ไทยพาณิชย์ โพรเทค เปิดแผนธุรกิจปี 2566 ต่อยอดทิศทางแบงก์แม่ จับโจทย์ผลิตภัณฑ์ประกันเป็นหนึ่งในรากฐานการสร้างความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์บริการที่เชื่อมถึงกันแบบไร้รอยต่อจากทุกช่องทางสู่ทุกภูมิภาคจากการวางระบบรากฐานข้อมูลเทคโนโลยีจากสำนักงานใหญ่ เพื่อการให้บริการที่เข้าใจง่ายและใส่ใจ ครอบคลุมทั่วพื้นที่สำคัญในประเทศไทยเพื่อการเติบโตระยะยาว ประเดิมเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก เพื่อสนับสนุนศักยภาพงานขายและบริการเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันกลุ่มราคาสุดคุ้ม เพื่อช่วยตั้งต้นวางแผนชีวิตอย่างมั่นคงสำหรับกลุ่มอาชีพอิสระ โดยออกแบบประกันกลุ่มอุบัติเหตุสุดคุ้มเริ่มต้นเพียง 225 บาทต่อปี นำร่อง 5 องค์กรภาคธุรกิจและท่องเที่ยวเชียงใหม่ ตั้งเป้าผลักดันเบี้ยรับรวมและรายได้ปี 2566 โต 200%

 

นางสาวปรมาศิริ มโนลม้าย รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า “จากการวางรากฐานการทำงานเพื่อสร้างการเจริญเติบโตในช่วงที่ผ่านมา การนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านความคุ้มครองที่คุ้มค่าและพัฒนาช่องทางการติดต่อลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มแมสเข้าถึงความคุ้มครองที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะช่องทางประกันออนไลน์ (Digital Insurance) https://online.scbprotect.co.th/ ส่งผลให้บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่มียอดกรมธรรม์ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาด ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 200% ต่อเดือน บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่น โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวม 1.7 พันล้านบาท และฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 1.8 แสนราย”

ในปี 2566 นี้ บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค ตั้งเป้าหมายเติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยกำหนดกลยุทธ์สอดรับกับกลยุทธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ประกาศเป็น “ดิจิทัลแบงก์ที่เป็นอันดับหนึ่งด้านการบริหารความมั่งคั่ง พร้อมมอบประสบการณ์การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง” ด้วยการวางโครงสร้างการให้บริการและการวางระบบรากฐานข้อมูลเทคโนโลยี IT infrastructure ให้สามารถรองรับการให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อ (Omni-Channel) จากช่องทางการขายที่แตกต่างกัน เป็นการผสานความสะดวกสบายในการเข้าถึงความคุ้มครองผ่านทางดิจิทัลกับการดูแลและให้บริการลูกค้าด้วยใจจากพนักงานทั้งก่อนและหลัง

การขาย รวมถึงการพัฒนา AI ในการเรียนรู้และวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และค่าเบี้ยที่คุ้มค่าผ่านช่องทางการขายที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย และการขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาคหลัก โดยจะทยอยเปิดศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ประเดิมภาคเหนือ จ.เชียงใหม่เป็นแห่งแรก โดยตั้งเป้าภูมิภาคจะมีส่วนผลักดันให้เบี้ยรับรวมและรายได้ปีนี้เติบโต 200%

“เชียงใหม่เป็นเมืองหลักของธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวของประเทศไทย และตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 จังหวัดเชียงใหม่ ในไตรมาสแรกของปี 2566 เติบโต 30%*1 อีกทั้งยังพบว่าหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้นนั้น มีแรงงานกลับคืนถิ่นจำนวนมาก และต้องการมีอาชีพที่มั่นคง จนปัจจุบัน ศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภาคเหนือ มีพนักงาน รวมทั้งสิ้น 450 คน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ลงนามความร่วมมือกับ 5 องค์กรภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวเชียงใหม่ ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ สมาพันธ์ SME ไทย จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทยจังหวัดเชียงใหม่ ATED.CM และสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) สนับสนุนผลิตภัณฑ์ประกันกลุ่มราคาพิเศษสุด เพื่อช่วยตั้งต้นวางแผนชีวิตอย่างมั่นคงสำหรับกลุ่มอาชีพอิสระเกี่ยวกับธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหัวใจหลักของภาคเหนือสามารถเข้าถึงประกันที่จำเป็นได้ในราคาคุ้มค่า”

