อนาคตทางการศึกษาที่ดีคือสิ่งที่เด็กและเยาวชนควรได้รับ แต่ถ้าระหว่างทางของการศึกษานั้นเด็กๆได้เรียนรู้พื้นฐานอาชีพและปูพื้นฐานการใช้ชีวิตด้วยแล้ว การศึกษานั้นย่อมก่อประโยชน์สูงสุดกับเยาวชนยิ่งขึ้น นี่คือนโยบายที่ผู้บริหารของโรงเรียนประชาพัฒนาบ้านแฮด ต.บ้านแฮด อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น คิดและดำเนินอย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งความมุ่งมั่นในการนำเอาพื้นฐานอาชีพมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน ให้กับเด็กๆบ้านแฮดทุกคน คือ “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” จากความร่วมมือของโรงเรียน มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และหอการค้าญี่ปุ่น (JCC) ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องถึง 11 ปี

“จุดเริ่มต้นของความร่วมมือในโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ เกิดจากการที่ท่านนายอำเภอมาแนะนำ เพราะเคยทำโครงการนี้มาก่อนจะย้ายมาประจำที่นี่ เมื่อเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี จึงอยากให้ขยายมาในอำเภอบ้านแฮดด้วย เด็กๆจะได้มีไข่ไก่โปรตีนชั้นเยี่ยมมาทำเป็นอาหารกลางวัน ได้รับประทานไข่ที่สดใหม่ นักเรียนได้เรียนรู้การเลี้ยงไก่ จากนั้นมูลนิธิฯ เข้ามาสำรวจภาวะทุพโภชนาการของเด็กที่โรงเรียน ซึ่งตอนนั้นพบภาวะดังกล่าวแม้จะไม่มาก แต่ถ้าได้รับการสนับสนุนให้ได้บริโภคอาหารโปรตีนมากขึ้น ย่อมแก้ปัญหานี้ได้ เมื่อดูข้อมูลโรงเรียน ดูจำนวนนักเรียน และผ่านการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา จึงตกลงร่วมกันว่าจะทำโครงการฯนี้ในปี 2555 เริ่มเลี้ยงไก่ไข่ 150 ตัว สำหรับนักเรียน อนุบาล 1 – ประถม 6 ทั้ง 130 คน จากนั้นผู้อำนวยการและครูก็ได้เข้าร่วมอบรมการเลี้ยง และมีสัตวบาลซีพีเอฟเข้าดูแลมาตลอด” นางสาวกุลชญา สงวนศิลป์ หรือครูแหม่ม ครูผู้ดูแลโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ กล่าว

ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นเจ้าหน้าที่ของบริษัทมาช่วยแนะนำ โดยมีครูผู้รับผิดชอบโครงการฯ และนักการภารโรง นายหาญชัย ปาณา และ นายสงวนศักดิ์ แผงตัน เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ดูแลร่วมกับเด็กนักเรียนมาตลอด ในช่วงที่อากาศร้อนอาจมีปัญหาบ้าง ทางมูลนิธิฯและซีพีเอฟแนะนำให้ติดสปริงเกอร์บนหลังคา ติดพัดลมระบายอากาศในโรงเรือน และมีการจัดการของเสียในโรงเรือนด้วยการใช้ผ้าใบและปูแกลบไว้ใต้กรงเลี้ยง ที่ช่วยลดทั้งกลิ่นและทำให้จัดการง่ายขึ้น มูลไก่และแกลบยังเป็นปุ๋ยอินทรีย์สำหรับแปลงผักที่นักเรียนแต่ละชั้นเรียนรับผิดชอบ ในกิจกรรมเสริมการเรียน ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลา(เรียน)รู้ อีกด้วย

สำหรับกิจกรรมในแต่ละวัน ครูแหม่มบอกว่า จะมีเด็กนักเรียนชั้นประถม 4-5-6 จัดเวรเข้ามาดูแลไก่ โดยมีพี่ประถม 6 เป็นหลัก 1-2 คน และน้องๆ ประถม 4-5 มาช่วยอีก 2 คน โดยนักเรียนทั้ง 3 ชั้นปี ทุกคนจะได้มีโอกาสหมุนเวียนเข้ามารับผิดชอบ เพื่อให้พวกเขาได้ฝึกความรับผิดชอบ เรียนรู้การมีส่วนร่วมทำงานเป็นทีม และเป็นการปูพื้นฐานด้านเศรษฐกิจพอเพียง น้องๆยังได้เรียนรู้เรื่องโภชนาการควบคู่ไปด้วย ที่สำคัญยังได้รู้ว่าอาหารที่รับประทานทุกวันมีแหล่งที่มาอย่างไร มีความปลอดภัยในอาหารจากฝีมือการเลี้ยงของพวกเขา นอกจากนี้ ยังได้ฝึกเรื่องบัญชีและการออม จากการทำบันทึกจำนวนไข่ไก่และการขายไข่ไก่เข้าโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งปัจจุบันมีเงินทุนหมุนเวียนในโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯถึง 2 แสนกว่าบาทแล้ว

