×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6847

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 802

“พฤกษา เรียลเอสเตท” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ล้ำหน้าด้วยความสำเร็จด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนวัตกรรม จนได้รับรางวัล International Quality Management Award รางวัลระดับอินเตอร์ที่มอบให้กับองค์กรที่ทุ่มเทและพัฒนาด้านนวัตกรรมเป็นเลิศ โดยในปีนี้ได้วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation เดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO–TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย ก้าวเป็นอันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รางวัล International Quality Management Award เป็นรางวัลจากเวทีระดับโลก มอบให้องค์กรที่ทุ่มเทและพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ความสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมในองค์กรในการมุ่งเน้นด้านคุณภาพเพื่อความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพฤกษา เรียลเอสเตท ได้รับรางวัลนี้เพราะให้ความสำคัญในเรื่องของ Quality, Innovation, Product และ Brand รางวัลนี้จึงเป็นความภูมิใจของพฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้ไปสร้างชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในเวทีระดับนานาชาติ และเป็นกำลังใจที่จะทำให้เราเดินหน้าพัฒนาสินค้าและการบริการ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ให้ก้าวล้ำเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค พร้อมทั้งรักษามาตรฐานความเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งหวังให้สินค้าและการบริการดีเลิศควบคู่ไปพร้อมกับการใช้เทคโนโลยี”

“ในปีที่ผ่านมา พฤกษา เรียลเอสเตท ใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง เน้นสร้าง Excellent Quality ด้วยการยึดหลักแบรนด์ไอเดีย PRUKSA ใส่ใจ...เพื่อทั้งชีวิตโดยวางโรดเมพ ไว้ 5 ด้าน คือ Construction ใส่ใจในเทคโนโลยีการก่อสร้างและการผลิต, Innovation ใส่ใจในนวัตกรรมที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ไม่หยุดยั้ง, Product Design ใส่ใจการออกแบบฟังก์ชั่นใช้สอยเพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงการออกแบบบ้านเพื่อการอยู่อาศัยสำหรับทุกเพศทุกวัย, Community ใส่ใจสร้างสรรค์สังคมน่าอยู่ เพื่อให้ลูกค้ามีสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี และ Service ใส่ใจด้านบริการที่มีมาตรฐานทั้งก่อนและหลังการขายด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ โดยในปีนี้ได้มีการเปิดตัว The Living Application ที่ทำให้ทุกเรื่องบ้าน ครบ จบ ในแอปเดียว ตั้งแต่เริ่มค้นหาบ้าน ข่าวสารและโปรโมชั่น ไปจนถึงการตรวจรับบ้านและเข้าอยู่อาศัย” นางสุพัตรา กล่าว

สำหรับในปี 2562 นี้ พฤกษา เรียลเอสเตท ได้ประกาศชูแผนกลยุทธ์รักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้วยการขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation พร้อมเดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO–TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย และยังมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมในองค์กรเรื่องของคุณภาพ ลงมือทำจริงเพื่อส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพให้ลูกค้า โดยทุกวันศุกร์ทีมผู้บริหารจะออกตรวจไซต์งาน ดูแลใกล้ชิดตั้งแต่คนงานก่อสร้าง ลูกค้า และพนักงาน พร้อมปรับปรุงทุกกระบวนการทำงานให้มีคุณภาพ ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสำคัญกับโรดเมพทั้ง 5 ด้าน คือ Construction, Innovation, Product Design, Community และ Service อย่างต่อเนื่อง

จากการดำเนินงานตาม Roadmap ที่ตอกย้ำด้วยการลงมือทำจริง ความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กร พัฒนาสินค้า และการบริการ นอกจากจะทำให้ พฤกษา เรียลเอสเตท ได้รับรางวัล International Quality Management Award ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแล้ว ในด้านความพึงพอใจจากลูกค้าของพฤกษายังเพิ่มสูงขึ้น รายการข้อร้องเรียนต่างๆ ลดลงถึง 18% แบรนด์พฤกษาได้รับการชื่นชมในโลกโซเชียลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เรายังคงเดินหน้าพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบโจทย์ Brand Propose ของพฤกษาที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพความสุขที่แท้จริงของการใช้ชีวิตของคนไทย” นางสุพัตรา กล่าวทิ้งท้าย

นางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดองค์กร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และนายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมทำพิธีเปิดห้องสอนแสดง “ โครงการรู้ทัน...กันหักซ้ำ” ที่โรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งเป็นห้องตัวอย่างสำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก  โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ และมีนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงมีการให้ความรู้ในการเตรียมพื้นที่สำหรับผู้สูงอายุหลังรับการฟื้นฟูจากโรงพยาบาลเมื่อกลับไปใช้ชีวิตประจำวันปกติที่บ้าน 

ห้องตัวอย่างดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการความร่วมมือระหว่างพฤกษา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย และกรมการแพทย์ ที่มีการลงนาม MOU ในการร่วมกันพัฒนานวัตกรรมบ้านผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) โดยพฤกษา “ใส่ใจ” ในคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะประชากรวัยสูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่สนใจสามารถชมห้องตัวอย่างได้ที่ชั้น  17 อาคารกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลเลิดสิน

พฤกษาผู้นำอันดับหนึ่งในวงการอสังหาฯ โชว์ผลประกอบการปี 61 ทำผลงานนิวไฮเรคดอร์ดสร้างยอดขาย 51,101 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปี มีรายได้ 44,901 ล้านบาท และกำไร 6,022 ล้านบาท เตรียมเดินหน้าชูแผนกลยุทธ รักษาความเป็นผู้นำอันดับ ด้วย Portfolio ที่แข็งแกร่ง ชูนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO-TECH ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมเปิดตัว The Living Application ที่ทำให้ทุกเรื่องบ้าน ครบ จบในแอปเดียว ตลอดจนใส่ใจในเรื่องของคุณภาพเป็นเลิศและบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำยอดขายได้สูงถึง 51,101 ล้านบาท  ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปี นับจากก่อตั้งพฤกษา เติบโตเพิ่มขึ้น 7.5% จากปี 2560 ที่มียอดขายรวม 47,535 ล้านบาท มีรายได้อยู่ที่ 44,901 ล้านบาท เติบโต 2.2% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 43,935 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6,022 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10.4% จากปี 2560 ที่มีกำไรอยู่ที่ 5,456 ล้านบาท

ด้านภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2562 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันที่เข้มข้นในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้นเล็กน้อยที่ประมาณ 5% โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 54,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5.7% เป้ารายได้ 47,000 ล้านบาท เติบโต 4.7% โดยมาจากแผนการเปิดโครงการใหม่ จำนวน 55 โครงการ มูลค่า 68,100 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมียอดขายที่รอรับรู้ราย ณ สิ้นปี 2561 ที่ 33,233 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดที่สูงสุดเท่าที่ผ่านมา และเป็นยอดขายรอรับรู้รายได้ในปี 2562 อยู่ที่ 21,638 ล้านบาท

