September 19, 2024

ททท. ร่วมกับเคทีซีส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สนับสนุนโรงแรมและรีสอร์ตที่ผ่านมาตรฐานโครงการโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) กว่า 900 แห่งทั่วประเทศไทย ด้วยการออกแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวช่วงกรีนซีซั่น รวมถึงเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวรับรู้ถึงเป้าหมายของภาครัฐเรื่องการยกระดับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Tourism Goals (STGS) และเข้าร่วมใช้งานแพลตฟอร์ม CF-Hotels เพื่อจัดเก็บข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Tourism รองรับเทรนด์โลกที่นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการสถานประกอบการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย ว่า ททท. ร่วมมือกับบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางและใช้จ่ายในช่วงกรีน ซีซั่น รวมถึงส่งเสริมการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการที่พักที่ใส่ใจการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ททท. ในฐานะผู้นำด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวมีภารกิจโดยตรงในการส่งเสริมให้การท่องเที่ยวไทย มีส่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน มีความยินดีอย่างยิ่งที่เคทีซี ซึ่งเป็นองค์กรภาคเอกชน มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และเห็นความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมจัดแคมเปญนี้ร่วมกัน ถือเป็นการนำเครื่องมือทางการตลาดมาใช้ในการขับเคลื่อนมิติด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมเดินทางท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ รวมถึงการใช้เวลาอย่างมีคุณค่ากับคนที่คุณรักอย่างทั่วถึง ตามสโลแกน “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” ของ ททท.

นางสาวปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เคทีซีได้กำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจนในเรื่องการผลักดันการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้สมาชิกได้ท่องเที่ยวอย่างมีความหมายและตระหนักถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีเมื่อใช้จ่ายที่โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) กว่า 900 แห่ง ได้แก่ 1) รับส่วนลดสูงสุด 55% โดยไม่ต้องใช้คะแนน สำหรับค่าห้องพัก และค่าอาหาร-เครื่องดื่ม ที่โรงแรมและรีสอร์ตที่เข้าร่วมรายการ และ 2) แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม 2567 – 31 พฤษภาคม 2568 นอกจากนี้ เมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบทุก 1,000 บาท ณ โรงแรมที่ร่วมรายการ รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรับบัตรกำนัลห้องพัก 10 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 128,000 บาท (จำกัด 10 สิทธิ์ ต่อท่าน ต่อวัน) ลงทะเบียนครั้งเดียวรับสิทธิ์ลุ้นตลอดรายการ ระหว่างวันที่

15 สิงหาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://www.ktc.co.th/promotion/hotel-resort/domestic-hotel/greenhotels 

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 หรือติดตาม โปรโมชันของเคทีซีได้ที่ https://www.ktc.co.th สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

 

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดช่วงปิดเทอม วันหยุดยาว หรือวันหยุด สดสัปดาห์ กรุงเทพฯ น่าจะเป็นสถานที่เที่ยวใกล้บ้านสำหรับครอบครัวที่อยากจะหากิจกรรมให้เด็กๆ ทำในยามว่าง เพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ของครอบครัว และเปิดโลกทัศน์เพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิตให้ลูกที่กำลังจะเติบโต แม้ในยุคออนไลน์ที่ข้อมูลข่าวสารสามารถค้นหาได้ง่ายและรวดเร็ว แต่การออกไปสัมผัสเรียนรู้ด้วยตัวเอง คือกุญแจสำคัญในการพัฒนาทั้งทางร่างกาย ปัญญา อารมณ์และสังคม ซึ่งสวนสัตว์เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีของเด็กๆ ทุกยุคสมัย และปัจจุบัน “ซาฟารีเวิลด์” เป็นสวนสัตว์เปิดแห่งเดียว ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และเดินทางไปสะดวกและประหยัดเวลา” 

 

“เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับซาฟารีเวิลด์ ชวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี พาบุตรหลานเปิดประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยมอบโปรโมชันบัตรสมาชิกรายปีซาฟารีเวิลด์ ราคา 1,300 บาท (ราคาปกติ 2,880 บาท) พิเศษ! เพียงใช้ 1 คะแนน KTC FOREVER แลกรับส่วนลด 100 บาท หรือใช้ 1,500 คะแนน KTC FOREVER แลกรับส่วนลด 300 บาท