ด.ช.ธนวัฒน์ วงศ์ษา หรือน้องโน๊ต นักเรียนชั้นป.6 ที่รับผิดชอบโครงการฯ บอกว่า ชอบมากที่ได้มาเลี้ยงไก่ไข่ เพราะทำให้ได้ฝึกความรับผิดชอบ ฝึกการทำงานกันเป็นทีม คุณครูจะแบ่งเวรให้นักเรียนมาทำกิจกรรม ทั้งการเก็บไข่ไก่ นับและบันทึกจำนวนไข่ คิดราคาไข่ไก่ แล้วลงบัญชีที่คุณครูทำไว้ให้ และรวบรวมไข่ไก่ส่งเข้าโรงครัวทุกวัน ไข่ส่วนที่เหลือจะนำไปขายในชุมชน คุณยายของผมเคยมาซื้อไข่ไก่ที่โรงเรียนด้วย เพราะสด ใหม่ สะอาด ราคาถูกกว่าในตลาด บางครั้งต้องสั่งจองล่วงหน้าเพราะขายดีมาก ผมและเพื่อนๆชอบมากและตื่นเต้นทุกครั้งที่เก็บไข่ได้เยอะๆ เราภูมิใจทุกครั้งที่มีคุณครูจากโรงเรียนอื่นมาดูงานการเลี้ยงไก่ของโรงเรียนเรา มาดูวิธีการให้น้ำ ให้อาหาร และการดูแลไก่ โรงเรียนของเราได้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนอื่นๆ    

ส่วน ด.ญ.พลอยพิชชา เสโส หรืออองฟอง นักเรียนชั้นป.6 บอกว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มีส่วนร่วมกับโครงการเลี้ยงไก่ไข่ฯ พอถึงเวลาชั่วโมงสุดท้ายก่อนเลิกเรียน ก็จะมาเก็บไข่กับเพื่อนๆและน้องๆห้องอื่น ทุกคนตื่นเต้นมากเพราะลุ้นว่าวันนี้จะเก็บไข่ได้กี่ฟอง น้องอองฟองทำหน้าที่ลงบัญชี ทำให้ได้ฝึกเรื่องการคิดคำนวณ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอชอบมาก และยังได้สอนน้องๆลงบัญชีให้ถูกต้องด้วย สำคัญที่สุดคือ ทุกคนได้รับประทานไข่ไก่เป็นอาหารกลางวัน แต่ละสัปดาห์ที่โรงครัวจะมีเมนูไข่ประมาณ 3 วัน เมนูที่ทุกคนชอบที่สุดคือ ไข่พะโล้ ทุกครั้งที่มีเมนูไข่ก็จะภูมิใจว่าเป็นไข่ที่มาจากไก่ของเราเอง ดูแลเอง เก็บเอง ขอขอบคุณ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และซีพีเอฟมากๆ ที่สนับสนุนโครงการดีๆแบบนี้ ทำให้เราได้บริโภคไข่ไก่ที่สด สะอาด ปลอดภัย อยากให้มีโครงการดีๆแบบนี้ตลอดไป

“ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ที่โรงเรียนประชาพัฒนาบ้านแฮด ได้ร่วมโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เราบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจสร้างความมั่นคงอาหารในโรงเรียน โดยมีโรงเรือนเลี้ยงไก่เป็นแหล่งฝึกสอนทักษะอาชีพ ให้นักเรียนมีประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติจริง ที่จะกลายเป็นทักษะติดตัวพวกเขาไปใช้ในอนาคต และยังได้ภูมิใจว่าเขาคือคนสร้างคลังอาหารที่มั่นคงให้กับทั้งเพื่อนนักเรียนและชุมชน ที่ได้รับประทานไข่สดใหม่ทุกวัน โรงเรียนได้กลายเป็นแหล่งอาหารชุมชน และเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับโรงเรียนหรือชุมชนอื่นๆเข้ามาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง” ครูแหม่มกล่าว

