กระแสความนิยมการขุดเหรียญดิจิทัล ทำให้มี miner หรือนักขุดเหรียญดิจิทัลเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยที่กระแสนี้ก็มาแรงไม่แพ้กัน
กิตติพงษ์ หิริโอตัปปะ นักพัฒนาในการออก ICO (Initial Coin Offering) อธิบายกับ นิตยสาร MBA ถึงหลักการขุดเหรียญดิจิทัลและที่มาของรายได้จากการขุดเหรียญ (Mining) ว่าผลลัพธ์และสิ่งที่เกิดขึ้นจากการขุดเหรียญนั้นมี 2 เรื่องหลักๆ คือ
1. รายได้ที่เกิดขึ้นมาให้กับคนที่ขุด โดยนักขุดใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็น
เครื่องมือในการถอดรหัส แก้โจทย์โดยการหาสมการทางคณิตศาสตร์ ซึ่งคิดค้นขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีระบบ Blockchain (บล็อกเชน) เมื่อการขุดสำเร็จจะได้รางวัตอบแทนเป็นเหรียญ ตรงนี้คือที่มาของรายได้เหรียญหลากหลายสกุลที่เกิดขึ้น เช่น เหรียญสกุลดิจิทัลยอดฮิตอย่าง บิทคอยน์ (Bitcoin) และอีเธอเรียม (Ethereum) เป็นต้น
2. การ “แก้โจทย์” สมการทางคณิตศาสตร์ จากคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผล หรือในภาษาทั่วไปที่เรียกกันว่า “การขุด” โดยคอมพิวเตอร์หลายเครื่องทั่วโลก ระดมสรรพกำลังแข่งขันกันขุด ซึ่งโปรแกรมการขุดเหรียญจะสุ่มเลข 1 ชุด แล้วโยนตัวเลขนั้นเข้าไป เนื่องจากสมการคณิต-ศาสตร์เป็นสมการที่แก้ไขได้ยาก สิ่งที่ Miner จะต้องทำคือการโยนค่าของผลลัพธ์ 1 ชุดที่คาดการณ์ความน่าจะเป็นเข้าไปโมดิฟายที่บิทคอยน์ (กรณีเป็นบิทคอยน์) ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ จะเหมือนกับการซื้อหวย เพราะบิทคอยน์ จะตอบผลกลับมาว่าใช่หรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะถูกรีเจ็คท์ออกมา
โอกาสในการขุดและแก้สมการสำเร็จ จึงขึ้นอยู่กับสรรพกำลังในการโยนค่าผลลัพธ์ และการสุ่มตัวเลขให้ตรง นั่นหมายถึง พลังของ GPU หรือการ์ดจอในการขุด ยิ่งซื้อรุ่นที่มีราคาแพงมาก จะทำให้มีกำลังในการส่งสูง คือมีความสามารถในการคิดได้มากขึ้น
ประการต่อมาคือ ยิ่งส่งไปมาก โอกาสที่จะใช่ก็มีมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการขุดแบบ Pool แต่คนที่ขุดคนเดียวก็สามารถทำได้ ใช้การ์ดจอราคาถูกโยนตัวเลขเข้าไปได้มา 10 บิทคอยน์ก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะตามที่กล่าวคือ เหมือนการถูกหวย แต่โอกาสอาจจะยากกว่าการขุดแบบ Pool ซึ่งเป็นการขุดที่มีหลายคนมาร่วมกัน มีการ์ดเป็นจำนวนหลักพัน ช่วยกันโยนตัวเลขเข้าไป ทำให้ความเป็นไปได้จะมีมากกว่า ด้วยความสามารถตั้งแต่รุ่นของการ์ดจอที่มีราคาสูง ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง รวมถึงพลังคอมพิวเตอร์ของการขุดร่วมกัน
สำหรับรูปแบบการให้ผลตอบแทนนั้น กิติพงศ์กล่าวว่าเกิดจากการแก้โจทย์สมการว่า เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์โยนตัวเลขถูกแล้ว บล็อกเชนจะส่งผลตอบแทนมาที่ Pool แล้วหลังจากนั้น Pool จะกระจายรายได้ แบ่งรางวัลกันต่อไป ตัวอย่างเช่น 50 บิทคอยน์ หารเฉลี่ย 1 พันการ์ดจะได้คนละ 0.2 บิทคอยน์เป็นต้น
เมื่อติดตามสถานการณ์การขุดเหรียญ จะเห็นได้ว่ามือใหม่ขุดเหรียญในเมืองไทย ส่วนใหญ่เริ่มต้นขุดเหรียญจากการใช้โปรแกรม Nicehash ซึ่งจะมีการเลือกขุดเหรียญที่ให้กำไรดีที่สุดให้เลย นี่คือการขุดแบบง่ายที่สุดใช้โปรแกรมที่ Install ไว้ และซอฟต์แวร์สามารถทำทุกอย่างได้อย่างชาญฉลาดมาก แต่ข้อเสียก็คือเงินจะไป Pool กับ Nicehash และผลตอบแทนจะน้อยกว่าการไปขุดที่ Pool อื่นๆ จึงอาจจะมีนักขุดบางรายที่รู้สึกว่ารายได้น้อย และอาจขยับขยายไป Pool อื่นๆ ที่มีกำลังการผลิตสูงกว่า รายได้ต่อเนื่องกว่า และมีโอกาสในการขุดแล้วเจอบล็อกมากกว่า
