นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยภายหลังนำคณะกรรมการธนาคารและผู้บริหาร EXIM BANK เข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านการลงทุนในรัฐคุชราต (Vibrant Gujarat Global Summit 2019) โดยมีนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เป็นประธาน และมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 33,000 คน จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ณ คานธีนคร แคว้นคุชราต อินเดีย เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า EXIM BANK ได้รับฟังนโยบายของรัฐบาลอินเดียที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะรัฐคุชราต ซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ประชากร 63 ล้านคนมีรายได้เฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ เปิดรับการค้าและการลงทุนจากต่างชาติมากที่สุดในอินเดีย และมีมูลค่าส่งออกกว่า 22% ของทั้งประเทศ โดยอินเดียมองไทยเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์อันดีและความเชื่อมโยงกับอินเดีย ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ทั้งนี้ โอกาสของผู้ประกอบการไทยอยู่ในหลายภาคธุรกิจ อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ขั้นต้น ค้าปลีกและค้าส่ง
นายพิศิษฐ์ เปิดเผยต่อไปว่า EXIM BANK ได้ร่วมเดินทางพร้อมกับนายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี และนางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะ เพื่อเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และเยี่ยมชมนิทรรศการของกระทรวงพาณิชย์และผู้ประกอบการไทย รวมทั้งได้เข้าพบผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยและอินเดียในกรุงนิวเดลีและเมืองมุมไบ อาทิ ทีมไทยแลนด์ประกอบด้วย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ สำนักงานส่งเสริมการลงทุนอินเดีย (Invest India) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งอินเดีย (EXIM India) ล็อตส์ โฮลเซล โซลูชันส์ (Lots Wholesale Solutions) ห้างค้าส่งของผู้ประกอบการไทยในเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัท ไอทีดี ซีเมนท์เทชั่น อินเดีย จำกัด (ITD Cementation India Limited) บริษัทก่อสร้างของผู้ประกอบการไทยในอินเดีย กลุ่มบริษัทวีรับเบอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายยางล้อ เป็นต้น
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า อินเดียเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศ New Frontiers ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เฉลี่ยปีละ 6-7% ประกอบกับขนาดตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยจำนวนประชากรกว่า 1,300 ล้านคน และกำลังซื้อเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนนโยบายภาครัฐของอินเดียที่มุ่งสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) โดยเฉพาะนโยบาย Make in India รวมถึงการปฏิรูปกฎระเบียบและอัตราภาษีที่ซ้ำซ้อน (GST Reform) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมและการเข้ามาลงทุนของบริษัทต่างชาติ ล้วนสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างไทยกับอินเดียในหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่และมีความต้องการที่หลากหลาย ยังช่วยเพิ่มโอกาสการทำตลาดสินค้าและบริการไทยในหลายมิติด้วย ท่ามกลางโอกาสธุรกิจมหาศาลที่จะเกิดขึ้น EXIM BANK จึงดำเนินยุทธศาสตร์เชิงรุกสนับสนุนธุรกิจไทยให้สยายปีกในอินเดียได้อย่างเต็มศักยภาพ ตลอดจนพร้อมที่จะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญเพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตระหว่างไทยกับอินเดียผ่านบริการทางการเงินอย่างครบวงจร
“EXIM BANK ดำเนินตามยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการไทยในตลาดใหม่ โดยคาดหวังให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนไปยังตลาดใหม่ทั่วโลกได้อย่างมั่นใจ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อและต้องการสินค้าไทยอีกจำนวนมาก โดยการให้ข้อมูลตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศ พร้อมทั้งบริการทางการเงินที่เหมาะสมในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทย” นายพิศิษฐ์กล่าว