February 12, 2025
×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 810

ในยุคที่การแข่งขันในวงการทันตกรรมเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ การมีคลินิกเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป การสร้างการรับรู้และปรากฏตัวในโลกออนไลน์นั้นกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ Cureconnect คือเอเจนซี่การตลาดที่มุ่งมั่นช่วยให้คลินิกทันตกรรมทั่วประเทศได้ขยายฐานลูกค้า และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการโฆษณาออนไลน์และความรู้เฉพาะทางด้านทันตกรรม

Cureconnect ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ร่วมอุดมการณ์สองคนที่มีแนวคิดนอกกรอบเหมือนกัน นายวรากร เพชรดาษดา ผู้ร่วมก่อตั้ง หัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโปรดักชั่นและโฆษณาจากออสเตรเลีย และ นายธิตินันท์ ราษฏร์อาสา ผู้ร่วมก่อตั้งหัวหน้าฝ่ายการตลาด อดีตนักศึกษาทันตแพทย์ ภาคอินเตอร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งสองมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในวงการทันตกรรม และตัดสินใจเดินบนเส้นทางการตลาดเฉพาะทาง เพื่อเป็นส่วนช่วยพัฒนาวงการทันตกรรม และช่วยเพิ่มยอดขายให้ทุกคลินิก

Cureconnect เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ด้วยเงินทุนไม่ถึง 100,000 บาท และมีสมาชิกเพียงสองคน ด้วยภารกิจแรก "โทรติดต่อคลินิกทันตกรรมให้ได้ 100 แห่งทั่วประเทศ" โดยภายใน 6 เดือนแรกได้รับความไว้วางใจให้ดูแลการตลาดคลินิก 7 แห่ง และสามารถสร้างยอดขายให้คลินิกรวมกว่า 45 ล้านบาท ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้นำไปสู่การบอกต่อและเพิ่มจำนวนลูกค้าจากคลินิกขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ และได้พัฒนาโมเดลการให้บริการอย่างแข็งแกร่งและครบวงจรด้วยระบบ "Done for You" ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ การสร้างแบรนด์ การผลิตคอนเทนต์ (ภาพนิ่ง วิดีโอ และกราฟิก) การยิงโฆษณา (Facebook Ads) การฝึกอบรมพนักงานขาย และการบริหารจัดการระบบหลังบ้าน เพื่อให้คลินิกสามารถดูแลและขยายฐานลูกค้าเองได้ในอนาคต

Cureconnect เข้าใจดีว่าคลินิกขนาดเล็ก และขนาดกลาง อาจเผชิญกับข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่ายการตลาด จึงออกแบบโมเดลธุรกิจให้คำปรึกษา การฝึกอบรม และบริการแบบ Hybrid done for you ที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ สามารถลดค่าใช้จ่ายรายเดือน เพิ่มยอดขายมากขึ้น และเน้นการสร้างระบบที่ช่วยให้คลินิกสามารถจัดการการตลาดด้วยตัวเองได้ในระยะยาว ด้วยการผสมผสานเครื่องมือทันสมัย และมีกระบวนการที่ใช้งานง่าย เพื่อสร้างการเติบโตให้ทุกคลินิก

ด้วยประสบการณ์และความไว้วางใจจากคลินิกกว่า 90 แห่ง Cureconnect สามารถช่วยสร้างยอดขายให้คลินิกทันตกรรมรวมมากกว่า 210 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีเป้าหมายในอนาคตคือการเป็นตัวช่วยปฏิวัติวงการทันตกรรมด้วยการเสริมความรู้และความเข้าใจ เพื่อให้คลินิกสามารถเติบโตเองได้อย่างยั่งยืน

หากคุณเป็นเจ้าของคลินิกทันตกรรมที่ต้องการขยายฐานลูกค้า แต่ยังขาดทีมการตลาดที่เข้าใจธุรกิจของคุณ Cureconnect พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้คลินิกของคุณเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะสำหรับเราคลินิกทันตกรรมมีศักยภาพมากกว่าที่คุณคิด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์: https://cureconnect.co Facebook: Cureconnect.co - Dentist's Choice