ถามว่า Pool ในเมืองไทย มีแนวโน้มอย่างไรบ้างนั้น มีคนที่เข้ามาทำบ้าง แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยดีมากนัก เพราะว่ามีกำลังน้อยกว่า Pool ในต่างประเทศ ซึ่งอันที่จริงแล้ว ตามความเห็นส่วนตัว การตั้ง Pool ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่สำคัญคือ จำนวนเครื่องที่เข้าไปร่วมต้องมีจำนวนเริ่มต้นที่หลัก 1 พันการ์ดจอเป็นต้นไป
สภาพตลาดในประเทศไทยย้อนหลัง 2-3 ปีตั้งแต่เริ่มมีการตั้ง Pool ขุดเหรียญนั้น ประสบปัญหาภาวะการ์ดจอที่เป็นเครื่องมือหลักในการขุดเหรียญ ขาดตลาดต่อเนื่องมาจนกระทั่งปัจจุบัน มีตัวเลขที่คาดการณ์กันว่าประมาณ 20-30% ของจำนวนทั้งหมดเป็นของตลาดเกมเมอร์ ส่วนที่เหลือเป็นของตลาดขุดเหรียญ ซึ่งเป็นหลักหมื่นการ์ดจอ ถือเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าตลาดเกมเมอร์มาก ทำให้เกิดการ
โก่งราคาขาย ไปจนถึงการเปลี่ยนโมเดลมาเป็นการขายพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ หากต้องการซื้อจะต้องซื้อที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ครบชุด
การทำมาร์เก็ตติงลักษณะนี้สร้างความไม่เห็นด้วยจากคนส่วนใหญ่ ในมุมมองของเกมเมอร์ จะมองเพียงแค่จะซื้อการ์ดจอทำไมต้องลงทุนซื้อชุด ซื้อ CPU ซื้อเมนบอร์ด ต้องซื้อคอมพิวเตอร์ทั้งเครื่อง ในขณะที่บางคนหนีไปซื้อการ์ดจอจากออนไลน์ นำเข้าจากต่างประเทศ จะประสบปัญหาไม่มีการรับประกัน หรือกรณีมีประกันก็จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก เพราะผู้ซื้อต้องส่งอุปกรณ์เคลมตรงไปที่ต่างประเทศด้วยตนเอง
กิตติพงษ์ กล่าวในมุมมองส่วนตัวคิดว่า การขุดเหรียญเป็นวิธีการลงทุนที่ทำรายได้อย่างคุ้มค่าดี ทั้งคุ้มค่าไฟฟ้า และคุ้มค่าเครื่องในจำนวน 10 การ์ดจอหรือ 10 เครื่อง โดยเทคนิคของการขุดคือต้อง Hold เอาไว้ให้ค่าเงินสูง
“มีคนบอกว่า Mining ช่วงนี้ไม่ได้กำไร จะขาดทุน ซึ่งไม่จริง แต่เราชอบเอาเงินของคริปโตฯ ไปเทียบกับโลกจริง เมื่อเกิดการเปรียบเทียบ จะคิดว่าช่วงนี้ขุดคุ้ม ช่วงนี้ขุดไม่คุ้ม Strategy ของนักขุดที่อยากให้แชร์กันได้เลยคือ เขาจะเก็บเงินไว้ จนกว่าค่าเงินจะปรับขึ้น แล้วขายออกตอนนั้น ไม่จำเป็นต้องรีบขาย ส่วนใหญ่พวกเม่าที่เข้ามา จะรีบขายออกโดยเร็วที่สุดเพราะอยากคืนทุนเป็นเงิน Fiat ซึ่งระยะนี้เป็นช่วงที่ไม่น่าขายอะไรเป็นอย่างยิ่ง เพราะตลาดซบเซาและราคามีความผันผวนสูง”
นอกจากนี้ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่า ในระบบการกระจายบิทคอยน์แต่ละวันนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และจะมีการป้องกันคนที่มี Hashing power คือคนที่มีพลังการขุดสูงมาก แบบที่เข้ามาคนเดียวแล้วเก็บเงินไปหมด ดังนั้นโดยการจัดการของระบบ ถ้ามีนักขุดที่มีกำลังมากๆ เข้ามา ก็ยังคงได้เงินหนึ่งบาทเท่าเดิม เพราะมีการตั้งไว้แล้วว่าจะให้ 1 บาทใน 1 วัน ไม่ว่าใครจะมีการ Hashing power สูงเท่าไหร่ก็จะมาเก็บไปทั้งหมดไม่ได้ สำหรับบาทที่เหลือจะกระจายเป็นอัตราส่วนไปให้คนอื่นๆ ที่ขุด
แม้ว่าการขุดเหรียญจะมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ ทว่าในด้านความคุ้มค่าและความสำคัญก็ยังคงมีอยู่เป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่มีคนขุดเหรียญ ก็จะไม่มีการค้นพบสมการใหม่ และไม่มีการแก้โจทย์สมการทางคณิตศาสตร์ใหม่เกิดขึ้น ซึ่ง
นั่นหมายถึงการรันของเทคโนโลยีระบบ
บล็อกเชน จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ตลอดจนจะไม่มีเหรียญสกุลดิจิทัลใหม่ๆ เกิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน