December 15, 2025

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เผยกลยุทธ์กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจ SME ในปี 2568 ยังคงสานต่อกลยุทธ์ 3GO อันประกอบด้วย ‘GO Green, GO Digital และ GO Beyond’ พร้อมเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ โดยนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจไทย รวมถึงให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการเยี่ยมเยือนและให้คำปรึกษาเชิงรุกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจและการเติบโตของผู้ประกอบการ SME โดยเรามองว่ายังคงมีความเปราะบาง ทั้งนี้ กรุงศรียังคงสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการช่วยเหลือ ส่งมอบโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการ และการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัวจากผลกระทบต่างๆ พร้อมทั้งพัฒนาแนวทางในการเสริมสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านการเงินและสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม เพื่อให้ลูกค้าก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยในปี 2567 ยอดสินเชื่อคงค้างของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME อยู่ที่กว่า 337,264 ล้านบาท”

สำหรับทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ในปี 2568 นี้ ธนาคารยังคงสานต่อความสำเร็จจากกลยุทธ์ 3GO จากปีที่ผ่านมา      

  • GO Green: การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจตามกรอบของ ESG ซึ่งในปีที่ผ่านมา กรุงศรี ได้นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อ SME เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ประกอบด้วย 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สินเชื่อสำหรับธุรกิจที่เป็นผู้ผลิต ผู้ติดตั้ง ผู้ค้าผลิตภัณฑ์ หรือผู้ให้บริการโซลูชันเพื่อสร้างความยั่งยืน สินเชื่อสำหรับธุรกิจที่ทำการลงทุนผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สินเชื่อสำหรับธุรกิจทั่วไปที่ต้องการลงทุนเพื่อบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อสำหรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อธุรกิจ อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องในเรื่อง ESG โดยแนวทางในปี 2568 จะยังคงสานต่อการให้คำปรึกษาร่วมกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของ ESG ผ่านกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่อง ได้แก่ Krungsri ESG Academy รุ่นที่ 2 Krungsri ESG Awards 2568 ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และงานสัมมนา Krungsri-MUFG Sustainability Forum
  • GO Digital: ในปีที่ผ่านมา กรุงศรีมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลให้ครอบคลุมและครบวงจรสำหรับลูกค้า  SME ทุกขนาด ส่งผลให้ปริมาณการใช้บริการดิจิทัลแบงก์กิ้งเพื่อธุรกิจ Krungsri Biz Online เติบโตสูงถึง 70% และยังได้พัฒนา Krungsri Supply Chain and Banking Solution ที่ช่วยบริหารจัดการธุรกรรมทางการเงินสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับปี 2568 กรุงศรีต่อยอดการพัฒนา "Krungsri The Living Room...One Place for Business" แพลตฟอร์มพอร์ทัลที่รวมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารและข้อมูลสำคัญ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ข้อมูลความรู้ด้าน ESG และอื่นๆ ภายในแหล่งเดียว ช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และข้อมูลต่างๆ
  • GO Beyond: การสนับสนุนลูกค้าในการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคและผลิตภัณฑ์บริการด้านการค้าต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา ได้มีการขยายฐานสมาชิก Krungsri Business Link แพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศของธนาคาร โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 9,000 บริษัท และส่งผลให้เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 254 คู่ ทั้งนี้ ในปี 2568 นอกเหนือจากการช่วยขยายตลาดให้กับลูกค้า กรุงศรีจะขยายการให้สินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ได้แก่ เกษตร อาหารและเครื่องดื่ม อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงพัฒนาบริการด้านธุรกรรมระหว่างประเทศผ่านช่องทางดิจิทัล Krungsri TradeLink และ Krungsri CashLink ให้สะดวกและครอบคลุมบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น

“ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกปี 2568 ที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย แม้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผู้ประกอบการ SME ไทย ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาด้านโครงสร้างภายในประเทศและการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนดังกล่าว เราจึงมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพของสินเชื่อ SME สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและคุณภาพสินทรัพย์ เน้นการทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าผ่านการเยี่ยมเยือนและให้คำปรึกษาเชิงรุกโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกันวางแผนการบริหารความเสี่ยง พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่เหมาะสมและตอบโจทย์ โดยเน้นที่การสนับสนุนด้านสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและต่อยอดการทำธุรกิจ ทั้งนี้ กรุงศรี จะยังคงมุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในฐานะพันธมิตรที่พร้อมเดินเคียงข้างผู้ประกอบการสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ บริษัท เอ็กซ์เพรสซอฟท์แวร์กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์บัญชีสำเร็จรูป เปิดให้บริการ Krungsri Bill Payment Online ที่เชื่อมต่อระบบการรับชำระเงินเข้ากับซอฟต์แวร์บัญชี เพื่อให้ธุรกิจ SME สามารถรับชำระเงินได้ง่าย ๆ ลูกค้าจ่ายเงินได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ที่สำคัญ SME สามารถใช้ได้ทันที ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบไอที

นางสาวนิลวรรณ จีระบุญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกรรมการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี และ เอ็กซ์เพรสซอฟท์แวร์กรุ๊ป ได้ทำงานร่วมกัน เพื่อเชื่อมต่อระบบการรับชำระเงิน (Krungsri Bill Payment Online) ด้วยเทคโนโลยี API เข้ากับโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ SME ก้าวข้ามข้อจำกัดในการลงทุนด้านไอทีเพื่อเชื่อมต่อระบบ รวมทั้งลดความยุ่งยากในการจัดการใบแจ้งหนี้และการกระทบยอดบัญชี โดยระบบนี้จะสร้าง QR ลงในใบแจ้งหนี้ (Invoice) ของร้านค้า SME เพื่อให้ลูกค้าชำระเงินด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดได้ทันที ซึ่งเป็นความสะดวกประการแรก ขณะเดียวกันเมื่อลูกค้าชำระเงิน ระบบจะทำการจับคู่ยอดเงินกับใบแจ้งหนี้ทันทีว่ายอดเงินที่ชำระเข้ามานั้นมาจากลูกค้ารายใด ถูกต้องหรือไม่ จากใบแจ้งหนี้ฉบับใด (Auto invoice Matching) พร้อมทั้งจัดการกระทบยอดบัญชีให้แบบเรียลไทม์ นับเป็นการช่วยบริหารจัดการด้านบัญชีและการเงินให้กับธุรกิจ เพิ่มความสะดวกไปอีกขั้น ซึ่งโซลูชันนี้จะเป็นประโยชน์กับ SME ขนาดเล็กให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการรับชำระเงินได้ โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากกับทรัพยากรด้านไอทีในการเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่เอง”

“นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของเราในปีนี้ โดยใช้ความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี API เข้าไปเชื่อมต่อกับระบบต่างๆ เพื่อช่วยให้การรับชำระเงินง่าย สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการความเข้าใจในธุรกิจของลูกค้าและนำมาพัฒนาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

นายสุทัศน์ สกุลนิวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และ General Manager บริษัท เอ็กซ์เพรสซอฟท์แวร์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “เอ็กซ์เพรสอยู่ในธุรกิจและทำงานใกล้ชิดกับธุรกิจ SME มาอย่างยาวนาน เรายังคงพัฒนาโซลูชันต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจ และเราก็มองหาพันธมิตรที่เข้าใจและมีเป้าหมายในการทำงานที่สอดคล้องกันเพื่อลูกค้า SME ให้สามารถทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัวและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งโซลูชัน Krungsri Bill Payment Online สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจพฤติกรรมและข้อจำกัดของผู้ประกอบการ SME อย่างลึกซึ้ง และพัฒนาโซลูชันเพื่อสนับสนุนและยกระดับบริการด้านการชำระเงินไปอีกขั้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่ช่วยตอบโจทย์ธุรกิจ SME ให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีการชำระเงินได้เป็นอย่างดี”