โดยแลกรับโค้ดส่วนลด ผ่านแอปฯ KTC Mobile และนำโค้ดไปรับสิทธิ์ผ่านช่องทาง www.safariworld.com/365 หรือ ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรคนไทยซาฟารีเวิลด์ หรือรับสิทธิพิเศษ ผ่อนชำระ 0%  นาน 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรคนไทยซาฟารีเวิลด์เท่านั้น สามารถซื้อและลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 -  18 สิงหาคม 2567” 

“ทั้งนี้ ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดแหล่งท่องเที่ยว (Attraction) ในไตรมาส 2 ของปี 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 47% และมีจำนวนสมาชิกใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้น 27% เราจึงอยากสนับสนุนให้คนไทยท่องเที่ยวไทยกันมากๆ เพราะในเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รอให้เราไปค้นหาและเคทีซีก็พร้อมจะมอบสิทธิพิเศษเพื่อเติมเต็มความสุขให้สมาชิกทุกช่วงชีวิต” 

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/travel/attractions หรือสอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 สำหรับผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี   

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (เคทีซี)  ร่วมด้วย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัดทั่วประเทศ หวังยกระดับการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชนเพื่อเป็นแรงผลักดันให้รายได้การท่องเที่ยวในประเทศโตตามเป้าหมายที่ 1.2 ล้านล้านบาท พร้อมมอบสิทธิพิเศษผ่านแคมเปญ ‘ขับรถเที่ยวเมืองรอง (เมืองน่าเที่ยว) กับบัตรเครดิตเคทีซี’ รับเครดิตเงินคืน4% เมื่อเติมน้ำมันที่ พีทีที สเตชั่น ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ททท. ขานรับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว หรือ เมืองรอง 55 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) นำรายได้กระจายสู่ชุมชน และยังถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์  IGNITE THAILAND’S TOURISM ของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก จึงได้ร่วมมือกับร่วมมือกับ เคทีซี หรือ บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท  
ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และพันธมิตรอีกหลายรายออกแคมเปญ ‘ขับรถเที่ยวเมืองรอง (เมืองน่าเที่ยว) กับบัตรเครดิตเคทีซี’ รับเครดิตเงินคืน 4% เมื่อเติมน้ำมันที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และได้รับเครดิตเงินคืนกับสถานีบริการน้ำมันอีกหลายราย รวมถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ อีกมากมาย โดยตั้งเป้าหมายการออกแคมเปญในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ไม่ต่ำกว่า 70,000,000 บาท  

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดการท่องเที่ยวทั้งประเทศเดือนมกราคม – มิถุนายน 2567 เติบโตที่ 12% โดยยอดการเติบโตส่วนใหญ่มาจากหัวเมืองใหญ่จังหวัดท่องเที่ยว สะท้อนได้ว่าการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ยังต้องการแรงผลักดันจากรัฐบาลและภาคเอกชนในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและนำรายได้สู่ชุมชนอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เคทีซีพร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยให้บรรลุตามเป้าหมายของรัฐบาลโดยมอบสิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยวครอบคลุมทั้งสถานีบริการน้ำมัน / ส่วนลดและแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนร้านอาหารและร้านกาแฟ 136 ร้านค้า / ส่วนลดที่พัก 41 โรงแรม และส่วนลด 9 พันธมิตรรถเช่า ทั้ง 55 จังหวัดเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/tat  

นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า แคมเปญดังกล่าวถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต   เคทีซีที่วางแผนขับรถท่องเที่ยวไปยังเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) 55 จังหวัดใช้บริการที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และชำระค่าน้ำมันผ่านบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า และบัตรเครดิตเคทีซี มาสเตอร์การ์ด รับเครดิตเงินคืน 4% โดยมีเงื่อนไขข้อมูลจังหวัดที่อยู่ตามที่ระบุในใบแจ้งยอดของสมาชิกฯ ต้องไม่ตรงกับจังหวัดที่ตั้งของสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ทำรายการ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวต่างถิ่น และกระจายรายได้สู่ชุมชน สมาชิกสามารถรับสิทธิ์ดังกล่าวได้ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567  นอกจากนี้ สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซียังสามารถใช้คะแนน KTC FOREVER จำนวน 169 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 20 บาท เมื่อมียอดการใช้จ่ายที่ร้าน คาเฟ่ อเมซอน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 

