ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการจัดงาน “EXIM Stakeholders Day : เสียงของท่าน สำคัญกับเรา” ครั้งแรกเมื่อปี 2564 EXIM BANK ได้นำข้อเสนอแนะที่ได้รับมาปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์และแผนธุรกิจขององค์กร โดยมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบภาวะวิกฤตได้ 16,094 ราย คิดเป็นวงเงิน 78,063 ล้านบาท ควบคู่กับการขยายบริการทางการเงินทั้งสินเชื่อและประกันการส่งออกและการลงทุน สะท้อนเป็นผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ในปี 2564 ที่ผ่านมา โดย EXIM BANK สามารถพลิกผลประกอบการกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง มีกำไรสุทธิสูงถึง 1,531 ล้านบาท มีสินเชื่อคงค้าง จำนวนลูกค้า SMEs และมูลค่าธุรกิจสะสมบริการประกัน เติบโตสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานในปี 2537 เป็นผลจากการขยายบทบาทสนับสนุนผู้ประกอบการไทย และ NPLs ต่ำสุดตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งที่ระดับ 2.73% นอกจากนี้ ในไตรมาส 1 ปี 2565 EXIM BANK สามารถโชว์ผลงานสร้างผู้ส่งออก SMEs ป้ายแดงและปล่อยกู้ลูกค้าใหม่เพิ่ม 3 เท่า สะท้อนกลับเป็นความแข็งแกร่งของธนาคารในทุกมิติ ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 346% เท่ากับ 411 ล้านบาท ทั้งยังสามารถหนุนทุนไทยไป CLMV ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเวียดนาม มียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นกว่า 65% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมเปิดดำเนินการสำนักงานผู้แทน EXIM BANK ในนครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการในปี 2565 ในปีนี้ EXIM BANK จึงได้เปิดเวทีอีกครั้งเพื่อฟังเสียงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินงานขององค์กร เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดทำแผนวิสาหกิจ 5 ปี (ปี 2566-2570) และแผนปฏิบัติการ ปี 2566 อันจะทำให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน สร้างคุณค่าและผลลัพธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
“ขอขอบคุณเสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ทำให้ EXIM BANK เดินมาถูกทาง และจะเดินหน้าต่อไปในภารกิจ ซ่อม สร้าง เสริม และสานพลัง ภายใต้กลยุทธ์เกมเปลี่ยนประเทศไทย ทำให้เราได้พัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญและขยายเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ ในการพัฒนาบริการเพื่อเติมความรู้ เติมทุน และเติมเครือข่าย นำพาผู้ประกอบการไทยไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมโลก เราจะนำเสียงสะท้อนและคำแนะนำที่ได้รับไปปรับปรุง ออกแบบ และเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและโลกใบนี้ให้น่าอยู่และดีกว่าเดิม” ดร.รักษ์ กล่าว