ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มองภาคเกษตรไทยติดหล่มการพัฒนาจากข้อจำกัดในการสร้างมูลค่าเพิ่มทำให้มีรายได้และกำไรไม่เพียงพอในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยภาคเกษตรต่ำกว่านอกภาคการเกษตรอย่างมีนัยสำคัญ มีสิ่งชักจูงให้คนรุ่นใหม่ละทิ้งภาคเกษตรในขณะที่แรงงานเกษตรในปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยสูงที่ใกล้ออกจากตลาดแรงงานเพิ่มมากขึ้น แนะรัฐและเอกชนร่วมมือยกระดับเศรษฐกิจเกษตรไทยให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้ยังมีความต้องการในการทำงานในภาคเกษตรก่อนจะสายเกินไป
เศรษฐกิจภาคการเกษตรนับเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจภูมิภาคและเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับประชาชนที่มีถิ่นอาศัยในภูมิภาคโดยมีข้อจำกัดในตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรที่มักกระจุกตัวในเขต กรุงเทพ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และในพื้นที่เขตเมืองของจังหวัดในแต่ละภูมิภาคเท่านั้น โดยตามข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติชี้เศรษฐกิจภาคการเกษตรของไทยในปี 2565 มีมูลค่าราว 1.53 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 8.8% ของ GDP โดยในปี 2566 ttb analytics ประมาณการว่ามูลค่าเศรษฐกิจภาคการเกษตรคาดว่าจะลดลงเหลือเพียงสัดส่วน 8.6%
สัญญาณของสัดส่วนเศรษฐกิจภาคการเกษตรที่ปรับลดลงเล็กน้อยอาจดูไม่สะท้อนภาพ แต่ถ้ามองลึกลงไปพบว่า บทบาทเศรษฐกิจภาคการเกษตรมีทิศทางลดลงต่อเนื่อง หากเมื่อเทียบกับปี 2555 เศรษฐกิจภาคเกษตรไทยเคยมีสัดส่วน 11.5% ของ GDP ที่มูลค่า 1.42 ล้านล้านบาท โดยเมื่อพิจารณาเพียงผิวเผินอาจมองเป็นเรื่องปกติเนื่องจากสินค้าอุตสาหกรรมและภาคบริการจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าสินค้าเกษตร แต่หากเมื่อมองถึงอัตราการขยายตัวพบว่าภาคเศรษฐกิจการเกษตรไทยยังติดกับดักการสร้างมูลค่าเพิ่ม ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจภาคเกษตรไทยขยายตัวเพียง 7.7% ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ มีการขยายตัวในอัตราที่สูง เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย และเวียดนาม ขยายตัวอยู่ที่ 51.5% 82.7% และ 53.2% ตามลำดับ และรวมถึงประเทศที่เน้นบทบาทของการผลิตภาคอุตสาหกรรม เช่น จีน และเยอรมัน ที่ขยายตัว 68.6% และ 51.0% ตามลำดับ
สัญญาณการเติบโตที่ต่ำในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาของภาคการเกษตรไทย แสดงถึงข้อจำกัดในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรที่สามารถเพิ่มรายได้สร้างกำไรที่สูงขึ้นย้อนกลับไปหาเกษตรกรเพื่อใช้ยังชีพและเลี้ยงดูครอบครัว รวมถึงกำไรยังถือเป็นส่วนสำคัญของเกษตรกรที่จะนำมาใช้เพื่อลงทุนพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประกอบธุรกิจในมิติต่าง ๆ เช่น การซื้อที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลงทุนสร้างแหล่งกักเก็บน้ำในช่วงน้ำเยอะสำรองไว้ในช่วงน้ำน้อย หรือการลงทุนในเทคโนโลยีการเพาะปลูกทางการเกษตรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการเพาะปลูกในระยะยาว ซึ่งตามข้อเท็จจริงสะท้อนให้เห็นว่าเกษตรกรไม่สามารถลงทุนต่อยอดพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตใด ๆ ได้เลยจากรายได้ที่ดูเหมือนจะไม่เติบโตในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทาง ttb analytics ได้สรุปสาเหตุที่ภาคการเกษตรของไทยไม่สามารถขยายตัวได้ ตามเหตุผลหลัก ๆ ต่อไปนี้
1) เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงยึดติดกับการขายสินค้าเกษตรโดยไม่ผ่านการแปรรูปที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้ เนื่องจากสินค้าเกษตรเมื่อผ่านการแปรรูปย่อมมีมูลค่าเพิ่มจากกรรมวิธีการผลิตที่แปรรูปจากสินค้าเกษตรที่ไม่มีเอกลักษณ์ให้กลายเป็นสินค้าบริโภคที่มีความเฉพาะตัว รวมถึงสามารถเพิ่มมูลค่าผ่านรูปแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถสร้างให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มที่มีพฤติกรรมซื้อสินค้าต่างกันออกไป รวมถึงการแปรรูปยังสามารถช่วยลดการพึ่งพิงพ่อค้าคนกลางเพื่อให้ช่วยรับซื้อสินค้าจากข้อจำกัดเรื่องที่สินค้าเกษตรจัดอยู่ในกลุ่มที่เน่าเสียได้ง่าย
2) เกษตรกรไทยเผชิญกับปัญหาการกระจายรายได้จากผลผลิตที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่สามารถก้าวผ่านการเป็นผู้ผลิตเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการได้ จึงยังมีฐานะเป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าขั้นกลางให้กับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าขั้นสุดท้าย เช่น ในกรณีศึกษาข้าวขาวพบว่า ปี 2566 ข้าวขาวราคาเฉลี่ย 20.7 บาท/กิโลกรัม กำไรขั้นต้นของผู้ประกอบการก่อนหักต้นทุนการขายและการบริหารที่ราว 4.05 – 5.8 บาทต่อกิโลกรัม หรือคิดเป็นการกระจายรายได้จากผลผลิตขั้นสุดท้ายถึงมือผู้ประกอบการที่ 19.6% -24.5% ในขณะที่เกษตรกรไทยได้รับกำไรจากการเพาะปลูกข้าวเพียงราว 0.22 บาทต่อกิโลกรัม หรือคิดเป็นการกระจายรายได้ที่ย้อนกลับมาในมือของเกษตรกรคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.1% ของราคาข้าวขาวที่เป็นสินค้าบริโภคขั้นสุดท้าย
ดังนั้น บนสถานการณ์ที่ภาคการเกษตรไทยไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มที่จะทำให้รายได้ย้อนกลับสู่เกษตรกรได้เหมาะสม ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยของแรงงานภาคการเกษตรในปี 2565 อยู่ที่เพียง 128,000 บาทต่อคนต่อปี ในขณะที่กลุ่มแรงงานนอกภาคการเกษตรมีรายได้เฉลี่ยถึง 580,000 บาทต่อคนต่อปี ย่อมส่งผลต่อให้คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มละทิ้งภาคการเกษตรและหันเข้าทำงานในกลุ่มนอกภาคการเกษตรจากผลตอบแทนที่สูงกว่า