สำหรับแผนกลยุทธ์หลักในปี 62 บริษัทฯ มุ่งเน้นรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนปรับ Portfolio ของกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มระดับกลางบนเพิ่มมากขึ้น และขยายโครงการใหม่ไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพ อาทิ ขอนแก่น ระยอง สระบุรี และนครปฐม พร้อมรักษาฐานลูกค้าเดิมในตลาดแวลู โดยในปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการไฮไลท์หลายโครงการ อาทิ โครงการบ้านเดี่ยวสำหรับกลุ่มตลาดบนกับแบรนด์ The Palm รวมถึงมีการนำแบรนด์ IVY กลับมาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์มากขึ้น และรุกตลาดพรีเมียมเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดโดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์ “Chapter” ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ของพฤกษา เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในระดับราคา 5 – 10 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้พฤกษาได้ต่อยอดความสำเร็จ ขับเคลื่อนองค์กรผ่าน Digital Transformation เดินหน้าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี INNO -TECH เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างตรงจุด ด้วยการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาปรับใช้ในทุกกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การนำ Big Data ที่มีอยู่มาวิเคราะห์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเพื่อนำมาใช้พัฒนาในด้านต่างๆ อาทิ การนำข้อมูลมาพัฒนาด้าน Product and Innovation Design สำหรับที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ตรงกับความต้องการมากขึ้น การทำการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุก Customer Journey ได้เฉพาะเจาะจง รวมไปถึงการพัฒนาด้านการบริการด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อมอบความสะดวกสบายแก่ลูกบ้านในการอยู่อาศัยแบบครบวงจรอย่าง The Living Application ที่ทำให้ทุกเรื่องบ้าน ครบ จบ ในแอปเดียว ตั้งแต่เริ่มค้นหาบ้าน ข่าวสารและโปรโมชั่น ไปจนถึงการตรวจรับบ้านและเข้าอยู่อาศัย ได้แก่ การชำระค่าผ่อนดาวน์ รวมไปถึงระบบ Smart Home (สั่งการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านผ่านมือถือ), Smart Facilities (จองพื้นที่ส่วนกลาง), Mail & Parcel แจ้งเตือนรับจดหมายหรือพัสดุ และในแอปพลิเคชันยังมีข้อมูลสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า Pruksa Member และบริการต่างๆ จากผู้ช่วยอัจฉริยะ อาทิ บริการทำความสะอาด ล้างแอร์ รับ-ส่งพัสดุ งานช่าง เป็นต้น สำหรับลูกค้าพฤกษาสามารถดาวน์โหลดผ่าน Play Store และ App Store ได้แล้ววันนี้

นอกเหนือจากแผนกลยุทธ์ตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในเรื่องของคุณภาพเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่พฤกษายังคงมุ่งเน้นใส่ใจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแผนรุกธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ มากยิ่งขึ้น” นางสุพัตรา กล่าว

 

สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า “ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มียอดขายรวม 24,376 ล้านบาท รายได้ 19,282 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.1 เปอร์เซ็นต์ จากผลของการปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้เข้าสู่สัดส่วน คอนโดมิเนียม 40เปอร์เซ็นต์ ทาวเฮาส์ 40 เปอร์เซ็นต์ และบ้านเดี่ยว 20 เปอร์เซ็นต์ และการเปลี่ยนแผนการขายที่เน้นการขายบ้านพร้อมอยู่เพิ่มขึ้นทำให้การเปิดโครงการในช่วงครึ่งปีแรกลดลง ขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2,426 ล้านบาทเท่ากันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านต่างๆ

 ในช่วง 6 เดือนแรกของปีมีการเปิดโครงการใหม่แล้ว 26 โครงการ มูลค่า 19,900 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 42 โครงการ มูลค่ารวม  41,500 ล้านบาท  โดยมีโครงการไฮไลท์หลายโครงการทั้งในกลุ่มธุรกิจพรีเมียม และกลุ่มธุรกิจแวลู  อาทิ “เดอะรีเซิร์ฟ สาทร”ภัสสร บางนา-วงแหวน”เดอะไพรเวซี่ จตุจักร”, และ  “พฤกษาวิลล์ รามคำแหง-วงแหวน” โดยจะใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ที่เน้นคุณภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ สร้างความแตกต่างของโปรดักส์ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงเพิ่มสัดส่วนการใช้สื่อดิจิตอลในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ในกลุ่มทาวน์เฮาส์จะมุ่งรักษาความเป็นเจ้าตลาดทาวน์เฮาส์อย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ และในเขต EEC มากขึ้น

 อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้เพิ่มช่องทางการขาย New Sales Channel  อีก 3 ช่องทางได้แก่ “โบรกเกอร์”  ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมที่เป็นชาวต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น  “B2B” การมอบส่วนลดพิเศษกับองค์กรพันธมิตรกับพฤกษา ปัจจุบันมีองค์กรที่เป็นพาร์ทเนอร์แล้วถึง 1,314 แห่ง (รวมบริษัทในเครือ) โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายจากสองช่องทางใหม่นี้ คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของยอดขายทั้งหมด และอีกช่องทางการขายที่เพิ่มขึ้นได้แก่ Pruksa Member  ที่เน้นให้สมาชิกพฤกษาแนะนำผู้ซื้อ ซึ่งผู้แนะนำจะได้รับสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขที่กำหนด ที่ผ่านมาพบว่า 47% ของลูกค้าที่ถูกแนะนำจะซื้อที่อยู่อาศัยของพฤกษา  และพฤกษามีฐานข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าขนาดใหญ่มากกว่า 1 ล้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างๆ ที่อยู่ในฐานข้อมูลเพื่อผลักดันยอดขายได้ดียิ่งขึ้น

 ด้านความคืบหน้าของการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุต คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งระหว่างนี้มีแผนเปิดคลีนิค “บ้านหมอวิมุต” ซึ่งเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการรักษาโรคทั่วไป รวมถึงให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับผู้อาศัยในชุมชน  เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดจากโรงพยาบาลวิมุต โดยจะเปิดโครงการนำร่องให้บริการที่แรกในย่านรังสิต คลอง 3 จ.ปทุมธานี ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งย่านรังสิตถือเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และมีโครงการของพฤกษาอยู่เป็นจำนวนมาก และจะขยายไปยังชุมชนอื่นต่อไปในอนาคต

 ทางด้านปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในครึ่งปีหลังจะมีการปรับพอร์ตเน้นเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพื่อเป็นการวางเป้าหมายรายได้ในระยะยาว โดยจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 10 โครงการ คิดเป็น 40% ของพอร์ตรวมทั้งหมด ซึ่งมีหลากหลายทำเลทั้งใจกลางเมืองย่านธุรกิจและตามแนวรถไฟฟ้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มคอนโดได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของบ้านเดี่ยวจะเน้นการสร้างความแตกต่างทั้งในด้านของดีไซน์ ฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุด และในครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมจำนวน  4 โครงการ ได้แก่  พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น,  พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น, เออร์บาโน่ ราชวิถี และแชปเตอร์วัน อีโค รัชดา-ห้วยขวาง   มูลค่าราว 12,200 ล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มของอัตราการปฏิเสธธนาคารของลูกค้าพฤกษาในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในระดับต่ำเพียง 4.6% จากกลยุทธ์บ้านพร้อมขาย (Ready to Move in) และ Pre-Approve ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จึงคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน

เมื่อพูดถึงนักการตลาดชั้นนำของประเทศไทย ชื่อของ สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ ที่ปัจจุบันมาเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ต้องติดอยู่ในลำดับต้นๆ เสมอ

จากอาจารย์มหาวิทยาลัย ก้าวสู่ธุรกิจข้ามชาติทำหน้าที่ต่างๆ ตั้งแต่เบื้องหลังในฐานะนักกลยุทธ์ ไปอยู่เบื้องหน้าในฝ่ายการตลาด ได้รับการโปรโมทจนได้ไปทำงานในต่างแดน ดูแลธุรกิจของยูนิลิเวอร์ในภูมิภาค และระดับสากล เธอบอกว่าถ้ามองย้อนกลับไป เธอกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ความหลากหลาย ถือเป็นความสนุกในชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งของเธอ และที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงช่วยทำให้เกิดการเรียนรู้ และไม่หลงไปกับความสำเร็จที่เข้ามาได้ดี

หลังจากตอบรับคำเชิญชวนของ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ กลุ่มพฤกษาให้เข้ามาช่วยทำงาน ในตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม เธอก็เริ่มต้นการเปลี่ยนครั้งใหม่ของตัวเอง กับการเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมใหม่สำหรับตัวเธอเองโดยเธอเล่าบทบาทในปัจจุบันว่า