ความสำเร็จของโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน โรงเรียนประชาพัฒนาบ้านแฮด สะท้อนความมุ่งมั่นของมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ซีพีเอฟ และองค์กรพันธมิตร ที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในชนบทห่างไกลทั่วประเทศมาตลอด 35 ปี โครงการฯนี้ได้สร้างคลังอาหารในโรงเรียนไปแล้ว 959 โรงเรียน ทำให้เด็กและเยาวชนมากกว่า 188,000 คน เข้าถึงโปรตีนที่ดี ช่วยบรรเทาปัญหาทุพโภชนาการ สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ และเป็นพื้นฐานอาชีพให้กับเด็กๆอย่างเป็นรูปธรรม

ห้าดาว (Five Star) ในกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดตัว 2 นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย 'บุ๋มบิ๋ม-ชัชชุอร โมกศรี' มือตบหัวเสา และ 'บีม-พิมพิชยา ก๊กรัมย์' ตัวตบตรงข้ามหัวเสา เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ พร้อมแคมเปญ “เติมมื้ออร่อยให้ชีวิตมีพลัง” ด้วยการร่วมถ่ายทอดเมนูแสนอร่อยที่ช่วยเติมพลังให้แก่ทุกคน

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการธุรกิจห้าดาว บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด เปิดเผยว่า ห้าดาว เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน นำเสนอเมนูไก่คุณภาพหลากหลาย รสชาติถูกปาก ในราคาคุ้มค่า พร้อมให้บริการทั่วประเทศ ครั้งนี้เรามีแคมเปญ 'เติมมื้ออร่อยให้ชีวิตมีพลัง' นำเสนอทอดผ่าน 2 พรีเซนเตอร์ นักตบลูกยางสาวขวัญใจแฟนวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ที่มาช่วยเติมมื้ออร่อยแก่ทุกคนให้ชีวิตมีพลัง ไม่ว่าจะเป็นหลังซ้อมกีฬาเหนื่อยๆ หรือช่วยเติมพลังในชั่วโมงเร่งด่วนให้สามารถลุยงานหรือกิจกรรมต่อได้

"การเลือก 'บุ๋มบิ๋ม-ชัชชุอร โมกศรี' และ 'บีม-พิมพิชยา ก๊กรัมย์' มาถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ห้าดาว กับเมนูแสนอร่อยที่ช่วยเติมพลังทั้งแรงกายแรงใจในการฝึกซ้อมและการแข่งขัน พร้อมทั้งเป็นช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มแฟนวอลเลย์บอลชาวไทยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี รวมถึงกลุ่ม Gen Z ที่ให้ความสนใจและโปรดปรานกีฬาชนิดนี้อีกด้วย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า แคมเปญนี้จะช่วยให้ 'ห้าดาว' มีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมและเหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น" นายสุนทร กล่าว

ห้าดาว มีประสบการณ์การดำเนินกิจการประเภทแฟรนไชส์มาอย่างยาวนาน และเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 5,000 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และกว่า 2,300 สาขาในต่างประเทศ ได้รับกระแสการตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้ผู้ที่อยากมีธุรกิจร้านอาหารเป็นของตัวเองเข้าร่วมธุรกิจได้ง่าย คืนทุนไว ด้วยงบลงทุนในราคาไม่สูง เริ่มต้นเพียงหลักหมื่น ใช้พื้นที่ขนาดเล็กกะทัดรัด ขายได้ทุกที่ ทุกทำเล ทั่วทุกภูมิภาค มีอุปกรณ์ วัตถุดิบมาตรฐานจากโรงงานโดยตรง ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรุงสุก และจำหน่ายในราคาที่กำหนดเป็นมาตรฐาน รวมถึงทีมงานทำการตลาด คอยดูแลตลอดกิจการ สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจ ห้าดาว สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://fivestar.in.th/franchise/grilled-chicken/ หรือ https://www.facebook.com/Fivestarbusiness 

หรือสั่งเมนูอร่อยจากห้าดาวได้ที่ร้านห้าดาวทุกสาขาทั่วประเทศใกล้บ้าน  โดยสามารถตรวจสอบสาขาบริการจัดส่งได้ที่ Star Delivery: https://fivestar.in.th/deliverylocation/ หรือแอปพลิเคชันฟู้ดส์เดลิเวอรี่ต่างๆ อาทิ Grab food, LINE MAN และTrue Food เป็นต้น