สอดคล้องกับสถิติที่ชี้ชัดว่าในปี 2555 แรงงานในภาคการเกษตรมีจำนวนมากถึง 15.4 ล้านคน ในขณะที่ปี 2565 แรงงานภาคการเกษตรลดลงเหลือเพียง 11.9 ล้านคน และแรงงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นจาก 23.6 ล้านคนเป็น 27.3 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากในเชิงโครงสร้างยังพบว่าเกษตรกรไทยที่เป็นกลุ่มแรงงานในภาคการเกษตรมีอายุเฉลี่ยสูงถึง 62 ปี จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลต่อเนื่องว่าระยะถัดไปที่กลุ่มเกษตรกรเหล่านี้ออกจากตลาดแรงงานบนเงื่อนไขของแรงงานรุ่นใหม่เลือกไม่ทำงานในภาคการเกษตรจากผลตอบแทนที่ต่ำกว่า รวมถึงกลุ่มที่อยู่ในครอบครัวเกษตรและมีประสบการณ์ที่ครอบครัวทำการเกษตรมาตลอดชีวิตแต่ยังไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ก็คงไม่อยากจะเดินตามรอยครอบครัวที่ทำมาในอดีต ด้วยเหตุนี้ทาง ttb analytics จึงมองว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องช่วยกันยกระดับพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรไทยเพื่อให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเพียงพอเพื่อดึงดูดให้คนรุ่นใหม่มีความสนใจที่ยังทำงานในภาคการเกษตร ก่อนที่ต่อไปประเทศไทยจะไม่มีเกษตรกร คงเกิดคำถามว่าใครจะปลูกข้าวให้เรากิน
มนุษย์เงินเดือน หากจัดการเงินไม่เป็น ติดสไตล์สายเปย์ ก็มักจะหลงเข้าไปในวงจรการเงินแบบเดือนชนเดือน วันนี้ fintips by ttb #เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ ชวนคุณมาเปลี่ยน...จากมนุษย์เงินเดือนสายเปย์ไม่เลือก เป็นมนุษย์เงินเดือนสายเปย์แบบสมาร์ทให้คุณรู้จัก วางแผนใช้จ่าย เก็บออม และพร้อมลงมือทำ เพื่อการเงินที่ดีทั้งวันนี้และในอนาคต เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการเปิดบัญชีเงินฝาก พร้อมตัวช่วยอย่าง “บัตรเดบิต”
บัตรเดบิต ตัวช่วยให้คุณไม่ต้องพกเงินสด ซึ่งแต่ละการใช้จ่าย ยอดจะถูกตัดจากเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ที่ผูกกับบัตร ช่วยให้บริหารรายจ่ายได้ง่ายขึ้น ไม่เกินตัว เกินกำลัง ตามเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ก่อนจะทำบัตรเดบิตสักใบ มาดูกันกับ “5 เรื่องบัตรเดบิตต้องรู้”
บัตรเดบิตของแต่ละธนาคารย่อมมีเงื่อนไขการใช้แตกต่างกัน ก่อนสมัครจึงควรทำความเข้าใจกับเงื่อนไขของแต่ละบัตรให้ดีเพื่อเลือกทำบัตรที่ตรงกับความต้องการ อาทิ มีค่าธรรมเนียมอย่างไร มีเงื่อนไขฝากขั้นต่ำครั้งแรกหรือไม่ ซึ่งบัตรเดบิต ttb all free เป็นบัญชีเงินฝากใหม่ที่ให้ฟรีสารพัดรายการไม่ว่าจะเป็น