ปัจจุบัน เอ็กซ์เพรสซอฟท์แวร์กรุ๊ป เป็นระบบซอฟต์แวร์บัญชีสำเร็จรูปสัญชาติไทยที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากว่า 37 ปี และมีลูกค้าธุรกิจที่ใช้งานกว่า 95,000 ราย ทั้งในรูปแบบ On-Premise และ On-Cloudโดยมีระบบช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

พิเศษ สำหรับ SME ที่เชื่อมต่อระบบบัญชีกับ Express ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2568 ฟรี! ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมการรับชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์  (Krungsri Bill Payment Online)

วิจัยกรุงศรี โดย ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) มหาชน แถลงภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 3.3% พร้อมปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 2.7% ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซียน-5 ยังเติบโตดีต่อเนื่องอยู่ที่ 4.6%

เศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 3.3% แต่เป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายลงของเงินเฟ้อซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ขณะเดียวกันยังเปิดทางให้ประเทศแกนหลักทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงต่อภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม การเติบโตทางเศรษฐกิจจะถูกกดดันจากหลายปัจจัย อาทิ ผลพวงจากอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆ ที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต ท่ามกลางภาระหนี้จำนวนมากของภาครัฐและภาคเอกชน ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์  นอกจากนี้ การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจซึ่งนำโดยสหรัฐฯ และจีน ผ่านการกีดกันทางการค้าด้านภาษีและมิใช่ภาษีศุลกากรที่รุนแรงขึ้น อาจจุดชนวนสงครามการค้ารอบใหม่และตอกย้ำกระแสโลกาภิวัตน์ย้อนกลับ (Deglobalization) ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมต่อการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจทั่วโลก

สำหรับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตจากปัจจัยบวกชั่วคราว ท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศและกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ในปี 2568 ปรับดีขึ้นเล็กน้อยจาก 2.5% ในปี 2567 ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจาก (i) ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องแม้จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 35.5 ล้านคนในปี 2567 ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น การปรับตัวของอุปทานทั้งจำนวนเที่ยวบินและการขยายเส้นทางการบินเพิ่มเติม รวมทั้งมาตรการ Visa Free  (ii) การใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและกลับมาเป็นปกติหลังจากมีการเบิกจ่ายล่าช้าในปีงบประมาณ 2567 ประกอบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ที่เพิ่มขึ้นจากปีงบฯ ก่อน 4.2% และเป็นงบขาดดุลที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.5% ของ GDP (iii) การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวที่ 2.6% หลังจากที่หดตัว -1.6% ในปี 2567 แรงหนุนจากยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในปี 2567 ที่มีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะข้างหน้า ขณะที่ปัญหาเชิงโครงสร้างในหลายอุตสาหกรรมอาจเป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนที่มีแนวโน้มแผ่วลงในปี 2568 ได้แก่ (i) การส่งออก ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ชะลอลงจากปี 2567 แม้ยังได้อานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและการค้าโลก นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การส่งออกมีแนวโน้มเติบโตอย่างจำกัดเนื่องจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น จากการปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคการผลิตในประเทศที่มีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย (ii) การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอลงในปี 2568 แม้คาดว่าจะขยายตัวใกล้เคียงกับการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ปัจจัยบวกจากการปรับดีขึ้นต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวที่หนุนการจ้างงานในภาคบริการ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศผ่านโครงการ Easy E-Receipt ในช่วงต้นปี รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนยังคงถูกจำกัดเนื่องจากรายได้ที่แท้จริงของแรงงานยังฟื้นตัวช้า ประกอบกับมูลค่าสินทรัพย์ของครัวเรือนที่ลดลงในกลุ่มรายได้ปานกลางลงมา ขณะที่รายได้เกษตรกรมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 2567 ผลจากปัจจัยด้านราคาเป็นหลัก นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการบรรเทาภาระหนี้แก่กลุ่มเปราะบาง

ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.00% ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกันไม่ได้มีการส่งสัญญาณว่าเป็นวงจรดอกเบี้ยขาลง โดยระบุว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.00% นั้นสอดคล้องกับการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจล่าสุดและสามารถรองรับความไม่แน่นอนได้ในระยะข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม วิจัยกรุงศรีจึงคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.00% ในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 2568 มีแนวโน้มอยู่ใกล้ขอบล่างของกรอบเงินเฟ้อเป้าหมาย เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ใกล้เคียงกับปีก่อน ประกอบกับทางการยังคงดำเนินมาตรการบรรเทาค่าครองชีพทางด้านราคาพลังงานในประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ราคาน้ำมันดีเซล และค่ากระแสไฟฟ้า

แม้เศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมในปี 2568 จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยแรงสนับสนุนจากหลายปัจจัย แต่ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายสำคัญ ได้แก่ (i) ความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (ii) การหลั่งไหลของสินค้านำเข้าจากจีน (iii) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง และ (iv) ปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ภาวะสังคมสูงอายุ หนี้ครัวเรือนสูง และความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง

แนวโน้มธุรกิจและอุตสาหกรรมในปี 2568

ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของไทยโดยรวมในปี 2568 มีทิศทางทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคบริการสมัยใหม่ เช่น ธุรกิจโรงแรมและโรงพยาบาล รวมถึงอุตสาหกรรมไฮเทคอย่างรถยนต์ไฟฟ้าและดาต้าเซนเตอร์ที่สอดรับกับอุตสาหกรรม 5.0 ที่มุ่งเน้นรองรับเทคโนโลยีดิจิทัลพร้อมไปกับกระแสรักษ์โลก  ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์และอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้จะมีปัจจัยท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและความตึงเครียดทางการค้าที่อาจกระทบการส่งออก

แนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียนในปี 2568

เศรษฐกิจอาเซียน-5 ในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 4.6% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.5% โดยมีแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศ การส่งออก และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ในปีนี้อาเซียนยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อาจเพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจผ่านทั้งช่องทางการค้าและช่องทางการเงิน เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และจีน เริ่มอ่อนแรงลง จากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังมีความท้าทายจากการนำภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax: GMT) มาใช้ ซึ่งอาจกระทบต่อกระแสการลงทุนจากต่างประเทศ ด้านนโยบายการเงินในปีนี้ คาดว่าธนาคารกลางในภูมิภาคมีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป สอดคล้องกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงจากภาวะการเงินโลกที่อาจตึงตัวขึ้นอันเป็นผลจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อจังหวะและขนาดของการปรับอัตราดอกเบี้ยในแต่ละประเทศ

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่สมัครและชำระค่าเบี้ยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบรายปีในปีแรก ตามแผนประกันที่เข้าร่วมรายการของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต และ บมจ. ไทยประกันชีวิต ผ่านสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 31 มีนาคม 2568 โดยคำขอเอาประกันได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 และไม่ใช้สิทธิ์ยกเลิกกรมธรรม์ หรือถูกบอกล้างโดยบริษัทประกัน รับเงินคืนเข้าบัญชีออมทรัพย์ตามรายละเอียดดังนี้

นอกจากนี้ ยังจะได้รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE หรือ KRUNGSRI PRIME เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรกตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้าที่มียอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 5 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 5 แสนบาท แต่ไม่ถึง 1 ล้านบาท หรือรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้าที่มียอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ภายในปีปฏิทินเดียวกัน และภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกัน
  • หรือรับสถานะ KRUNGSRI PRIME เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้ายอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 2 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 2 แสนบาทแต่ไม่ถึง 5 แสนบาท ภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกันและกรมธรรม์เดียวกัน

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/personal/insurance 

*ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้จากสื่อต่าง ๆ ของธนาคาร

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ภาคภูมิใจในการก้าวสู่ปีที่ 80 หมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงรากฐานอันแข็งแกร่งซึ่งเกิดจากความไว้วางใจ นวัตกรรมอันสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นที่จะทำให้ “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” (Make Life Simple) โดยธนาคารยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมาย “ยืนหนึ่งการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” ในปี 2568 กรุงศรีจะยังคงรักษาบทบาทในการช่วยกำหนดภูมิทัศน์การเงินของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด Shaping Future Together” ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน สร้างโอกาสความเป็นไปได้ทางด้านการเงิน และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนสำหรับภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม

นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในโอกาสครบรอบ 80 ปีของกรุงศรี และก้าวสู่ปีที่สองของแผนธุรกิจระยะกลาง (Medium-Term Business Plan: MTBP) ฉบับปัจจุบันซึ่งครอบคลุมปี 2567-2569 เราได้ย้อนทบทวนถึงการเดินทางตลอดระยะเวลากว่า 80 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างขึ้นจากความไว้วางใจ นวัตกรรม และความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจ  คุณค่าเหล่านี้ได้นำพาเรามาถึงจุดที่เรายืนอยู่ในวันนี้  นับจากนี้และอนาคตข้างหน้า เราจะขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นที่มากกว่าเดิมเพื่อสร้างอนาคตที่ประเด็นเรื่องความยั่งยืนและดิจิทัลเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่การเติบโต “Shaping Future Together” หรือคำว่า “ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน” เป็นมากกว่าแค่แนวคิด และมีนัยครอบคลุมหลากหลายมิติ ไม่ใช่หมายความถึงอนาคตของกรุงศรีเท่านั้น แต่หมายถึงอนาคตของลูกค้าและสังคมอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการบอกให้เราทุกคนลงมือทำ และมุ่งเป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชันทางการเงินใหม่ ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ ผู้คน และชุมชน ไม่เพียงในประเทศไทย แต่ยังรวมถึงทั่วภูมิภาคอาเซียนและอื่นๆ ด้วย”

การเติบโตอย่างสมดุลทางการเงินในปี 2567

ปี 2567 กรุงศรีเติบโตอย่างสมดุล ด้วยผลกำไรสุทธิจำนวน 29,700 ล้านบาท สะท้อนถึงความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจแม้ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ความมุ่งมั่นอย่างไม่หยุดยั้งในด้านความยั่งยืนและการเงินที่รับผิดชอบสะท้อนให้เห็นผ่านการเป็นผู้นำทั้งในด้าน ESG และการเงินเพื่อความยั่งยืน เช่นเดียวกับการลงทุนในดิจิทัลโซลูชันและเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง รวมทั้งการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มข้น โดยความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย

  • ความเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน: กรุงศรีรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำในการเป็น ESG bond underwriting ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 19%
  • บริการทางการเงินด้วย AI (AI-Power Banking Service): กรุงศรีได้นำระบบการประเมินราคาด้วย AI และโซลูชันการเติมเงินสดที่เครื่อง ATM ซึ่งใช้เทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการแก่ลูกค้า และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

คำมั่นสัญญาสู่อนาคตที่ยั่งยืน

ความมุ่งมั่นของกรุงศรีไม่เพียงบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับธุรกิจหลัก (Core Business) แต่ยังมุ่งเสริมสร้างสังคมที่ยั่งยืน ซึ่งขมวดทั้งเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมไว้ด้วยกันและยึดโยงกันอย่างแนบแน่น โดยกรุงศรีได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Krungsri Net Zero Vision) ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยเหลือลูกค้าในการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ  โครงการด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จในปี 2567 รวมถึงการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางความยั่งยืนให้กับองค์กรธุรกิจ และ SME มากกว่า 500 ราย ผ่านหลักสูตร ESG Academy และ ESG Symposium ซึ่งเป็นสุดยอดการประชุมสัมมนาด้าน ESG ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืน และอีกหนึ่งโครงการด้านความยั่งยืนที่สำคัญในปีที่ผ่านมา คือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยการนำเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานมาใช้ในกระบวนการทำงาน โครงการลดปริมาณขยะ และการใช้พลังงานทางเลือก

