่น มีข้อได้เปรียบในการแข่งขันจากการเป็นผู้นำด้านพลังงานลมใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีแผนบริหารจัดการความเสี่ยงครอบคลุมในทุกมิติ อีกทั้งอัตราการทำกำไรอยู่ในระดับสูง

สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ WEH มีผู้จัดการการจำหน่ายฯ ร่วมอีก 4 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ด้านนายทะเบียนหุ้นกู้มี ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการ

WEH  กิจการด้านพลังงานลมขนาดใหญ่ในประเทศไทย สามารถสร้างการเติบโตต่อเนื่อง  ทำกำไร 40-50% ต่อปี วางแผนขยายกำลังการผลิต COD พลังงานลม แตะ 1,500 MW ใน 5 ปี พร้อมประกาศแผนธุรกิจลงทุนเพิ่ม Healthcare & Wellness และธุรกิจใหม่ศักยภาพสูงทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ยั่งยืน ตั้งเป้ารายได้ 3 ปี 15,000 ล้านบาท เตรียมเสนอขายหุ้นกู้รองรับการขยายธุรกิจ

นายณัฐพศิน เชฎฐ์อุดมลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่นเป็นหลัก มุ่งเน้นในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานลม ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวนทั้งสิ้น 8 โครงการ ด้วยขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง และบริหารจัดการโรงไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 717 เมกะวัตต์

โครงการทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทย่อยแต่ละแห่งในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดชัยภูมิ กระแสไฟฟ้าที่กลุ่มบริษัทผลิตได้ทั้งหมดถูกจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“กฟผ.”) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement: PPA) ซึ่งทุกโครงการได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) ให้กับ กฟผ. เป็นที่เรียบร้อย

โดยที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้จากการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเป็นหลัก สามารถรักษาการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากปี 2563 รายได้รวม 9,972 ล้านบาท ปี 2564 รายได้รวม 10,985 ล้านบาท โดยมีความสามารถการทำกำไรอยู่ในระดับ 40-50% ทุกปี และสามารถจ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในปี 2564 ทุกไตรมาสรวม 30.50 บาทต่อหุ้น

ขณะที่ ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 5,100 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายไฟฟ้า ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปริมาณลมลดลงจากปีที่แล้ว ส่วนรายได้อื่นสูงกว่าปีที่แล้ว มาจากกำไรจากเงินลงทุนในระยะสั้นที่ยังไม่รับรู้ 470 ล้านบาท ส่วนในด้านค่าใช้จ่ายต่างๆนั้นลดลง 110 ล้านบาท หรือ 13% และสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ถึง 4,900 ล้านบาท

สำหรับทิศทางในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 4 ถือเป็นไฮซีซั่นของทุกปี อีกทั้งได้รับอานิสงส์จากราคาค่าไฟของปี 2565 ที่ปรับสูงขึ้นจากค่า Ft ที่ประกาศจาก EGAT สูงขึ้นประมาณ 6% จากปีก่อน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ประมาณ 5-7% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท

นายณัฐพศิน กล่าวต่อถึงแผนธุรกิจในช่วง 3-5 ปี ต่อจากนี้ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มยอดกำลังการผลิตรวม COD จากพลังงานลม ให้แตะระดับ 1,500 เมกะวัตต์ ภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า รวมถึงมองหาโอกาสการลงทุนที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“บริษัทวางแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า เตรียมความพร้อมยื่นประมูลโครงการพลังงานลม 9 โครงการ กำลังการผลิต 810 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้ยื่นประมูลได้ในช่วงปลายปี 2565 ด้วยความพร้อมที่บริษัทมีในปัจจุบัน ทั้งด้านเงินทุน จากฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง อัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ อีกทั้งความพร้อมทางด้านบุคลากรมากประสบการณ์ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานทดแทน เชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทสามารถประมูลงานดังกล่าวได้ในสัดส่วนที่เหมาะสม” นายณัฐพศิน กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทเริ่มขยายธุรกิจนอกเหนือจากพลังงานลมไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ด้านสุขภาพและความงาม โดยบริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ผ่านบริษัทธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท)

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนศึกษาธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง อาทิ ประเทศเวียดนาม กลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรปตะวันออก สามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตภายใน 3 ปี แตะ 15,000 ล้านบาท

ด้านนางบุษกร กอดำรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทางการเงิน บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH กล่าวว่า จากแผนการดำเนินธุรกิจดังที่กล่าวมา บริษัทจึงเตรียมออกหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 6.75 ต่อปี เสนอขายไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ให้แก่ ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ลงทุนศึกษาความพร้อมการขยายแผนธุรกิจพลังงานและลงทุนในธุรกิจอื่นๆ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

อนึ่ง สำหรับข้อพิพาทต่างๆ ของบริษัทในปัจจุบันเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แม้ว่ายังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลหรืออนุญาโตตุลาการ ทั้งข้อพิพาทระหว่างครอบครัวของอดีตกรรมการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น และกรณีการโอนหุ้นไปยัง Golden Music Limited (“GML”) ปัจจุบันข้อพิพาทนี้อยู่ในขั้นตอนของการนัดพิจารณาเพื่อกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาของกระบวนการพิจารณาคดีทั้งหมด โดยบริษัทฯ คาดว่า ข้อพิพาทดังกล่าวน่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดในช่วงปลายปี 2566

อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าข้อพิพาทดังกล่าวไม่กระทบโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โครงสร้างการบริหารและการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากการดำเนินกิจการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมภายหลังจากที่

บริษัทในเครือต่าง ๆ ของบริษัทฯ ได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว ผู้บริหาร พนักงาน รวมถึงผู้รับจ้างดูแลบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ สามารถดำเนินกิจการดังกล่าวได้ในลักษณะของการเป็นการดำเนินธุรกิจปกติ (Operation) ตามมาตรฐานหรือแนวทางปฏิบัติที่ดีของการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม

Image previewImage preview

นพพร ศุภพิพัฒน์ เจ้าหนี้ ทวงค่าหุ้นจาก ณพ ณรงค์เดช ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

X

Right Click

No right click