นางสาวปรมาศิริ กล่าวว่า บริษัทฯ ร่วมมือกับ ซันเดย์ ประกันภัย บริษัทอินชัวร์เทคชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ SCB 10X ถือหุ้นอยู่ พัฒนาผลิตภัณฑ์และระบบที่ทันสมัยเหมาะกับลูกค้าในยุคดิจิทัลที่สามารถรับความคุ้มครองง่ายๆ ผ่านมือถือ ออกประกันกลุ่มอุบัติเหตุสุดคุ้ม (Group Personal Accident) ประกันพื้นฐานความคุ้มครองสำหรับความเสี่ยงในการใช้ชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นได้บ่อยสำหรับทุกวัย โดยสามารถทำได้ทั้งพนักงานองค์กร สมาชิกในองค์กรและครอบครัวของคนในองค์กร ด้วยค่าเบี้ยเริ่มต้นเพียงปีละ 225 บาท รับความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุสูงถึง 100,000 บาท และอีกไฮไลต์สำคัญคือประกันกลุ่มอุบัติเหตุ PA แผน 6 ที่มีค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุครั้งละ 5,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุสูงถึง 500,000 บาท ด้วยค่าเบี้ยเพียง 1,180 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังมีประกันกลุ่มรถทัวร์ รถตู้ ประกันทรัพย์สินและโรงงาน ให้บริการอีกในลำดับถัดไป การขยายเครือข่ายสู่ภูมิภาคนี้ บริษัทตั้งเป้าสร้างเบี้ยรับเพิ่มภาคละ 720 ล้านบาทต่อภาคต่อปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายศูนย์กลางการดำเนินงานประจำภาค โดยภาคถัดไป คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น โดยจะเริ่มรับสมัครทีมงานในไตรมาส 3 ของปีนี้กว่า 300 อัตรา จุดเด่นของงานเช่น งานเทเลเซลล์ คือ เป็นสัญญาจ้างพนักงาน มีเงินเดือนประจำ เบี้ยขยัน ค่าคอมมิชชั่นตามผลงาน รางวัลพิเศษตามแคมเปญ และสวัสดิการต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทยังส่งเข้าอบรมและส่งสอบใบอนุญาตโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นต้น โดยรับทั้งผู้ที่มีประสบการณ์งานขายประกันและนักศึกษาจบใหม่ บริษัทฯ คาดว่าจะ

ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเช่นที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สนใจสามารถแอดไลน์ @scbprotect เพื่อติดตามประกาศเกี่ยวกับการรับสมัครงานและโปรโมชั่นประกันดีๆ คุ้มๆ ได้ตลอดทั้งปี

บริษัทฯ มีแนวทางที่สอดคล้องกับแบงก์แม่ คือ การให้บริการที่เชื่อมถึงกันอย่างไร้รอยต่อในทุกช่องทาง โดยยึดหลักการดูแลด้วยใจและใส่ใจบริการ ด้วยการบริการที่หลากหลายช่องทาง นำโดย 1314 SCB Protect Customer Service Center เป็นศูนย์กลางการให้บริการหลังการขายและตอบคำถามเกี่ยวกับประกันจากทุกช่องทาง ความสามารถในการรองรับการให้บริการจาก 200 คนต่อเดือนในช่วงเริ่มต้น เป็น 200 คนต่อวันในปี 2566 ช่องทางดิจิทัลอย่าง LINE Official Account (LINE OA) SCB Protect, Facebook SCB Protect และอีเมล และในปี 2566 นี้ ได้เชื่อมต่อระบบประกันออนไลน์ และประกันรถยนต์ทางโทรศัพท์เข้ากับ LINE OA SCB Protect ทำให้สามารถสอบถามเกี่ยวกับประกันที่สนใจ ทำรายการซื้อจนจบจ่ายเงิน และรับความคุ้มครองผ่านทางไลน์ได้อย่างปลอดภัย เป้าหมายสำคัญคือการเชื่อมต่อทุกระบบเพื่อเป็น One-Stop Service ในการให้บริการลูกค้าสำหรับทุกประเภทประกัน เพื่อให้คนไทยเข้าถึงประกันที่ต้องการได้ในราคาที่คุ้มค่า ผ่านการบริการที่สะดวกรวดเร็วในปี 2567

ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล็งเห็นความสำคัญในการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยให้แข็งแกร่งพร้อมผลักดันให้เข้มแข็งและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่น โดยประกาศผลรางวัลเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจของเอสเอ็มอีไทย “Bai Po Business Awards by Sasin” ครั้งที่ 18 ยกย่อง 6 ผู้ประกอบการไทยที่ประสบความสำเร็จในมิติที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและเพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่เอสเอ็มอีรายอื่นๆ