บัตรเดบิตเป็นการทำบัตรกดเงินที่ผูกเข้ากับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เพราะฉะนั้นเมื่ออยากเปิดบัญชีเงินฝากให้ตรงกับความต้องการจึงควรเลือกดูทั้งเรื่อง ค่าธรรมเนียม เงินฝากขั้นต่ำ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เงื่อนไขในการถอนเงิน เพื่อเปรียบเทียบประเภทบัญชีเงินฝากที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อต้องการเปิดบัญชีไว้ใช้จ่ายเป็นหลัก เก็บออมเป็นรอง ประเภทบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ฟรีอาจเป็นคำตอบที่ดีของใครหลายคน เช่น บัตรเดบิต ttb all free ที่สามารถใช้จ่ายได้อย่างอิสระ ไม่มีบวกเพิ่มค่าธรรมเนียมให้เป็นภาระการใช้จ่าย ใช้จ่ายบิล ซื้อของออนไลน์ หรือใช้จ่ายต่างประเทศก็ทำได้ ยิ่งถ้าเป็นคนชอบช้อปออนไลน์ ใช้จ่ายออนไลน์ หรือทำอะไรบนออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ บัตรเดบิต ttb all free ดิจิทัล จะช่วยตอบโจทย์ได้มาก ที่สำคัญไม่มีค่าธรรมเนียมออกบัตรและรายปี
ใส่ใจกับการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ฝึกทักษะทางการเงิน และการรับผิดชอบตัวเอง พร้อมตรวจสอบ และติดตามยอดเงินบัตรเดบิตผ่านแอปธนาคารฯ จะได้รู้ตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเมื่อไหร่ใช้จ่ายเยอะเกินไป
เมื่อมีบัตรเดบิตเป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญ คือ วิธีเก็บบัตรให้ปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคที่มิจฉาชีพเกลื่อนเมืองแถมเข้าถึงตัวได้ทุกเมื่อ ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังเรื่องของข้อมูลบัตรเดบิตเป็นพิเศษ ไม่ถ่ายรูปบัตรลงโซเชียลโดยเด็ดขาด รวมทั้งไม่บอกและไม่กรอกข้อมูลบัตรสุ่มสี่สุ่มห้า หากมีเหตุทำบัตรหล่นหาย หาบัตรไม่เจอ มีการแจ้งเตือนกดเงินที่ไม่ได้เป็นคนกดเอง
สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรก คือ การอายัดบัตร โดยลูกค้าทีทีบีสามารถอายัดบัตรผ่านแอป ttb touch ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
ข้อเปรียบเทียบสุดท้ายก่อนจะเลือกทำบัตรเดบิตสักใบคือเรื่องของความคุ้มค่า หลายคนจึงมองหาบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่าการเก็บเงินไว้เฉย ๆ เช่น การเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ฝากเงินไว้ครบตามเงื่อนไขก็จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี และมีบัตรเดบิตที่คุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย เช่น บัตรเดบิต ttb all free ฝากเงินไว้ได้ฟรีประกันอุบัติเหตุ เพียงเก็บเงินไว้ในบัญชีอย่างน้อย 5,000 บาท ก็ได้รับสิทธิ์เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาก่อน
ง่าย ๆ เพียงแสดงบัตร all free E-Care Card ในแอปพลิเคชัน ttb touch สถานพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ คุ้มครองสูงสุด 3,000 บาท/อุบัติเหตุ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
จะเห็นได้ว่าบัตรเดบิตก็สามารถเป็นตัวช่วยในการจัดการเรื่องเงินให้ดีขึ้นได้ และเป็นได้มากกว่าบัตรเดบิต ด้วยสิทธิประโยชน์อื่น ๆ หรือการดูแลคุ้มครอง…รู้อย่างนี้แล้ว มาวางแผนการเงินให้ดีขึ้นได้ด้วย บัตรเดบิตที่ตอบโจทย์ชีวิตมนุษย์เงินเดือนด้วยกันเถอะ!