นายถนัดผล ดุละลัมพะ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดค้าปลีกน้ำมัน บริษัท ปตท.น้ำมัน  และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า ปัจจุบันสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ภายใต้การกำกับดูแลของ OR ใน 55 จังหวัดเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,093 สถานี ความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและเคทีซีในครั้งนี้จะเป็นส่วนช่วยให้คนไทยสนใจขับรถท่องเที่ยวเส้นทางเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) มากยิ่งขึ้นด้วยสิทธิพิเศษที่คุ้มค่า พร้อมได้ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพจาก พีทีที สเตชั่น ซึ่งครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น “Super Power” น้ำมันเกรดพรีเมียมคุณภาพสูง ที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแรง รู้สึกได้ทันทีที่เติม พร้อมทำความสะอาด ปกป้องเครื่องยนต์ สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการน้ำมันที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยมีทั้ง Super Power ดีเซล และ Super Power GSH95 และสำหรับผู้บริโภคที่เน้นเรื่องความประหยัดคุ้มค่า ขอแนะนำ “Xtra Save” น้ำมันเกรดมาตรฐานสูตรใหม่ที่ทำให้ขับไปได้ระยะทางไกลกว่าเดิม ด้วย “สารเพิ่มพลังเครื่องยนต์ มากขึ้น 1.5 เท่า” เพิ่มอัตราเร่งได้เต็มกำลัง ปกป้องเครื่องยนต์ และลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน มอบความคุ้มค่าแก่ผู้บริโภคทุกคน โดยมีน้ำมันครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มดีเซล กลุ่มเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ น้ำมันทุกชนิดของ พีทีที สเตชั่น ได้รับรองมาตรฐาน EURO 5 ซึ่งมีปริมาณกำมะถันลดลงถึง 5 เท่า ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลง อากาศสะอาดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอย่างละเอียดเป็นประจำในทุกสาขา เพื่อควบคุมคุณภาพและส่งมอบน้ำมันที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคสอดคล้องกับพันธกิจหลักของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในมิติแห่งความยั่งยืน 

ศึกษาข้อมูลรายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ https://www.pttor.com/th/news/promotion และติดตามโปรโมชันและกิจกรรมอื่น ๆ ได้ที่ Facebook Fanpage: PTT Station หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1365 Contact Center หรือ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ   

ทราเวลโลก้า (Traveloka) แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกาศการเป็นหนึ่งในผู้จัดจำหน่ายบัตรล่องเรือสำราญ Disney Cruise Line ในประเทศไทย

หลังจากการเปิดตัวเส้นทางการล่องเรือสำราญสุดหรูนี้ในเอเชียที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เรือ Disney Adventure ประกาศกำหนดการเตรียมมาเทียบท่าที่สิงคโปร์ ประเทศเพื่อนบ้าน และเริ่มออกเดินทางในปี 2568 มอบโอกาสให้ผู้โดยสารจากประเทศไทยได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์และความมหัศจรรย์ของโลกดิสนีย์กลางมหาสมุทร พร้อมนำเสนอเมนูอาหารในธีมดิสนีย์อันเป็นเอกลักษณ์และกิจกรรมหลากหลายที่น่าสนใจ นับเป็นการเดินทางสุดแสนพิเศษที่น่าจดจำและเหมาะสำหรับผู้โดยสารทุกช่วงวัย

ซีซาร์ อินทรา (Caesar Indra) ประธานบริษัททราเวลโลก้า กล่าวว่า “การเปิดตัวเรือสำราญดิสนีย์ลำแรกในเอเชีย ถือเป็นโอกาสใหม่ที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ชื่นชอบการเดินทางที่จะได้สัมผัสโลกแห่งการผจญภัย โดยผู้ใช้งานจากประเทศไทยสามารถเริ่มลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของทราเวลโลก้า และรอดื่มด่ำไปกับประสบการณ์อันน่าหลงใหลของการล่องเรือดิสนีย์กับเราได้ก่อนใคร ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนแบบครอบครัว แบบคู่รัก หรือแนวผจญภัย ทราเวลโลก้ามุ่งมั่นที่จะมอบสิทธิประโยชน์ที่หลากหลายและเติมเต็มความฝันให้ลูกค้าของเราในช่วงวันหยุด การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญต่อภารกิจของเราในการยกระดับการเดินทางให้แก่ลูกค้า เมื่อไหร่ที่ Disney Adventure เปิดให้จองตั๋วในประเทศไทย ทราเวลโลก้าพร้อมมอบแพ็กเกจหลากหลายที่ไม่ควรพลาดทันที รวมถึงแพ็กเกจ Fly-Cruise สุดพิเศษสำหรับวันหยุดพักผ่อนในสิงคโปร์ที่มาคู่กับการล่องเรือ Disney Adventure และตัวเลือกอีกมากมาย ที่จะทำให้ลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างเต็มที่”