ประกอบด้วย 6 บริษัทได้แก่ บริษัท บีซีแอล 2002 จำกัด บริษัท พี.วี.ที.แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัท ฟู้ด อีควิปเม้นท์ จำกัด บริษัท ศิริบัญชา จำกัด บริษัท เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ จำกัด และ บริษัท เอ็มมีเน้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยมี ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย นายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นประธานมอบรางวัล

ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย นายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ช่วงเปลี่ยนผ่านหลังวิกฤติ Covid-19 ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา เมกะเทรนด์โลกเป็นแรงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยปรับธุรกิจสู่การเป็น Digital Organization โดยสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นองค์กรดิจิทัลนั้นไม่ใช่เพียงแค่การซื้อเทคโนโลยีเข้ามาทำธุรกิจแต่เทคโนโลยีที่นำมาใช้ต้องสร้างความได้เปรียบและสร้างความแตกต่างทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน ใครที่ปรับตัวได้ไวย่อมได้เปรียบเนื่องจากวิถีชีวิตจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมจากที่เคยปฏิบัติ ความสามารถในการปรับตัวของเอสเอ็มอีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะนำพาให้ธุรกิจอยู่รอดอย่างยั่งยืน สำหรับปี 2566 เทรนด์ที่กำลังมาแรงและทั่วโลกกำลังให้ความสนใจคือด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน รวมถึงคาร์บอนเครดิต ดังนั้นเอสเอ็มอีไทยต้องเดินหน้าธุรกิจด้วยแนวคิดการสร้างความยั่งยืนโดยการนำแนวคิด ESG มาเป็นกรอบการพัฒนาขับเคลื่อนธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์มุ่งส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการที่มากกว่าเรื่องการเงิน ทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย การส่งเสริมความรู้ที่เป็นประโยชน์ผ่านโครงการอบรม สัมมนาต่าง ๆ รวมถึงการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการ ถ้ากลุ่มเอสเอ็มอีเข้มแข็งประเทศก็อยู่รอด เพราะเอสเอ็มอีไทยเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin นี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยให้สร้างความโดดเด่นและแตกต่างของสินค้าหรือบริการและพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจให้อยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับธุรกิจไทยรายอื่น ๆ ต่อไป

สำหรับการตัดสินรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ในครั้งที่ 18 นี้ มีธุรกิจที่ได้รับรางวัล จำนวน 6 ราย นับเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองเพื่อสร้างความโดดเด่นและความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยมีธุรกิจที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ดังนี้

1. บริษัท บีซีแอล 2002 จำกัด ได้รับรางวัลในมิติ องค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business Practice) องค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovative Enterprise) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) จากจุดเริ่มต้นธุรกิจโรงงานสิ่งทอ (OEM) ของครอบครัวซึ่งเริ่มเผชิญกับปริมาณคู่แข่งในตลาดที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่สร้างความแตกต่างให้ธุรกิจก็ยากที่จะพิชิตคู่แข่ง เมื่อมีโอกาสไปดูงานแสดงสินค้าที่ต่างประเทศและได้รับแรงบันดาลใจในการที่จะพัฒนาสินค้าไปสู่การผลิตสิ่งทอทางการแพทย์ พร้อมมองหาเทคโนโลยีที่จะมาสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเดิมที่มีอยู่จึงคิดค้นนวัตกรรมเส้นใย PERMA Nano Zinc ที่ช่วย Anti-Bacteria นำมาผลิตเป็นสิ่งทอทางการแพทย์ ได้แก่ ชุดบุคลากรทางการแพทย์ ชุดคนไข้ ผ้าพันแผล เสื้อกีฬา ถุงเท้า และผลิตภัณฑ์พลาสติกยับยั้งแบคทีเรีย โดยใช้เทคโนโลยีฝังนาโนซิงค์ในเส้นใยช่วยรักษาคุณสมบัติด้านการยับยั้งแบคทีเรียได้แบบถาวร และทำให้ไม่มีโลหะหนักหลุดลอกออกมาปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม ผ่านการทดสอบความปลอดภัยระดับสากลว่าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย

2. บริษัท พี.วี.ที. แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้รับรางวัลในมิติ องค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovative Enterprise) การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) ด้วยแนวคิดนอกกรอบจากธุรกิจรุ่นพ่อในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสารถนอมอาหารสัตว์จากต่างประเทศ เริ่มมองเห็นว่าการพึ่งพาซัพพลายเออร์ไปตลอดอาจทำให้ธุรกิจเผชิญกับความเสี่ยงจึงมุ่งคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ของตนเองและสามารถพัฒนาสารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ซึ่งเป็นสารที่ใช้เติมในกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ ทำให้ปลอดภัยจากการปนเปื้อนได้สำเร็จ ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2015 GHP HACCP FAMI-QS ผลิตและจำหน่ายสารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเชื้อรา และแบคทีเรียที่จะก่อโรคในระบบทางเดินอาหารสัตว์และผลิตเครื่องจ่ายน้ำยาสำหรับใช้ในการถนอมอาหารสัตว์ ที่มีการจดสิทธิบัตรในระดับนานาชาติ

3. บริษัท ฟู้ด อีควิปเม้นท์ จำกัด ได้รับรางวัลในมิติ การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) การสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) และองค์กรที่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovative Enterprise) ด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการได้เล็งเห็นปัญหาด้านการผลิตอาหารของลูกค้าจึงตั้งใจแก้ปัญหาโดยพัฒนาระบบเครื่องจักรแบบอัตโนมัติและเกิดแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาธุรกิจและขยายกิจการเป็นศูนย์รวมเครื่องจักรแปรรูปอาหารสำหรับธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เช่น เครื่องสไลด์เนื้อ เครื่องลอกหนังปลา หนังวัว เครื่องขึ้นรูปเบอร์เกอร์ เครื่องถอนขนไก่ เครื่องจักรสำหรับโรงฆ่าสัตว์ ที่มีนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุในการใช้งานและลดปริมาณของเสียที่จะออกสู่สิ่งแวดล้อม และนับเป็นเจ้าแรกๆ ที่บุกเบิกตลาดออนไลน์ ร้านอาหารตามห้าง โรงงาน โรงแรม จนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น CP, Betagro, Makro เป็นต้น รวมทั้งเป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ Solution นวัตกรรมการผลิตเครื่องจักรที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย รวมถึงมีบริการ After Service ให้กับลูกค้าครอบคลุมห่วงโซ่การผลิตและแปรรูปอาหารทั้งระบบอีกด้วย ฟู้ด อีควิปเม้นท์ จึงนับเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของยักษ์ใหญ่ในธุรกิจการแปรรูปอาหาร

4. บริษัท ศิริบัญชา จำกัด ได้รับรางวัลในมิติ การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) การบริหารจัดการด้านการสร้างตราสินค้าและการตลาด (Branding and Marketing) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) บริษัทผลิตและจำหน่ายเวชภัณฑ์แอลกอฮอล์ ภายใต้แบรนด์ ศิริบัญชา ต่อยอดความแข็งแกร่งของแบรนด์ให้ยืนหนึ่งในใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์การรักษาจุดยืนด้านคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานอยู่เสมอ ดังสโลแกน “ศิริบัญชา คุณภาพที่คุณมั่นใจ” จึงทำให้เกิด Brand Trust ต่อลูกค้า เติบโตได้อย่างมั่นคง และสามารถปรับตัวให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ในหลากหลายมิติมากขึ้นโดยได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มผู้ใช้มายาวนานกว่า 70 ปี เป็นผู้ริเริ่มทำแอลกอฮอล์เป็นสีฟ้ารายแรก เพื่อสื่อถึงความสะอาด และสร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำแบรนด์ได้ รวมถึงผลิตยาสมุนไพรแผนโบราณ ภายใต้แบรนด์ โยคี

5. บริษัท เอกราชอุตสาหกรรมกระดาษ จำกัด ได้รับรางวัลในมิติ การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) โดยบริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญการออกแบบและผลิตกล่องกระดาษ ซึ่งในระยะเริ่มแรกจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์และกลุ่มผู้ส่งออกผลไม้ แต่เมื่อถึงช่วงสภาพเศรษฐกิจขาลงฐานลูกค้ากลุ่มเฟอร์นิเจอร์เริ่มย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นส่วนกลุ่มส่งออกผลไม้ก็มีข้อจำกัดเรื่องฤดูกาลยอดซื้อที่เคยมีก็เริ่มหดหาย จึงแก้เกมส์ด้วยการปรับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงแทนที่จะโฟกัสเพียงตลาดใดตลาดหนึ่ง ลงมือศึกษาความต้องการของลูกค้าจนเล็งเห็น Pain-Points นำมาสร้างจุดเปลี่ยนของธุรกิจให้กลายเป็นผู้ให้คำปรึกษา รับออกแบบ และผลิตกล่องกระดาษครบวงจรโดยไม่จำกัดจำนวนผลิตขั้นต่ำ นับเป็นการสร้างความแตกต่างที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย ร้านค้าออนไลน์ มีทั้งระบบการพิมพ์ Offset Inkjet และ Digital ได้แก่ กล่องกระดาษลัง กล่องกระดาษออฟเซ็ท กล่องกระดาษไร้สารตกค้าง กล่องทนน้ำและกันไฟ รวมถึงมีการสร้างแบรนด์กล่องกระดาษของตนเอง ภายใต้ชื่อ Click Boxes รองรับธุรกิจค้าขายออนไลน์