ทีเอ็มบีธนชาต โดย นางประภาศิริ โฆษิตธนากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล (ซ้ายสุด) ร่วมมอบรางวัลและแสดงความยินดีแก่ผู้โชคดีจากการซื้อสลากบำรุงสภากาชาดไทย ประจำปี 2566 รายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือสังคมและสาธารณกุศลต่อไป ซึ่งผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลใหญ่ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C 220 d Av ได้แก่ นางสาวอโนชา เสนาะ (ที่ 2 จากซ้าย) และผู้ที่ได้รับรางวัลทองคำแท่งหนัก 10 บาท จำนวน 5 รางวัล ได้แก่ นายสมภพ อินทรประสงค์, นายกิตติ จรัสรัตน์วัฒนา, นางสาวนพมาศ วัฒนเลี้ยงใจ และนายศรัณย์ ศิริภัทรประวัติ (ตามลำดับที่ 3 จากซ้าย) นอกจากนี้ ธนาคารยังได้มอบของรางวัลให้กับผู้โชคดีท่านอื่น ๆ ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ “การให้” ผ่านสาขาธนาคารทั่วประเทศ ได้แก่ สร้อยคอทองคำหนัก 0.25 บาท จำนวน 50 รางวัล และทองแท่งน้ำหนัก 0.125 บาท จำนวน 660 รางวัล รวม 716 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ณ ทีทีบี สำนักงานใหญ่
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ส่ง ttb spark academy ร่วมขับเคลื่อน Tech & Data Ecosystem ปูโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลสำหรับประเทศ มุ่งพัฒนาคนรุ่นใหม่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล เปิดกว้างให้นิสิต นักศึกษาที่สนใจด้าน Tech & Data และสาขาอื่น ๆ เข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพให้แข็งแกร่ง ผ่านจุดแข็งที่แตกต่างจากองค์กรอื่น ด้วยการลงมือทำจริงและนำผลงานสู่ลูกค้าได้จริงจากการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ / บริการ และขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคนตลอดทุกช่วงชีวิต พร้อมเสริมมายเซ็ท (Mindset) เด็กรุ่นใหม่ให้สอดคล้องกับโลกความจริงของธุรกิจและอุตสาหกรรม
นายนริศ สถาผลเดชา ประธานกลุ่มงาน Data และ Analytics ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งนำองค์ความรู้และประสบการณ์ส่งต่อให้สังคมเพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่มาตอบโจทย์โลกยุคดิจิทัล ผ่านการสร้างพื้นที่แห่งความเป็นไปได้ โดย ttb spark academy ได้จัดทำโครงการ Tech & Data Internship Program พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ รวมถึงน้อง ๆ จากมหาวิทยาลัยที่มีความสนใจด้านเทคโนโลยีและฐานข้อมูล (Tech & Data) ได้มาสัมผัสและเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงจากพี่ ๆ ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยพัฒนาและต่อยอดความรู้ ความสามารถของเด็กรุ่นใหม่ (Tech & Data Talent) ให้แข็งแกร่ง พร้อมโอกาสเติบโตในสายงานในอนาคต โดยในช่วงที่ผ่านมาได้คัดเลือกนิสิต นักศึกษามาฝึกงานในสายงาน Tech & Data นำเสนอความคิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ จำนวน 69 คน จากผู้สมัครเกือบ 1,700 คน ผ่านการลงมือทำจริงและนำผลงานสู่ลูกค้าทีทีบีได้จริง
“การสร้าง Tech & Data Ecosystem ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลสำหรับประเทศ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การสร้าง ‘คน’ เข้ามาขับเคลื่อน ซึ่งบุคลากรด้าน Tech & Data มีความสำคัญกับประเทศอย่างมาก ไม่ใช่แค่ภาคการเงิน โดยสะท้อนได้จากความต้องการที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง และเกิดการแย่งชิงบุคลากรในสาขานี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะ Tech & Data Talent เหล่านี้ จะเป็นผู้ขับเคลื่อนยุคต่อไปของประเทศ แต่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) จะทำให้องค์ความรู้เปลี่ยนไปเร็วมาก บางครั้งสิ่งที่เรียนมาอาจจะไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ ttb spark academy ทำ คือ เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้พัฒนาศักยภาพทางด้าน Tech & Data ซึ่งเป็นศาสตร์สำคัญที่จำเป็นต่อโลกในยุคปัจจุบันและอนาคต”
