บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ประกาศเปิดตัว “MEAT ZER0” ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช (Plant-based Meat) ที่ผลิตด้วยนวัตกรรม ‘PLANT-TEC’ ทำให้ได้เนื้อทางเลือกที่มีความเหมือนเนื้อสัตว์จริง ทั้งลักษณะชิ้นเนื้อ รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัส ตอบโจทย์เทร็นด์โลก เอาใจผู้บริโภคที่รักษ์สุขภาพ ในราคาที่จับต้องง่ายทั้งอาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุง (Ready to cook) และอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน (Ready to eat) เริ่มจำหน่ายแล้ววันนี้ที่เซเว่นอีเลฟเว่นและโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วไทย ขณะเดียวกัน ยังใช้ศักยภาพของซีพีเอฟที่มีฐานลูกค้าอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ส่ง “MEAT ZER0” บุกตลาดต่างประเทศ ทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ มั่นใจคว้าผู้นำตลาดเนื้อทางเลือกอันดับ 1 ของเอเชียและจะขึ้นแท่น Top 3 ผู้นำเนื้อทางเลือกของโลกภายใน 3-5 ปี
นวัตกรรมสุดล้ำ จุดเด่น “MEAT ZER0”
เนื้อจากพืช (Plant-based Meat) เป็นเทร็นด์อาหารของโลกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี ซีพีเอฟในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารของไทยและของโลก จึงทุ่มเทการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อทางเลือกมาเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยผสานความร่วมมือระหว่าง CPF RD Center กับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ทางอาหารจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กระทั่งค้นพบนวัตกรรม ‘PLANT-TEC ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ “MEAT ZER0” เนื้อทางเลือกที่สมบูรณ์แบบทั้งลักษณะ รสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์จากพืช แบรนด์ “MEAT ZER0” โดยผลการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างพบว่าให้ความรู้สึกเสมือนรับประทานเนื้อสัตว์จริงๆ
MEAT ZER0 เป็นพืชที่อร่อยอย่างเนื้อ ผู้บริโภคแทบจะแยกไม่ออกเลยว่ากำลังรับประทานพืชอยู่ ด้วยความโดดเด่นของทีมวิจัยพัฒนาอาหารจากซีพีเอฟที่ทำงานร่วมกับบริษัทวิจัยชั้นนำระดับโลก กระทั่งได้ผลิตภัณฑ์นี้ออกมา เราภูมิใจในนวัตกรรมชิ้นนี้อย่างมากและมั่นใจว่า จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ตอบโจทย์ผู้บริโภคหลายกลุ่ม
ผลิตภัณฑ์ MEAT ZER0 ประกอบด้วยสารอาหารอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งโปรตีนจากพืช ให้เส้นใยอาหารสูง ดีต่อลำไส้และกระเพาะอาหาร ทั้งยังไม่มีโคเลสเตอรอล ดีต่อระดับไขมันในเลือด ขณะเดียวกันยังดีต่อใจของผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ถูกใจผู้บริโภคทั้ง สายสุขภาพ-สาพฟิต-สายไดเอท และ สายบุญ
“ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสนใจดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น หลายคนควบคุมอาหารหรือลดน้ำหนักด้วยการเว้นเนื้อสัตว์เป็นครั้งคราว หลายคนมีความเชื่อและเลือกเว้นเนื้อสัตว์ในวันเกิด เดือนเกิด หรือเมื่อโอกาสอำนวย เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Flexitarian หรือกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น จึงทำให้มีความต้องการอาหารทางเลือกที่ปราศจากเนื้อสัตว์มากขึ้น แต่ข้อจำกัดที่พบคือระดับราคาที่สูงของเนื้อเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ง่ายนัก “MEAT ZER0” จึงเข้ามาตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้นทั้งระดับราคาและจุดจำหน่าย เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้แตะหนึ่งพันล้านบาทให้บริษัทได้ในเวลาไม่กี่ปี” นายประสิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช “MEAT ZERO” วางจำหน่ายในระดับราคาที่ใกล้เคียงกับอาหารจากเนื้อสัตว์ปกติ โดยมีรูปแบบอาหารพร้อมรับประทาน ที่ประกอบด้วยเมนูยอดนิยม เช่น โบโลน่าจากพืช เบอร์เกอร์หมูจากพืช ข้าวกระเพราเนื้อจากพืช สปาเก็ตตี้เนื้อสับ จำหน่ายในราคาเพียง 35-45 บาท และในรูปแบบอาหารพร้อมปรุง สำหรับนำไปปรุงเป็นอาหารรับประทานกันในบ้าน อาทิ นักเกตไก่จากพืช เนื้อบดจากพืช และหมูกรอบจากพืช โดยวางจำหน่ายในราคาเพียง 69 บาท ที่สำคัญคือ ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้ง่ายจาก เซเว่นอีเลฟเว่น แมคโคร โลตัส และห้างโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วประเทศ โดยมี “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” นักแสดงชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของ Meat Zero ที่จะมาพร้อมกับสโลแกน “แค่เริ่ม… โลกก็เปลี่ยน”
บุกตลาดส่งออก เตรียมขึ้นแท่น Top 3 ของโลก
ผู้บริโภคกลุ่มวีแกนและกลุ่มมังสวิรัติยิดหยุ่น (Flexitarian) มีจำนวนราว 29% ของประชากรโลก ขณะที่ซีพีเอฟมีฐานลูกค้าอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก จึงจะใช้ศักยภาพนี้ในการกระจาย “MEAT ZER0” ออกสู่ตลาดโลกทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยในปี 2564 นี้ จะเริ่มส่งออกไปยังตลาดเอเชียก่อน และขยายสู่ยุโรป และอเมริกา โดยมั่นใจว่าจะก้าวสู่ผู้นำตลาดเนื้อทางเลือกอันดับ 1 ของเอเชีย จะขึ้นแท่น Top 3 ผู้นำเนื้อทางเลือกของโลกได้ภายในเวลา 3-5 ปี
“MEAT ZER0 จะกลายเป็น 1 ใน 3 ผู้นำตลาดเนื้อทางเลือกของโลกได้ภายใน 3-5 ปี และซีพีเอฟจะยังคงพัฒนาต่อไปสู่การเป็นบริษัทอาหารแห่งอนาคตหรือ Food Tech Company อย่างเต็มรูปแบบตอบโจทย์ความต้องการอาหารของผู้บริโภคทุกกลุ่ม” นายประสิทธิ์กล่าวทิ้งท้าย