 

นางสาวกชสร โตเจริญธนาผล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวถึง แนวโน้มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลกปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องคาดว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 1.14 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเพิ่มเป็น 1.38 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2572 จากความต้องการและการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่เริ่มมีการเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์แบบยืดหยุ่น การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของไทยนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยปีที่ผ่านมา (2566) มีมูลค่ากว่า 3.5 แสนล้านบาท ส่วนปี 2567 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มกว่า 10% หรือประมาณ 3.85 แสนล้านบาท จากปัจจัยบวกด้านยุทธศาสตร์รัฐที่ต้องการยกระดับการผลิตอาหารของไทยให้เป็นศูนย์กลางอาหารโลก รวมถึงการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ฟื้นตัวและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะเพิ่มการบริโภคภายในประเทศและมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบต้องเตรียมพร้อมและพัฒนาการผลิตให้ดีขึ้น ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ในวันนี้มีหลายมิติ ทั้งคุณสมบัติในการสร้างความปลอดภัยและยืดอายุให้สินค้า ส่งเสริมการขายและเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าด้วยการออกแบบและความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งการพัฒนาการผลิตต้องเริ่มตั้งแต่เลือกวัสดุที่มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้วัสดุที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ (recycled materials) หรือวัสดุที่มีความสามารถในการย่อยสลาย (biodegradable materials) พร้อมปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ AI หุ่นยนต์และระบบการผลิตอัตโนมัติ (Automation) มาช่วยคำนวณการใช้ทรัพยากร พลังงานและการลดต้นทุน ฯลฯ ให้ดียิ่งขึ้น

งาน ProPak Asia เป็นงานแสดงเทคโนโลยีกระบวนการผลิตและแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บและการขนส่งตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำในระดับเอเชีย ที่มีส่วนสนับสนุนและร่วมพัฒนาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตและบรรจุภัณฑ์ของไทยให้มีความสามารถมากขึ้น โดยงาน ProPak Asia 2024 ปีนี้ ได้ยกโซน PackagingTech Asia เทคโนโลยีการบรรจุภัณฑ์และกระบวนการบรรจุภัณฑ์ DrinkTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม PharmaTech Asia เทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมยา Packaging Solution Asia เทคโนโลยีเพื่อการผลิตบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป Coding, Marking & Labelling Asia เทคโนโลยีเพื่อการเขียนรหัส ติดป้ายและปักหมายเลขบนสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ รวมถึง Lab&Test Asia เทคโนโลยีการตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานของอาหารและบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนกิจกรรมในโซนนี้ให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการจัดงานฯ โดยกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย

· I-Stage เวทีความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการลงทุนสำหรับโซลูชั่นทางธุรกิจในห่วงโซ่อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม ธุรกิจ FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) สินค้าอุปโภค บริโภค

· Packaging Design Clinic โซนให้คำปรึกษาด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการ เพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุน เสริมศักยภาพการผลิต โดยร่วมกับสมาคมออกแบบบรรจุภัณฑ์ไทย (Thai PDA)

· Design Box การนำเสนอผลงานการออกแบบ โดยคุณสมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์รางวัลระดับโลกจาก Prompt Design

· ThaiStar, AsiaStar, WorldStar Display พื้นที่จัดแสดงตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลชนะการประกวดออกแบบระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและระดับโลก ด้วยความร่วมมือจาก Thai-IDC, DIPROM (รางวัล ThaiStar) และ Asian Packaging Federation (รางวัล AsiaStar) และ The World Packaging Organisation (WPO) (รางวัล WorldStar)