 RISE สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร เปิดบ้านอัพเดทเทรนด์ และแนวโน้มด้านการตลาดใหม่ล่าสุดของปีนี้ ที่งาน Exclusive Forum ในหัวข้อ “Transformative Marketing Trends to Watch in 2023 by MTX” โดยมีเหล่าผู้บริหารด้านการตลาดจากองค์กรชั้นนำของประเทศมาร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนมุมมอง รวมถึงคำแนะนำในการเตรียมความพร้อมทำการตลาดยุคดิสรัปชั่น (Disruption) ที่นักการตลาดต้องทรานส์ฟอร์มทั้งองค์กรและตัวเองให้ทัน

ในโลกธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดกระแสดิสรัปชั่น (Disruption) ที่เรียกร้องให้องค์กรต่างๆ ต้องทรานส์ฟอร์มตัวเองในทุกด้านเพื่ออยู่รอดในสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป และหนึ่งในด้านสำคัญที่จำเป็นต้องปรับตัวตามมากที่สุด คือด้านการตลาด (Marketing) ที่มีความอ่อนไหวต่อทั้งเทคโนโลยี สภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ อีกทั้งการสลับสับเปลี่ยนของพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งทำให้ผู้ทำงานด้านการตลาดกลายเป็นหนึ่งในสายอาชีพที่เรียกร้องความสามารถในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาทักษะของตนเองให้สอดรับกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วเหล่านี้ตลอดเวลา

จากการวิเคราะห์ของนิตยสาร Forbes พบว่า ภายในปี 2023 ผู้ที่ทำงานด้านการตลาด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในระดับบริหารและผู้นำในด้านนี้ขององค์กรจะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ เช่น พฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะมาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม ความเลือนลางของเส้นแบ่งประสบการณ์ของผู้บริโภคในโลกจริงและโลกเสมือนจริง หรือแม้แต่พัฒนาการอันก้าวกระโดดของระบบปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของทาง Gartner ที่ออกมาเผยว่าปี 2023 นี้จะเป็นช่วงเวลาที่พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคผันผวนจนแทบคาดเดาไม่ได้

สิ่งต่างๆ เหล่านี้เรียกร้องให้เกิดการคิดใหม่และลงมือทำใหม่ในผู้บริหารและผู้นำด้านการตลาด ที่ต้องก้าวขาขึ้นมาเป็นด่านหน้าในการเผชิญกับโลกของธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเริ่มต้นติดอาวุธและเสริมทักษะด้านการตลาดของตัวเองจึงต้องทำอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่พลาดที่จะดำรงอยู่ในยุคสมัยที่ทุกบริษัทต่างต้องการผู้นำด้านการตลาดยุคใหม่ หรือ Next-Gen Marketing Leader

6 เทรนด์ที่ผู้บริหารการตลาดต้องรู้และเข้าใจหากไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