หน้าที่คือการช่วยทำให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมาย และสร้างแบรนด์พฤกษา เพื่อให้ธุรกิจนี้มีความยั่งยืนและแตกต่าง รวมถึงการดูพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจ สร้างธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่ม ซึ่งเริ่มต้นด้วย ‘โรงพยาบาลวิมุต’ ธุรกิจใหม่ของกลุ่มพฤกษาที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างตัวอาคาร รวมถึงการช่วยบริหารจัดการด้านอื่นๆ เพื่อสร้างพฤกษาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต ตามเป้าหมายของผู้ก่อตั้งที่อยากจะให้คนไทยได้มีบ้านคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ และได้รับบริการที่เป็นเลิศจากพฤกษา

เธอเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีทั้งส่วนที่ต่างและที่คล้ายคลึงกัน ที่ต่างอย่างแน่นอนคือตัวผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่เป็นสินค้า FMCG (Fast Moving Consumer Goods) สู่อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้บริโภคถือว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของชีวิต แต่จุดที่เหมือนกันคือ ตัวผู้บริโภค ที่หากเข้าใจตัวผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง ก็จะสามารถทำการตลาดได้

“FMCG บทบาทของ Product Brand จะเด่นชัดกว่า Corporate Brand แต่สำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Corporate Brand มีบทบาทมากกว่า ดังนั้นต้องใช้ศิลปะและความเข้าใจเกี่ยวกับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคและการแข่งขันในท้องตลาด เราต้องคิดแบบผู้นำ คิดแบบก้าวหน้า”

ในด้านการบริหารจัดการอื่นๆ สุพัตรา
มองว่า ไม่แตกต่างกันที่ต้องมีเป้าหมาย มีวิสัยทัศน์ มีกลยุทธ์ เพียงแต่จะต้องปรับแผนและวิธีการดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมกับธุรกิจและวัฒนธรรมขององค์กรแต่ละองค์กร โดยการนำเอาข้อดีและจุดแข็งขององค์กรที่มีอยู่มาผสมผสานกัน ทั้งการทำทุกอย่างด้วยใจ มีความมุ่งมั่น และรวดเร็ว รวมถึงประสบการณ์ในองค์กรสากล 

“การย้ายข้ามมาองค์กรใหม่ หรือทำสิ่งใหม่ๆ ต้องระวังว่า เราควรจะเปลี่ยนอะไรของที่นั่น จับให้ถูกว่าอะไรที่เราควรปรับตัวเองเข้าด้วย แต่ถ้าเราปรับหมด ถูกกลืนไปหมด เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” 

โดยเธอบอกแนวคิดในการทำงานว่า มองไกล มองกว้าง รู้ว่าต้องขยายในจุดใด และส่วนใดที่ต้องลงมือทำ “ยิ่งเป็นผู้นำระดับสูง สิ่งที่เรียนรู้มากที่สุดคือว่า เราจะทำให้สำเร็จโดยที่ไม่ต้องลงมือทำได้อย่างไร คือการวางโครงสร้าง วางคน วางงาน และให้มั่นใจว่าเป้าหมาย วิสัยทัศน์ขององค์กรชัดเจน กลยุทธ์ชัดเจน และมองไกลเพื่อให้เห็นว่าเราจะไปอย่างไร และรู้ว่าเราจะมีเรดาห์อย่างไรที่จะสแกนทั้งองค์กรแล้วเห็นว่าจุดไหนที่เราต้องเข้าไปเจาะ จุดไหนที่ต้องขยายพอร์ตโฟลิโอ จุดไหนที่ทีมต้องการให้เราไปช่วย เราก็เจาะลงไปเพื่อที่จะทำให้สำเร็จ พอเขาทำเป็นก็ปล่อยเขา” 

 

ส่งต่อพลังบวก 

เมื่อถามสุพัตราถึงเรื่องราวที่เธอรู้สึกประทับใจ เรื่องราวต่างๆ ที่เธอเล่าให้ฟังล้วนมีภาพของผู้คนรายล้อมมีความสุขใจอยู่ในนั้นด้วย เริ่มจากเมื่อครั้งกลับจากประเทศจีนมารับดูแลธุรกิจไอศกรีมและอาหาร ที่เธอสามารถ Turn Around ธุรกิจที่ไม่มีกำไรให้กลับมาทำกำไรได้ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งพร้อมเผชิญกับโอกาสและอุปสรรคต่างๆ 