การันตีส่งมอบผู้บริโภคด้วยมาตรฐานที่นักบินอวกาศยอมรับ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผนึกกำลังร่วมกับ โลตัส (Lotus’s) กว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศ จัดแคมเปญ “กุ้งซีพีแปซิฟิก สด ลงใหม่ทุกวันที่โลตัส” เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายกุ้งสดให้แก่เกษตรกร และส่งเสริมคนไทยทั่วประเทศได้บริโภคกุ้งคุณภาพพรีเมียม สด สะอาด รสชาติหวาน เนื้อแน่น แบรนด์ซีพีแปซิฟิก

นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ความร่วมมือของแคมเปญนี้ ช่วยตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารเป็นอันดับแรก อย่างกุ้งซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายๆ ท่านชื่นชอบ ไม่ว่าจะนำไปทำเมนูไหน ก็ถูกปากผู้รับประทานเสมอ ซีพีเอฟใส่ใจในเรื่องความสดเป็นอย่างมาก การที่ห้างโลตัสเป็นช่องทางจำหน่ายกว่า 2,300 สาขา ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงกุ้งซีพีแปซิฟิกที่คงความสดส่งตรงจากฟาร์มได้มาตรฐาน รสชาติหวาน อร่อย เนื้อแน่น สดลงใหม่ทุกวันที่โลตัส

 

นายไพโรจน์ อภิรักษ์นุสิทธิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสัตวน้ำครบวงจร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์กุ้งซีพีแปซิฟิก เป็นกุ้งคัดพิเศษ มีต้นกำเนิดจากมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีการพัฒนาสายพันธุ์ทำให้มีความแตกต่างด้านความสด หวาน เนื้อแน่น  มาจากกระบวนการเพาะเลี้ยงตามหลัก 3 สะอาด (ลูกกุ้งสะอาด น้ำสะอาด บ่อสะอาด) ใส่ใจทุกขั้นตอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการใช้นวัตกรรมโปรไบโอติกในการเลี้ยง ช่วยให้กุ้งแข็งแรง โตไว ต้านทานโรค ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ โดยแคมเปญนี้ตั้งเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งให้มีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยกระจายผลผลิตสู่ห้างโลตัส ขณะเดียวกันยังทำให้ผู้บริโภคทั่วประเทศเข้าถึง กุ้งซีพีแปซิฟิก คุณภาพพรีเมียม ปลอดภัย ปลอดสาร ได้ตามมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

นางสาวพรเพ็ญ นาถพิริยรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพ สายงานพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ โลตัส กล่าวว่า โลตัส เดินหน้าในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับอาหารและอาหารสดคุณภาพสูง เราใส่ใจในการดูแลของสดทุกประเภทให้ได้ตามมาตรฐาน โดยเฉพาะกุ้งที่เป็นสินค้าที่ต้องการการดูแลและใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีปัจจัยในเรื่องอุณหภูมิเป็นตัวควบคุมความสดเป็นสำคัญ โลตัสจึงได้นำขั้นตอนการดูแลความสดใหม่ ด้วยการใช้น้ำผสมกับน้ำแข็งในการแช่กุ้ง พร้อมล้อมกรอบน้ำแข็งเพื่อคงความเย็นอย่างทั่วถึง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะหมั่นตรวจสอบและดูแลตลอดทั้งวัน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงกุ้งซีพีแปซิฟิก ที่สด คุณภาพดีทุกเวลา ผ่านสาขาของโลตัสกว่า 2,300 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ

 