หลักสูตร Marketing Transformation Xponential หรือ MTX โดย RISE ซึ่งเป็นหลักสูตรสำหรับผู้บริหารและผู้นำด้านการตลาดขององค์กร ได้มองเห็นถึงความสำคัญของการเพิ่มพูนและพัฒนาทักษะของเหล่าผู้บริหารด้านการตลาด จึงมีการจัด Exclusive Forum ในหัวข้อ “Transformative Marketing Trends to Watch in 2023 by MTX” เพื่อแนะนำแนวทางการปรับตัวที่ต้องรู้ หากไม่อยากถูกดิสรัป (Disrupt) ซึ่งในฟอรั่มนี้ได้รับเกียรติจาก 3 ผู้บริหารด้านการตลาดจากองค์กรชั้นนำของประเทศ ได้แก่ คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) คุณโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มด้านการตลาดและนวัตกรรม ของเครือกลุ่มบริษัท เดนท์สุฯ อินเตอร์เนชั่นแนล และคุณสุทิพา ปัญญามหาทรัพย์ Chief PC & HCC Business Officer ของบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) มาร่วมพูดคุยและแบ่งปันประสบการณ์การเป็นผู้นำด้านการตลาดขององค์กร ที่แต่ละท่านได้สัมผัสตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางการตลาด (Marketing Technology) ให้สอดรับต่อการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ การสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงและยั่งยืน รวมถึงการปรับรูปแบบและวิถีปฏิบัติทางการตลาดขององค์กรให้พร้อมรับมือและทนทานต่อการเปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ ในวงสนทนาดังกล่าว ยังชี้ให้เห็นเทรนด์สำคัญของการบริหารด้านการตลาด ที่มองว่าในอนาคตงานด้านการตลาดจะไม่มุ่งเน้นแค่เรื่องการโฆษณาเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังต้องดำเนินไปอย่างใกล้ชิดกับงานด้านธุรกิจและด้านกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งทุกวันนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก โดยให้ลูกค้ามาเป็นศูนย์กลางในการกำหนดทิศทางที่องค์กรจะเดินไปข้างหน้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงมองพฤติกรรมลูกค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา โดยไม่ได้จำกัดความถนัดตามอุตสาหกรรมที่ตนอยู่มาแต่เดิมเหมือนก่อนหน้านี้ นอกจากแนวคิดองค์กรที่เปลี่ยนไปแล้ว การใช้ชีวิตของผู้บริโภคเองก็เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานด้านการตลาด โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พฤติกรรมการใช้จ่ายหรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สลับไปมาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น เรื่องเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์แบบใหม่ที่มีทั้ง Immersive และ Interactive ซึ่งผลต่อความซับซ้อนในการสร้างประสบการณ์รับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ โจทย์ใหญ่ที่สุดของผู้บริหารด้านการตลาดจึงเป็นการปรับตัวและเปลี่ยนกลยุทธ์ให้รวดเร็วเท่าทันการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

สิ่งเหล่านี้ ยังส่งผลกระทบต่อการวางระบบเรื่องบุคลากรของฝ่ายการตลาด ที่จะไม่สามารถจัดตามรูปแบบเดิมได้อีกต่อไป หากแต่ต้องปรับตัวให้สอดรับกับแนวทางขององค์กรอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในงานด้านกลยุทธ์และการสร้างผลกำไรให้กับองค์กรผู้นำและผู้บริหารการตลาดต้องปรับตัวอย่างไร เพื่อจะวิ่งสู่เส้นชัยในสนามแข่งขันทางธุรกิจอันดุเดือด แม้จะดูไม่ง่ายหากผู้บริหารด้านการตลาดต้องทรานส์ฟอร์มตัวเองเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แต่ คุณบี-สโรจ เลาหศิริ และ คุณจั๊ก-กรกนก เชาว์ปรีชา สองไดเรคเตอร์ของหลักสูตร MTX ก็ได้ให้คำแนะนำถึงสิ่งที่ผู้นำและผู้บริหารด้านการตลาดต้องเรียนรู้ โดยยึดเอา 3 หัวข้อสำคัญคือ ลูกค้า x เทคโนโลยี x ความคิดสร้างสรรค์ (Customer x Technology x Creativity) มาเป็นกรอบในการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาดให้กับองค์กร โดยทุกวันนี้การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากแต่ยังต้องออกแบบโดยมีกระบวนการที่สร้างสรรค์อยู่เบื้องหลัง รวมถึงมีการเลือกใช้เทคโนโลยีในการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ขึ้นไปอยู่ในมือและก้าวไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสมด้วย นอกจากนี้ ผู้บริหารด้านการตลาดควรจะมีความคล่องตัว (Agility) เพื่อยืดหยุ่นต่อการรับแรงกระทบหากคลื่นความเปลี่ยนแปลงโถมเข้ามา อีกทั้งยังต้องมีทั้งความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ในการพลิกแพลงกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ต้องแลกมาด้วยระยะเวลาการเรียนรู้ (Learning Curve) ที่กระชับลง จากความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงสภาวะแวดล้อมและเครื่องมือต่าง ๆ เช่นปัจจุบัน