“ทำไอศกรีมแล้วเป็นความสุขอย่างยิ่ง ทุกคนรักกันไม่ใช่แค่ทีมไอศกรีมของยูนิลิเวอร์ แม้กระทั่งศูนย์จัดจำหน่าย พาร์ตเนอร์ เป็นพลังมหาศาลจริงๆ ก็เป็นที่ประทับใจ ทุกวันนี้เราก็รักกัน ไอศกรีมความท้าทายเยอะมาก เข้าไปมีปัญหาหมดทุกอย่าง แต่เราก็ไปจับจุดและไปแก้ทีละอย่าง คือตอนเราไปนั่งเราก็คิดว่าปัญหาทั้งประเทศจะทำอย่างไรให้คนทั้งประเทศเขาทำงานเหนือกว่าความคาดคิดของเรา ทำอย่างไรให้เขาตากฝนตากแดดไม่เหนื่อยและมีพลังที่จะทำให้ถึง ก็เป็นอะไรที่ภาคภูมิใจมาก และวันนี้กลับมามอง ทำไอศกรีมนี่สนุกและไม่ได้ยากอย่างที่คิด” 

อีกเรื่องราวประทับใจคือช่วงน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2554 กับโครงการรับขวัญคนไทยกลับบ้านในช่วงน้ำลด ด้วยการระดมกำลังจากจิตอาสารวมถึงดารานักแสดงมาช่วยกันแพ็กสิ่งของใส่ถุงให้กับครัวเรือนไทยกว่า 300,000 ครัวเรือน “ทำให้รู้สึกว่า สามารถทำอะไรเล็กๆ แล้วรวมเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ทุกคนช่วยกันจริงๆ เราได้ทำแคมเปญนี้ก็รู้สึกว่า ประทับใจ คือในธุรกิจเราก็ต้องรัน แต่เราเอาไอเดียมา แล้วคนมารวมกันช่วยมหาศาล ก็ชื่นใจ คือบางครั้งการช่วยผู้อื่น ถ้าไอเดียดี ก็สามารถรวมพลังคนให้เกิดขนาดได้ แต่ไม่ได้ทำคนเดียวนะ ทุกเรื่องต้องขอบคุณน้องๆ และทีมงานที่ช่วยกัน งานที่ยิ่งใหญ่ทำคนเดียวไม่ได้ แต่เราเป็นส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อน ให้เขาคิดและทำออกมาได้”

นอกจากนี้เธอยังมีโครงการที่ทำร่วมกับเพื่อนๆ กับโครงการผ่าตัดตาต้อกระจกฟรี ที่ร่วมกับทีมแพทย์อาสาสมัครจากประเทศไทย สิงคโปร์ และเนปาล รวมถึงท่านเจ้าอาวาสวัดไทยลุมพินี ผ่าตัดตาต้อกระจกที่เนปาลไป 773 ดวง และกลับมาทำที่ประเทศไทยอีก 162 ดวง เมื่อปีที่ผ่านมา โดยเป็นกิจกรรมที่ยังทำต่อเนื่อง

“จากคนที่มองไม่เห็นให้มองเห็น ตัวอย่างคนหนึ่งเป็นต้อกระจกมองไม่เห็นอะไรสองข้าง มา 6 ปี แล้วเราไปช่วยเขา เปิดตามาเขามองเห็น มันให้ชีวิตใหม่กับเขา และครอบครัวเขา เป็นอะไรที่มีความสุข”