นายโวล์ฟกัง คอนราด รองประธานฝ่ายการตลาดและสื่อสาร ไอดับเบิลยูเค แฟร์แพคคุงเทคนิก เจเอ็มเบอฮ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์จากประเทศเยอรมนี ซึ่งดำเนินงานในประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท ไอดับเบิลยูเค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานต้องปลอดภัย ถูกสุขอนามัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นวัสดุรีไซเคิลและย่อยสลายได้ ใช้ทรัพยากรน้อยลงในการผลิต มีการออกแบบอย่างสร้างสรรค์และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโรงงานของเรามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและผลิตบรรจุภัณฑ์ในหลายอุตสาหกรรม อาทิ เวชภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง อาหาร ฯลฯ ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทยในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาตินั้น ต้องเพิ่มขีดความสามารถ ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและมีพันธมิตรที่เชื่อถือได้ ซึ่งไอดับเบิลยูเค พร้อมให้คำแนะนำ แลกเปลี่ยนความรู้และอัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ กับผู้ประกอบการไทยตลอดเวลา

สำหรับการร่วมจัดงานกับ ProPak Asia นั้น นับว่าประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านเป็นอย่างมาก เพราะเป็นงานแสดงสินค้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดในเอเชีย ทำให้ผู้ร่วมงานได้รับประสบการณ์ที่ดี โดยงาน ProPak Asia 2024 ครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัว CABLIblue 870 ซึ่งเป็นระบบผลิตบรรจุภัณฑ์แบบ “Blister on Carton” ที่ใช้กระดาษแข็ง 100% นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ตอบสนองต่อกระแสความยั่งยืน โดยระบบนี้จะช่วยให้สินค้าลดการใช้พลาสติกจากบรรจุภัณฑ์แบบ Blister Pack ลงได้ และอีกหนึ่งไฮไลท์ คือ ระบบบรรจุกล่องรุ่น CH4 ที่ประหยัดพลังงานได้มากกว่า 20% รวมถึงเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์และบริการของ ไอดับเบิลยูเค อีกมากมาย

นายลำพูล อุ่นเรือน ประธาน บริษัท เซนต้า แพ็ค แมชชีนเนอรี่ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตอาหารจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตอาหารเพื่อการส่งออกทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์ ได้ให้ความเห็นถึงโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไทยว่า มีโอกาสเติบโตอีกมากเพราะไทยเป็นฐานการผลิตอาหารสำคัญของโลก สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องติดตาม คือ แนวโน้มบรรจุภัณฑ์ที่ต้องรักษ์โลกมากขึ้น ผู้ผลิตบางรายมีการปรับมาใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกจากวัสดุเพียงชนิดเดียว (Mono Material) ที่สามารถระบุชนิดของวัสดุที่สอดคล้องกับกระบวนการรีไซเคิลได้ เพื่อเป็นไปตามความต้องการของลูกค้าและกฎระเบียบทางการค้าของแต่ละประเทศ พร้อมรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัย โดยในส่วนของบริษัทฯ นั้น ได้มีการพัฒนาเทคโลยีการบรรจุสินค้าแบบใช้ความร้อนและความดันสูงเพื่อฆ่าเชื่อ (Retort) ให้รองรับกับบรรจุ

ภัณฑ์ของลูกค้า เช่น การใช้ Ultrasonic Sealing Method สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กลง แต่ต้องการความแม่นยำในการซีลสูงและสามารถใช้กับสินค้ากลุ่ม Mono Material ได้

การร่วมจัดแสดงงานกับ ProPak Asia นั้น เป็นโอกาสที่ดีที่ได้นำเสนอเทคโนโลยีเครื่องจักรใหม่ๆ ได้สร้างความสัมพันธ์ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมถึงมุมมองต่างๆ กับลูกค้าเก่าและได้พบลูกค้าใหม่ในทุกครั้งของการจัดงาน ส่วนไฮไลท์ที่จะนำมาร่วมจัดแสดงในปีนี้ คือ เครื่อง Vacuum Rotary ในกลุ่มสินค้า Curry paste และมีการจัดแสดงโซลูชั่นในการบรรจุแบบอัตโนมัติที่จะช่วยผู้ประกอบการที่มีปัญหาการเพิ่มกำลังการผลิตแต่ขาดแคลนแรงงานอีกด้วย

งาน ProPak Asia 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานและต้องการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงานฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.propakasia.com

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click