เบื้องหลังการออกแบบหลักสูตร MTX ที่สร้างขึ้นมาเพื่อทรานส์ฟอร์มและพัฒนาทักษะของผู้บริหารด้านการตลาดโดยเฉพาะ

ไรส์ (RISE) สถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กร ผู้นำด้านการสร้างนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันให้เกิดการทรานส์ฟอร์มในองค์กรชั้นนำระดับประเทศมาอย่างมากมาย รวมถึงขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มในกลุ่มผู้บริหารและผู้นำองค์กรผ่านหลักสูตร DTX มาอย่างต่อเนื่อง ได้มองเห็นความสำคัญในการทรานส์ฟอร์มของกลุ่มผู้บริหารและผู้นำด้านการตลาด จึงร่วมมือกับ คุณบี-สโรจ เลาหศิริ ที่ปรึกษาด้าน Marketing Transformation ชั้นนำของประเทศ ผู้เป็นอดีตหัวหน้าฝ่าย Marketing Transformation ของบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด มหาชน อีกทั้งยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ของ Rabbit’s Tale ดิจิทัลเอเจนซี่ชื่อดังสัญชาติไทย และ คุณจั๊ก-กรกนก เชาว์ปรีชา นักการตลาดสายผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Marketer) ตัวจริง ที่ผ่านประสบการณ์ประยุกต์ใช้แนวคิดทางการตลาดรูปแบบต่างๆ สู่การใช้งานจริงในองค์กร อีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยการหลักสูตร ABC หรือ Academy of Business Creativity มาจัดทำหลักสูตร Marketing Transformation Xponential หรือ MTX เพื่อสร้างทักษะสำหรับผู้บริหารด้านการตลาดให้พร้อมรับมือกับโลกของ Marketing แห่งอนาคต พร้อมได้รับคำปรึกษาใกล้ชิดจากหมอคิด-นายแพทย์ศุภชัย ปาจริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง RISE อีกทั้งยังเป็นไดเรคเตอร์ของหลักสูตร Digital Transformation Xponential (DTX) หลักสูตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทยอีกด้วย

โดยหลักสูตรนี้จะช่วยถอดรื้อแนวคิดทางการตลาดแบบดั้งเดิมที่มีออกไป ด้วย 9 หัวข้อที่จะมาทรานส์ฟอร์มวิธีคิดทางการตลาดในทุกมิติ ครอบคลุมทั้งหัวข้อเรื่อง Marketing Transformation, Customer of the Future รวมถึงเรื่อง Web3 และระบบปัญญาประดิษฐ์

หรือ A.I. อีกด้วย โดยออกแบบการเรียนรู้ด้วยแนวคิด Experiential Workshop ที่เน้นการลงมือทำจริง และเรียนรู้จากกรณีศึกษาจริง (Case Study) จากวิทยากรระดับผู้บริหารขององค์กรระดับประเทศจำนวนกว่า 30 คน หลักสูตรนี้จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 18 พฤษภาคม 2566

 

Scent Marketing

October 25, 2019

ประสบการณ์การรับรู้ของแบรนด์นั้นสามารถเริ่มจากสี ชุดยูนิฟอร์มของพนักงาน เสียงดนตรีประกอบ ไปจนกระทั่ง "กลิ่น" ซึ่งองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ทั้งสิ้น

ศิริวรรณ คูอัมพร กรรมการผู้จัดการ บ.คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงสถานการณ์ในวงการยางรถยนต์ โดยเฉพาะตลาดยางทดแทนว่า เป็นตลาดที่แข่งขันกันรุนแรงมาก เพราะมีผู้ผลิตที่สนใจเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลายราย ทั้งเพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออก 