การขยายเครือข่ายในภูมิภาคอาเซียน

การขยายเครือข่ายธุรกิจของกรุงศรีในอาเซียนได้สร้างความแข็งแกร่งในการเป็นสถาบันการเงินชั้นนำแห่งภูมิภาคอย่างชัดเจน ปัจจุบันเครือข่ายของกรุงศรีครอบคลุมไปยังประเทศต่าง ๆ ประกอบด้วย สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งให้บริการลูกค้ารวมกว่า 19 ล้านราย ในปี 2567 ที่ผ่านมา กรุงศรียังได้เปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Cross-Border Payment) ให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ใน 8 ประเทศ ซึ่งรวมถึงใน สปป.ลาว ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ กรุงศรี ยังขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-อาเซียน ผ่านการจัดงานประชุมจับคู่ธุรกิจ Japan-ASEAN Startup Business Matching 2024 ที่ช่วยสร้างโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ ๆ ในภาคส่วนที่สำคัญหลายด้าน อาทิ HealthTech Fintech และ ESG

กลยุทธ์สู่อนาคตในปี 2568

ก้าวต่อไปในปี 2568 กรุงศรีจะมุ่งเน้นการดำเนินงานในเรื่อง Corporate Transformation เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต ผ่านกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

  • ONE Krungsri: มุ่งดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ ONE Krungsri ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว มีความคล่องตัว และยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อระหว่างหน่วยงานทั้งหมดภายในกรุงศรีและธุรกิจต่าง ๆ ในอาเซียน ธนาคารจึงได้ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจ เพื่อเสริมโอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจในภูมิภาค
  • การขยายเครือข่ายในอาเซียน: สร้างความแข็งแกร่งให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน และโซลูชันการเงินดิจิทัล โดยกรุงศรีมุ่งเป้ายกระดับสถานะในภูมิภาคให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ขณะที่ยังสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนด้วย
  • ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน: เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน กรุงศรีได้ตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน (Social and Sustainable Finance) ให้ถึง 250,000 ล้านบาทในปี 2573 เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ กรุงศรีจะเดินหน้าให้การสนับสนุนลูกค้าผ่านโซลูชันการเงินเพื่อความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการการเงินสีเขียว

การลงทุนด้านบุคลากรและเทคโนโลยี

กรุงศรีมุ่งลงทุนในด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยกลยุทธ์ People Xcellence ที่สนับสนุนการพัฒนาความเป็นผู้นำให้กับบุคลากร การปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานภายในภูมิภาค และการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เท่าเทียม  รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลแบงก์กิ้ง การวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) และการใช้เทคโนโลยี AI ในการพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ความต้องการของผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง (Human-centric innovations) เพื่อยกระดับการให้บริการและประสบการณ์ลูกค้า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญ ได้แก่ Embedded Finance Solutions ซึ่งหมายถึงโซลูชันบริการทางการเงินแบบฝังตัวผ่านความร่วมมือกับแพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำ ผสานเข้ากับชีวิตประจำวันของลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ และช่วยให้สามารถทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตง่ายได้ทุกวันอย่างแท้จริง

กรุงศรี ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลและการเติบโตที่ยั่งยืน โดยคาดว่าตลอดปี 2568 ยอดเงินให้สินเชื่อจะเติบโตที่ 2-4% ตั้งเป้าหมายของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.8-4.1% ธนาคารคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) จะอยู่ที่ 3.25-3.50% ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost-to-income ratio) จะอยู่ในระดับ Mid-40s%.

“อนาคตเริ่มต้นวันนี้ ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน เราเชื่อว่าความท้าทายจะนำมาซึ่งโอกาสอันยิ่งใหญ่ พัฒนาการและการเปลี่ยนผ่านตลอดเส้นทาง 80 ปีของเราเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้เราก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนและดิจิทัลแบงก์กิ้ง เราจะขับเคลื่อนการเติบโตไปด้วยกัน เปิดรับนวัตกรรม และยึดมั่นในเป้าหมาย เพื่อให้ลูกค้ามี ชีวิตง่ายได้ทุกวัน” นายเคนอิจิ กล่าวปิดท้าย

X

Right Click

No right click