ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลเป็นส่วนหนึ่งของระบบการค้าระหว่างประเทศ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และต่อไปสู่อนาคต เพราะเป็นเพียงการขนส่งชนิดเดียวที่ขนส่งสินค้าได้คราวละมาก ๆ และค่าระวางเรือมีราคาถูกกว่าการขนส่งในรูปแบบอื่น ๆ อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือจึงเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกิจการเดินเรือขนส่งและกิจการการค้าระหว่างประเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง จึงสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มพาณิชยนาวีมาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ทศวรรษ และได้ขยายการสนับสนุนเพื่อให้ครอบคลุมถึงธุรกิจบริการวิศวกรรมทางทะเล ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพเทียบเท่าสากล เพราะเป็นธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ในบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย EXIM BANK ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ประกอบการพาณิชยนาวีของไทยที่มีศักยภาพในการขยายและเพิ่มประสิทธิภาพกองเรือ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน (Blue Economy) โดยใช้กองเรือไทยที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และอัตราการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
ดร.รักษ์ กล่าวว่า บริษัทเดินเรือส่วนใหญ่ได้ขอสนับสนุนในการลงทุนต่อเรือใหม่สำหรับใช้ขนส่งสินค้าข้ามทวีปในเส้นทางเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง และเพิ่มอุปทานธุรกิจบริการขนส่งสินค้าของกองเรือไทย แต่การสนับสนุนธุรกิจทางทะเล EXIM BANK ได้ขยายการสนับสนุนเพิ่มเติมไปถึงการต่อเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เพื่อให้บริการในทะเลรูปแบบอื่น ๆ หนึ่งในนั้นคือ การให้บริการงานวิศวกรรมทางทะเล ซ่อมบำรุง ติดตั้งและรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเพราะเป็นผู้ให้บริการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางพลังงาน และสร้างรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ
ลูกค้าของ EXIM BANK ที่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนหมุนเวียนและการค้ำประกันสัญญาธุรกิจคือ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทในเครือ TTA เป็นผู้ให้บริการงานนอกชายฝั่งและวิศวกรรมใต้น้ำ (Subsea Engineering) ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง (Offshore) สามารถรุกตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ชายฝั่งในซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ รวมทั้งได้รับงานจาก บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือและมาตรฐานการทำงานระดับโลก ต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยกลุ่มบริษัทเมอร์เมดเป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียว ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทน้ำมันชั้นนำทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง นับว่าเป็นบริษัทที่มีคุณภาพระดับโลกและเป็นธุรกิจของคนไทยที่สามารถเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ด้วย
นายพิบูลย์ บัวคุณงามเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้มาจากการที่บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ลดการพึ่งพาต่างชาติในธุรกิจที่มีความสำคัญและเป็นรากฐานของแหล่งพลังงานในอ่าวไทย จึงได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในด้านให้บริการงานวิศวกรรมทางทะเล รองรับความต้องการของลูกค้าในประเทศ ลูกค้าส่วนใหญ่คือ บริษัทที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย ต่อมาได้ขยายธุรกิจการให้บริการออกไปยังภูมิภาคอาเซียน และในต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ กลุ่มลูกค้าตลาดต่างประเทศ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
“จุดแข็งของบริษัทคือ นโยบายด้านความปลอดภัย คุณภาพที่เชื่อถือได้ และประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับการบริการที่มีมาตรฐาน ตรงต่อเวลา จึงเกิดเป็นความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีกองเรือ เรือของบริษัทเอง ที่พร้อมให้บริการลูกค้า และยังได้ทำสัญญาเช่าเรือระยะยาวกับพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการได้อย่างเหมาะสม ทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกที่มีการแข่งขันรุงแรงขึ้นในปัจจุบัน” นายพิบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ความท้าทายในอนาคตของธุรกิจซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในการเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิลไปเป็นพลังงานทางเลือกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูกค้ามีการพิจารณาปรับแผนการลงทุนระยะยาวบางส่วน และมองหาการลงทุนระยะกลางและระยะสั้น การขุดเจาะสำรวจน้ำมันอาจจะลดลงอนาคต แต่บริษัทรับงานการถอนติดตั้งแท่นขุดเจาะที่หมดอายุสัมปทานด้วย และในอนาคตสามารถที่จะปรับเปลี่ยนไปให้บริการแก่ธุรกิจพลังงานทางเลือก ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสม
นายพิบูลย์ กล่าวว่า EXIM BANK มีความสำคัญอย่างมากต่อการส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง การได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความพร้อมและเหมาะสมรองรับการดำเนินงานและการขยายตัวของผู้ประกอบการไทย จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบ และช่วยให้ผู้ประกอบการไทย สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างยั่งยืน สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เป็นส่วนร่วมที่สำคัญให้กับประเทศไทย ในการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ทัดเทียมกับนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ
หากผู้ประกอบการต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ EXIM BANK มีบริการทางการเงินที่หลากหลายและครบวงจร รวมทั้งเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นในเวทีการค้าโลก ปรึกษาปัญหาธุรกิจกับ EXIM BANK โทร. 0 2169 9999
ชมวิดีโอสัมภาษณ์นายพิบูลย์ บัวคุณงามเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เรื่อง “เมอร์เมด มาริไทม์…ผู้นำระดับโลกด้านวิศวกรรมทางทะเล” ได้ที่นี่