'กุ้งซีพีแปซิฟิก' เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ซีพีเอฟมุ่งมั่นผลิตและพัฒนา เพื่อส่งมอบวัตถุดิบและอาหารคุณภาพปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล และร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนถึงมือผู้บริโภค การันตีด้วยรางวัลระดับโลก Superior Taste Award 2023 จากสถาบันชั้นนำของโลก International Taste Institute ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ในระดับ 3 ดาว ซึ่งกุ้งซีพีแปซิฟิกเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าพัฒนาไข่ไกสดคาร์บอนต่ำ สนับสนุนคนไทยได้บริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ล่าสุด นายสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ รับมอบประกาศนียบัตรการรับรองอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายคาร์บอนนิวทรัลผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ Cage Free แบรนด์ ยูฟาร์ม จาก นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ส่งผลให้ เป็นไข่ไก่เคจฟรีของซีพีเอฟ เป็นไข่ไก่ปลอดคาร์บอนรายแรกของไทยและภูมิภาคเอเชีย ร่วมสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศและมุ่งสู่ Net-Zero ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์​ กล่าวชื่นชมและขอบคุณซีพีเอฟเป็นภาคเอกชนชั้นนำที่ร่วมมือ อบก. ในการจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทุกกิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานผลิตอย่างต่อเนื่อง พัฒนากระบวนการผลิตไข่ไก่ที่ปล่อยคาร์บอนตํ่าและชดเชยจนเป็นไข่ไก่ปลอดคาร์บอน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีส่วนสนับสนุนประเทศไทยก้าวสู่ Net-Zero และขอเชิญชวนภาคธุรกิจมาช่วยกันเพื่อสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

นายสมคิด วรรณลุกขี กล่าวว่า การที่ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่เคจฟรี แบรนด์ ยูฟาร์มได้รับรองเป็นผลิตภัณฑ์ปลอดคาร์บอน เป็นความมุ่งมั่นของซีพีเอฟในการพัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำ เป็นอีกทางเลือกให้คนไทยได้บริโภคอาหารโปรตีนคุณภาพสูง มาจากห่วงโซ่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสัตว์ และยังมีส่วนช่วยรักษาโลกของเรา  ปัจจุบัน ร้อยละ 90 ของผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ของซีพีเอฟเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรม และจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายการพัฒนาไข่ไก่คาร์บอนต่ำให้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ รวมถึงเดินหน้าพัฒนาฟาร์มไก่ไข่ต้นแบบที่ใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานฟาร์มทั้งหมด และไม่พึ่งพาพลังงานจากภายนอก (Renewable Energy Farm หรือ RE100 Farm) เพื่อร่วมสนับสนุนบริษัทฯ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-Zero ในปี 2050

“ขอขอบคุณ อบก. ที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนซีพีเอฟในการดำเนินงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกิจกรรมในกระบวนการผลิตไข่ไก่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ของซีพีเอฟเป็นผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำได้ฉลากลดโลกร้อน และฉลากคาร์บอนนิวทรัล ที่ดีต่อสุขภาพ และดีต่อใจของผู้บริโภค” นายสมคิดกล่าว

ซีพีเอฟ โดยธุรกิจไก่ไข่ตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการผลิตไข่ไก่ที่สะอาด ถูกสุขอนามัย ปลอดภัย ปลอดยาปฏิชีวนะ มีกระบวนการผลิตที่รับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต ตั้งแต่ การลำเลียงไข่ไก่ การล้าง การคัดไข่ไก่ จนถึงการบรรจุ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการสูญเสียระหว่างการผลิต พร้อมนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกระบวนการผลิต ได้แก่ ก๊าซชีวภาพจากมูลไก่ และพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ น้ำหลังการบำบัดจะถูกหมุนเวียนกลับมาผสมกับมูลไก่ในระบบโดยไม่มีการปล่อยน้ำออกสู่ภายนอกและนำมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้ฟาร์ม

ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังเพิ่มมูลค่าของเสีย นำกากที่เกิดจากระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงไข่ที่เสียหายและเปลือกไข่ไก่ไปใช้ประโยชน์ทำเป็นปุ๋ยเพื่อแบ่งปันให้เกษตรกรใกล้เคียงใช้ปรับสภาพดินสำหรับการเพาะปลูกอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ไข่ไก่ Cage Free ที่ทำจากกระดาษรีไซเคิล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ของซีพีเอฟที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ เป็นทางเลือกให้คนไทยได้บริโภคสินค้าที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อใจ มีส่วนร่วมรักษาโลกให้แก่คนรุ่นต่อๆ ไป

ปัจจุบัน นอกจากผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ Cage Free แบรนด์ยูฟาร์ม ที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ แล้ว ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่อีก 23 รายการเป็นสินค้าที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน มีผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์รวม 832 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนื้อไก่สด อาหารสัตว์บก ขณะที่ผลิตภัณฑ์ 56 รายการ อาทิ เนื้อหมูสด อาหารไก่เนื้อ ไข่ไก่ เป็นผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน.

X

Right Click

No right click