6. บริษัท เอ็มมีเน้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับรางวัลในมิติ การบริหารจัดการด้านสินค้าและบริการที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า (Customer-Focused Product and Service) การบริหารจัดการด้านบุคลากร (People Excellence) และการสร้างธุรกิจด้วยพลังแห่งการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) โดยบริษัททำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์มายาวนานกว่า 51 ปี เคยมีช่วงที่องค์กรมีปัญหาภายในและขาดความเชื่อมั่นจากลูกค้าจึงตัดสินใจ Transform การบริหารองค์กรใหม่โดยเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารจากเดิมที่ใช้ระบบ Centralized มาเป็น Decentralized เพื่อกระจายอำนาจและป้องกันความเสี่ยงให้กับธุรกิจ และสิ่งสำคัญคือการเน้นการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรให้พนักงานมีความซื่อสัตย์ อยู่กันเป็นครอบครัว เพื่อให้มีความพร้อมที่จะดูแลลูกค้าให้ดีที่สุดเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่จะนำนวัตกรรมทางการแพทย์มาสู่คนไทย เป็น Solution Provider ด้วยแนวคิดของการส่งต่อสุขภาพที่ดีให้คนไทย “The Promise of Health” เช่น เครื่องละลายพลาสม่า เครื่องพ่นละอองยา เครื่องนับเม็ดยา อุปกรณ์ด้านทันตกรรม ถุงเก็บโลหิต เครื่องวัดความดัน รวมถึงมีการผลิตสินค้าสำหรับผู้บริโภค ภายใต้แบรนด์ตนเองด้วย เช่น เครื่องล้างทำความสะอาดรีเทนเนอร์หรือฟันปลอมด้วยระบบอัลตราโซนิก และเม็ดฟู่ทำความความสะอาดตรา Furano

การพิจารณาตัดสินรางวัล Bai Po Business Awards by Sasin ประกอบด้วยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายแขนง ผู้ประกอบการที่สมัครเข้ารับการพิจารณาไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์หรือศศินทร์ฯ สนใจสมัครหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.baipo-business-award.org หรือ 02-2184001-9 ต่อ 179

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) คว้า 2 รางวัลยิ่งใหญ่แห่งปีให้กับ SCB WEALTH ได้แก่ รางวัล  Most Innovative Wealth Management Bank-Thailand และรางวัล Best Socially Responsible  Bank -Thailand จาก International Finance ซึ่งเป็นนิตยสารธุรกิจ และการเงินชั้นนำจากประเทศอังกฤษ   

โดยทั้ง 2 รางวัล สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SCB WEALTH ในการพัฒนาโซลูชั่นด้านการเงินและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง มีการนำนวัตกรรม(Innovation) แพลตฟอร์มเทคโนโลยี และดาต้า มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนของลูกค้า ตลอดจนให้คำปรึกษาแบบHybrid Advisory ที่มีทั้งที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุน(RM) และ Investment Consultant ควบคู่กันไป ผนวกกับการมี “ตัวช่วยอัจฉริยะ” (Wealth Platform) wPlan แพลตฟอร์ตวางแผนการลงทุน ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถจัดพอร์ตการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ลูกค้าคาดหวังบนผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่

หลากหลายครบวงจรของธนาคารแบบ Open Architecture รวมถึงการทุ่มเทคัดสรรผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ในทุกช่วงเวลาที่เหมาะสมของตลาด เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงบนความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ พร้อมส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ผ่านกองทุนESG (กองทุนที่มีเครดิตเรตติ้งในด้าน Sustainability ระดับ4-5 ดาวจาก Morning star) มาอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ธนาคารครองมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (AUM) กองทุน ESG อันดับ1 ของอุตสาหกรรม เป็นการสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าจนสามารถส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างมั่นคง

ปรับองค์กรสู่ธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ ตั้งเป้ายืนหนึ่งด้านบริหารความมั่งคั่ง ปั้นโมเดล Digital Wealth สร้างโอกาสความมั่งคั่งให้เป็นไปได้สำหรับทุกคน

X

Right Click

No right click