แอร์บัสคาดการณ์ความต้องการการขนส่งสินค้าทางอากาศในเอเชียแปซิฟิ

February 28, 2024 125

กุมภาพันธ์ 2567– ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิ ก (APAC) ยังคงแสดงถึง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการค้าที่เจริญรุ่งเรือง แอร์บัสได้คาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ตลาดจะมีความต้องการเครื่องบินขนส่งสินค้าล าตัวกว้างประมาณ 400 ล าในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึงเครื่องบิน ที่ผลิตขึ้นใหม่และที่เข้าโครงการปรับปรุงเครื่องบิน ซึ่งจ านวนนี้คิดเป็นมากกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ของความ ต้องการทั่วโลกที่มีต่อเครื่องบินขนส่งสินค้าล าตัวกว้างรวมจ านวน 1,490 ล า ในกลุ่มเครื่องบินที่มีน ้าหนัก มากกว่า 40 ตัน คุณครอว์ฟอร์ด แฮมิลตัน (Crawford Hamilton) หัวหน้าฝ่ายการตลาดการขนส่งสินค้าของแอร์บัส กล่าวที่ งานสิงคโปร์แอร์โชว์ ว่าบริษัทสามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวของตลาดการขนส่งสินค้าทาง อากาศด้วยเครื่องบิน เอ350เอฟ (A350F) ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด “ในฐานะที่เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้ารุ่นออกแบบใหม่ทั้งหมดเพียงล าเดียวของโลก เครื่องบิน A350F เป็น การเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดด้านประสิทธิภาพ ในตลาดการขนส่งสินค้าที่มีการแข่งขันสูง” เขากล่าว เสริมอีกด้วยว่า “มันจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อ เทียบกับเครื่องบิน 747เอฟ (747F) รุ่นก่อนหน้า และ A350F เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าล าแรกในตลาดที่ ปฏิบัติตามมาตรฐานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์(CO2 ) ที่เพิ่มขึ้นขององค์การการบินพลเรือน ระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี2570” เครื่องบิน A350F สามารถบินได้ไกลถึง 4,700 ไมล์ทะเล (หรือ 8,700 กิโลเมตร) ในขณะที่ยังคงรักษา ต้นทุนการด าเนินงานที่ต ่ากว่าเครื่องบินขนส่งสินค้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันอย่างมาก ท าให้สามารถ รองรับการให้บริการแก่ตลาดการขนส่งสินค้าหลักๆ ทั้งหมดได้ รวมถึงเส้นทางการขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุด ในโลกระหว่างฮ่องกงและแองเคอเรจ เครื่องบิน A350F สามารถรองรับน ้าหนักบรรทุกได้มากถึง 111 ตัน และมีประตูส าหรับห้องบรรทุกสินค้า หลักที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมการบิน ด้วยประตูห้องบรรทุกสินค้าหลักที่กว้างขึ้นถึง 15 เปอร์เซ็นต์เมื่อ เทียบกับเครื่องบินของคู่แข่ง ท าให้เครื่องบิน A350F สามารถขนส่งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบใหม่ทั้งหมด ได้โครงเครื่องบินท าจากวัสดุขั้นสูงมากกว่า 70เปอร์เซ็นต์ซึ่งส่งผลให้น ้าหนักขณะบินขึ้นเบากว่าเครื่องบิน ที่พัฒนาโดยคู่แข่งถึง 46 ตัน คุณครอว์ฟอร์ด แฮมิลตัน กล่าวว่า “เนื่องจากเอเชียแปซิฟิ กจะกลายเป็นภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดส าหรับการค้า ระหว่างประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า เครื่องบิน A350Fซึ่งได้เพิ่มระดับการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ และ ความสามารถในการบรรทุกที่สอดคล้องกับตลาด รวมถึงพิสัยการบิน ท าให้ได้รับการปรับแต่งมาอย่าง สมบูรณ์แบบต่อการพัฒนาการปฏิบัติงานของสายการบินต่าง ๆ ด้วยการตอบโจทย์ความต้องการด้านการ บรรทุกสินค้าที่หลากหลาย ในขณะที่เป็นผู้น าสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นในการขนส่งสินค้าทางอากาศ” A350F มีก าหนดเข้าประจ าการในปี 2569 โดยการประกอบชิ้นส่วนล าตัวเครื่องบิน A350F ล าแรกจะเริ่ม ด าเนินการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ซึ่งสอดคล้องกับกรอบเวลาของแผนการผลิตเครื่องบิน ข้อมูล ณ สิ้นเดือน มกราคม 2567เครื่องบินตระกูล เอ350 (A350) รุ่นล่าสุด ได้รับค าสั่งซื้อมากกว่า 1,200 รายการจากลูกค้า 57 รายทั่วโลก ซึ่งรวมถึงค าสั่งซื้อ 50 รายการส าหรับเครื่องบินรุ่น A350F จากสายการ บินขนส่งสินค้าชั้นน า 9 ราย ส าหรับในประเภทเครื่องบินขนาดกลาง ตระกูล เอ330 นีโอ (A330neo) ยังคง ได้รับความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยมีค าสั่งซื้อเกือบร่วม 300 รายการจากลูกค้า 28 ราย

X

Right Click

No right click