โดย ttb spark academy ประกอบกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา ภายใต้ 3 เรื่อง คือ 1. Build ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ด้าน Tech & Data เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พร้อมสนับสนุนและพัฒนานิสิต นักศึกษาที่สนใจด้านเทคโนโลยีและ Data Scientist รวมไปถึงด้านการเงิน การธนาคาร การตลาด เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักรู้ถึงประโยชน์ของ Tech & Data และสามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ ผ่าน knowledge sharing session รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับโลกการทำงานจริงและสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรียนมาในภาคอุตสาหกรรมได้ โดยมีผู้สนใจสมัครร่วมโครงการจำนวนกว่า 2,000 คน 2. Groom ให้นิสิต นักศึกษามีโอกาสได้ค้นพบและทดลองสิ่งที่ตัวเองชอบผ่านการฝึกงานและการทำเวิร์คชอปในสาย Tech & Data จำนวน 69 คน จากผู้สมัครเกือบ 1,700 คน และ 3. Growth ต่อยอดให้นิสิต นักศึกษาที่ฝึกงานได้ทำงานจริงและนำมาต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นผ่านการสร้างดิจิทัลโซลูชันด้วยแนวคิด Humanized Digital Banking หรือ ดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เป็นมิตร รู้จัก และรู้ใจ พร้อมให้ความสำคัญกับการมี Mindset ที่สอดคล้องไปกับโลกความจริงของธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งทำให้ ttb spark academy มีจุดแข็งที่ทำให้ทีทีบีแตกต่างจากองค์กรอื่น ๆ
และล่าสุดทีทีบีร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านพัฒนาการศึกษายุคใหม่สู่การปฏิบัติจริงในการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านดิจิทัลและดาต้า รวมถึงด้านอื่น ๆ ที่สามารถประยุกต์เข้ากันได้ เพื่อตอบสนองต่อการใช้ประโยชน์ทั้งในภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานที่มีความจำเป็นต่อภาคธุรกิจในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งเน้นสนับสนุนและพัฒนากำลังคนด้าน Data Science ที่สนใจในธุรกิจการเงิน การธนาคาร และการตลาด โดยทีทีบีเปิดพื้นที่สร้างประสบการณ์การทำงานจริงในช่วงการฝึกงานให้นิสิต นักศึกษา ภายใต้โครงการ "Stat Chula Project-Based Summer Internship Program" ที่เป็นความร่วมมือต่อเนื่องมาแล้วถึง 3 ปี
“ประเทศของเราต้องการพัฒนา Digital Transformation ที่มากกว่านี้ บุคลากรต้องสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ttb spark academy จึงไม่เพียงเปิดประตูวิสัยทัศน์ของการธนาคารดิจิทัลที่มุ่งเน้นความเป็นมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมและปั้น Young Tech และ Data Talent เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์และขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงิน โดยในการฝึกงาน เรามองนักศึกษาเป็นเหมือนพนักงานคนหนึ่งและมีพี่เลี้ยง (Mentor) ประกบแบบ 1 ต่อ 1 พร้อมวางเป้าหมายของการฝึกงาน นอกจากนี้ยังเปิดกว้างให้นิสิต นักศึกษาที่เรียนด้านเศรษฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ บัญชี และอื่น ๆ เข้าร่วมโครงการ เพราะคนทำงาน Tech & Data ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ไปพร้อมกัน คือ นอกจากเข้าใจในหลักการแล้ว ต้องเข้าใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง เพื่อนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละคนตลอดทุกช่วงชีวิต ตอกย้ำการเป็นธนาคารผู้นำด้านการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย” นายนริศ กล่าวสรุป
ข้อมูลเพิ่มเติม Data Science หรือ วิทยาการข้อมูล คือ กระบวนการนำข้อมูลมาสร้างมูลค่า ผ่านการวิเคราะห์ วิจัย เพื่อทำความเข้าใจว่าข้อมูลเหล่านี้จะสามารถช่วยธุรกิจในแง่มุมไหนได้บ้าง จากนั้นจะเป็นการนำข้อมูลมาต่อยอดเพื่อสร้างผลประโยชน์ ซึ่งมีความสำคัญกับธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะองค์กรที่ทำงานแบบ Data Driven เพราะจะช่วยให้กระบวนการการทำงานของธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ช่วยลดงาน ลดความเสี่ยง ความผิดพลาด รวมถึงช่วยวัดผลได้อย่างถูกต้องและตัดสินใจได้ดีมากยิ่งขึ้น