สุพัตราปิดท้ายด้วยเรื่องราวในอาชีพการงาน ในช่วงที่เป็นผู้บริหารหญิงชาวไทยเพียงคนเดียวในทีมระดับโลก ที่เข้าร่วมเวทีประชุมใหญ่ของบริษัท เธอเล่าว่า “มีน้องคนหนึ่งที่เป็นจูเนียร์คนไทยวิ่งมาหาตอนเราลงจากเวทีมากอดเรา พี่หนูภูมิใจมากเลย พี่เป็นผู้หญิงไทยคนเดียว เป็นตัวแทนของพวกเรา ทำให้จำตรงนั้นได้ และรู้สึกว่า การที่เราได้เป็น CEO ของยูนิลิเวอร์ที่เป็นผู้หญิงคนแรกในรอบประวัติศาสตร์ 80 กว่าปี และเป็นหนึ่งในท็อปคนไทยในเอเชีย ไม่ใช่แค่ในประเทศ เอาความเป็นผู้หญิงไทยไปตรงนั้นได้ ก็เป็นความสำเร็จที่เราภูมิใจ เหมือนเราเปิดช่องให้เขารู้ว่าคนไทย ผู้หญิงไทยก็ทำได้ เป็นอะไรที่อยากจะบอกว่า ไม่มีอะไรขวางกั้น เพราะโลกแข่งขันไม่ได้แข่งแค่ในประเทศไทย เป็นภูมิภาคเป็นระดับโลกหมดแล้ว ดังนั้นเราต้องพัฒนาและเวทีเปิดกว้าง อยากเห็นคนไทย ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชายทั้งหลายเอาตัวเองออกไปนอกประเทศ เป็นผู้นำ จะได้เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศเรากับประเทศอื่นๆ และทำให้เราภาคภูมิใจได้”

ความสำเร็จและความประทับใจกับเรื่องราวที่ผ่านมาของเธอในการทำงานและกิจกรรมต่างๆ จึงเป็นการทำให้ผู้ที่อยู่รายล้อมมีความสุข เธอบอกว่า “ผลทางธุรกิจก็มาอัตโนมัติ ถ้าเห็นคนอยากทำงาน ทำงานแล้วมีความสุข มีเป้าหมายเดียวกัน รักกันไม่ว่าปัญหาขนาดไหน เดี๋ยวก็แก้กลับมาได้ และมีความสุขที่ได้เห็นเขาทำงานมีพลัง พลังบวกในบริษัทในองค์กรในทีม สำคัญ และพลังบวกทำให้พลังเพิ่มขึ้นจริงๆ” 

ดังนั้นผู้นำองค์กรจึงต้องพยายามผลักดันสร้างสรรค์พลังบวกให้เกิดขึ้นในองค์กร ให้พนักงานในองค์กรมีความอยากจะทำงานด้วยตัวเอง “เพราะถ้าบอกเขาทำ เขาก็ทำตามที่เราบอก แต่ถ้าเรากระตุ้นให้เขาคิด มีทิศทางมีเป้าหมาย เขาจะทำได้ดีกว่าที่เราไปบอกให้ทำ”

ซึ่งเธอก็นำวิธีการเช่นนี้มาปรับใช้กับการบริหารจัดการงานที่พฤกษาด้วย เธอบอกว่า “อยากให้บริษัทนี้ เติบโตอย่างยั่งยืน ให้ทุกคนมีความสุขในการให้ผู้อื่น ใส่ใจทำสิ่งดีๆ และเมื่อทั้งหมดรวมกันคิดว่าทุกอย่างจะดีเอง ด้วยความเชื่อว่าถ้าเราใส่ใจรักในสิ่งที่เราทำ และเรารู้ว่าเราทำเพื่อผู้อื่นมีความสุข ความสำเร็จก็จะตามมา แต่คนเราส่วนใหญ่ก็จะคิดว่า จะทำอย่างไรให้ตัวเองสำเร็จ ตรงนั้นคิดเท่ากับผลลัพธ์มากกว่า ถ้าคิดถึงลูกค้าก่อน เราอยากให้เขามีบ้านคุณภาพดี ราคาที่เข้าถึงได้ ส่งมอบให้ประทับใจ บริการให้ดี กำไรก็มาอยู่ดี เหมือนศาสนาพุทธ เป็นเหตุและผล เราต้องทำเหตุให้ดี ผลก็ต้องดีแน่นอน ถ้าไปเน้นที่ผลอย่างเดียวแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย อย่างไรผลก็ไม่มา” 

 

คำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่

ในฐานะผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง สุพัตราให้คำแนะนำคนทำงานรุ่นใหม่จากประสบการณ์การทำงานของตนเองว่า “ดิฉันก็สังเกตตัวเองว่าเราทำอะไร พอเราเก่ง ทุกคนเหมือนกันโดยธรรมชาติ ถ้าเก่งแล้ว ความมีตัวตนสูง ฉันแน่ ฉันเก่ง ดังนั้นจะปิดไม่ได้เรียนรู้ เพราะคำพูดเราก็ประกาศิต เป็นคนชี้ จะคิด Solution ให้ตลอดเวลา ถ้าเราได้ย้ายข้ามไป อย่างน้อย 6 เดือนแรกเราต้อง Humble แล้ว เท้าติดดิน เปิดหูฟัง 2 หู พูดน้อยลง ก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แทนที่จะคอยบอกแต่คำตอบ เราจะหัดตั้งคำถามมากขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่เราเปลี่ยนแปลง ทำให้เรารู้สึกว่า จากที่เราจะลอยไปอยู่บนหอคอยเราก็ลงมาติดดิน ได้เห็นอะไรในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้ปรับตัวเอง เพราะบางทีมนุษย์สติไม่มี รู้เยอะ ฉันทำมาเท่านี้ปีเท่านั้นปี เก่งที่สุด แต่ถ้าเราเปลี่ยนจะทำให้เรารู้สึกว่าเราอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้น เป็นมนุษย์มากขึ้น คุยกับคนมากขึ้น การไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่จะทำให้เราเปลี่ยนตัวเราเอง เราก็ต้องอยากรู้อยากเห็น คนที่จะทำงานได้สำเร็จ ต้องขี้สงสัย ต้องช่างซักช่างถาม เพื่อจะได้มีมุมมองใหม่ๆ 

“ดังนั้น ก็จะแนะนำสำหรับผู้บริหารที่ยังอายุน้อย หรือคนที่ยังทำงานที่อายุยังไม่มากว่า อย่าอยู่ในกรอบเดิม เราต้องกล้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ได้หมายความว่าต้องย้ายบริษัท แต่หมายความว่าต้องกล้าทำสิ่งใหม่ๆ เอาตัวเองออกไป ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร เราก็ได้เรียนรู้ จะกลับมาที่เดิมก็เป็นของตายอยู่แล้ว อยากให้ลองอะไรใหม่ๆ ดู ตื่นเช้ามาจะได้มีพลังในการทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนให้สำเร็จได้ จะเป็นการบรรลุเป้าหมายในระดับหนึ่ง”

 

สังคมในอุดมคติ

เมื่อถามถึงสังคมในอุดมคติของเธอ สุพัตราหยุดคิดเล็กน้อยก่อนบอกว่า “คิดว่าอยากให้คนแยกแยะได้ว่าอะไรคือผิดอะไรคือถูก อะไรดีอะไรไม่ดี โดยใช้หลักธรรมะและกฎหมาย คือต้องใช้หลักศีลเข้ามา ทุกวันนี้ทำผิดแล้วก็ไม่ผิด ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดศีลธรรมก็เอาตัวรอดกันไปได้ ไม่อยากให้คนเคารพวัตถุ เงิน ตำแหน่ง เพียงอย่างเดียว ทำอย่างไรให้คนเคารพหลักธรรม ความดี คนดี ไม่ยึดติดเกินไป สังคมวันนี้ ความเจริญทางวัตถุและเศรษฐกิจทำให้เกิดการแข่งขัน ความอยากมีอยากได้จนบางครั้งลืมหลักศีลธรรมจริยธรรมไป 

“ธรรมชาติทุกอย่างเป็น bell curve (กราฟระฆังคว่ำ) คนเปรียบดังบัว 4 เหล่าตามที่พระพุทธเจ้าแบ่งมา จะทำอย่างไรให้บัวที่พ้นน้ำหรือที่เก่งๆ ที่เป็นยอดคนทั้งดีและเก่งมาเป็นผู้นำขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง” 

X

Right Click

No right click