"ซัพพลายค่อนข้างล้นตลาดพอสมควร เพราะถึงจะส่งออกแต่เขาก็มีเป้าภายในประเทศด้วย ทุกบริษัทต้องมีเป้าเจริญเติบโตหมด ของแต่ละบริษัททุกคนตั้งเป้ากันตามความต้องการของแผนธุรกิจ แต่ในขณะที่ความเป็นจริง ความต้องการใช้ยางไม่ได้โตตามแผนธุรกิจที่แต่ละบริษัทตั้งไว้ มีเพิ่มผู้เล่นก็เข้ามาเยอะ ทุกค่ายต้องการเพิ่มแชร์ของแบรนด์ตัวเอง และความที่ตลาดประเทศไทยเป็นตลาดพรีเมียม หมายความว่าผู้ใช้มีความรู้เรื่องยางค่อนข้างลึกซึ้งมากกว่าตลาดอื่นๆ ผู้บริโภครู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อย่างตอนนี้ก็จะมีเรื่องของความอ่อนไหวต่อวันที่ผลิต ดูสัปดาห์ที่ผลิต และอีกอย่างคือ ถ้าเรื่องยางรถยนต์ คนไทยชาตินิยมเหมือนกัน ผลิตในไทยอันดับหนึ่ง ผลิตในไทยเยี่ยมที่สุด”  

คอนติเนนทอล แม้จะเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลกมายาวนาน แต่สำหรับตลาดประเทศไทย จัดว่ายังเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดไม่นานนัก ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตยางที่จังหวัดระยอง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และสามารถผลิตยางเส้นแรกในประเทศไทยในต้นปี พ.ศ.2562 โดยมีเป้าหมายในการผลิตเพื่อส่งออกและอีกส่วนหนึ่งเพื่อตอบสนองตลาดในประเทศซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาที่มีในตลาดยางรถยนต์ประเทศไทยได้ในระดับหนึ่ง  

ศิริวรรณมองการแข่งขันในตลาดยางทดแทนของประเทศไทย ว่ายังคงดุเดือด หลังจากปีที่ผ่านมา ช่วงต้นปีราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยางมีราคาสูงขึ้นส่งผลให้แต่ละค่ายต้องประกาศขึ้นราคาจำหน่าย แต่เนื่องจากสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรง ราคาที่ประกาศขึ้นส่วนใหญ่จึงถูกเปลี่ยนไปเป็นเครื่องมือทางการตลาดประเภทต่างๆ เพื่อรักษาส่วนแบ่งของตัวเองไว้ให้ได้ แม้ปัจจุบันราคาวัตถุดิบจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแต่การแข่งขันก็ยังคงอยู่ 

ในฐานะบริษัทผู้ผลิตยางคุณภาพจากประเทศเยอรมนีที่ตั้งใจสร้างตลาดภายในประเทศไทย ปีนี้จึงเป็นจังหวะในการสร้างฐานการรับรู้เกี่ยวกับยางคอน-ติเนนทอลภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น  

ศิริวรรณเล่าว่า “เราก็คาดหวังจะโตแบบก้าวกระโดดในประเทศไทย ตอนนี้เราเริ่มวางแผนระยะไกลว่า ปีหน้า (2562)จะเริ่มโหมทำการตลาด ที่ยังไม่ทำปีนี้เพราะมองว่ายังเร็วเกินไป โรงงานเรายังไม่เสร็จ ถ้าโรงงานเราเสร็จก็จะเริ่มลงทุน เพราะการลงทุนด้านแบรนด์ต้องทำต่อเนื่อง คือทำแล้วหยุดไม่ได้”  

 

ไม่แข่งราคา 

การแข่งขันในตลาดยางทดแทนของประเทศไทย ในฐานะผู้จำหน่ายยางระดับพรีเมียม ศิริวรรณมองว่า ต้องใช้การตลาดมาสนับสนุน เพิ่อเจาะเข้าหาผู้บริโภค โดยพยายามที่จะรักษาสถานะราคาให้มีความเสถียรในตลาด เพราะไม่อยากจะใช้ราคาเป็นเครื่องมือในการแข่งขันในตลาดให้เสียโพสิชั่นของแบรนด์ 

 “การทำ Price Positioning ต้องใช้เวลาพอสมควรและต้องใจแข็ง ไม่เอาราคาไปสู้” ศิริวรรณกล่าวและเล่าถึงตลาดยางต่อว่า 

“ยางจวนจะเป็น FMCG (Fast-Moving Consumer Goods-สินค้าที่จำหน่ายเร็วและมีต้นทุนต่ำ) อยู่แล้ว ความสดใหม่ ความหลากหลาย มีให้เลือกจำนวนมาก อยู่ที่ใครจะเข้าไปครองใจผู้บริโภคได้เท่านั้น ยางรถยนต์ในตลาดก็เหมือนกับของบนชั้นในซูเปอร์มาร์เก็ต ผู้บริโภคจะเป็นคนเลือกเองเหมือนเวลาเราไปซื้อของ ยี่ห้อนี้เทียบกับยี่ห้อนี้ ราคาต่างกันเท่าไร การตัดสินใจของลูกค้าเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น”  

การสร้างความรับรู้ให้กับผู้บริโภคจึงเป็นอีกอาวุธหนึ่งที่คอนติเนนทอลเลือกใช้ ด้วยการไปเจรจากับดีลเลอร์ให้หันมาทำร้านคอนติเนนทอล อิมเมจ ช็อป ซึ่งเป็นร้านที่แต่งตามแนวคิดและเน้นขายยางของคอนติเนนทอล โดยตั้งเป้าเปิดตามหัวเมืองหลักให้ครบทั่วทุกภูมิภาค (ณ สิ้นเดือนมกราคม พ.ศ.2561 เริ่มเปิดดำเนินการไปแล้ว 2 แห่งที่นครราชสีมาและกรุงเทพ)  

กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส อธิบายว่า เพราะธรรมชาติของการขายยางรถยนต์ส่วนบุคคลกับรถบรรทุกมีความแตกต่างกัน สำหรับยางรถบรรทุกต้องขายที่เทคโนโลยี ความคุ้มทุน อายุการใช้งานที่ยาวนานเพราะเป็นเรื่องของการพาณิชย์ ขณะที่รถยนต์ส่วนตัว ความรู้สึกของผู้ใช้เป็นปัจจัยสำคัญ ความเงียบ ความนิ่ง เกาะถนน ระยะเบรกเป็นตัวอย่างของปัจจัยที่ผู้บริโภคเลือกใช้ยาง การเปิดคอนติเนนทอล อิมเมจ ช็อป ด้านหนึ่งจะได้ในเรื่องของการสร้างการรับรู้แบรนด์คอนติเนนทอล และอีกทางหนึ่งร้านเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนด้านการตลาดจากบริษัทฯ เป็นการช่วยกระตุ้นยอดขายยางคอนติเนนทอลอีกทางหนึ่งด้วย  

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ ปลายปีที่ผ่านมา คอนติเนนทอลออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาหลายรุ่นเป็นการเปลี่ยนโฉมจากเจเนอเรชัน 5 สู่ เจเนอเรชัน 6 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้ครบทุกเซกเมนต์  

 

ชูเทคโนโลยีเยอรมนี 

สิ่งที่คอนติเนนทอลนำเสนอให้กับ ผู้บริโภคคือ เทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนีซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลกอยู่แล้วว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าอันดับต้นๆ ของโลก “เราผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เกือบทั้งคัน ในการทดสอบ การดีไซน์ สามารถออกแบบให้เอื้อกันได้ ล้อ ช่วงล่างต่างๆ ต่อเนื่องกันหมด รถจะเครื่องยนต์ดีขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องมาพึ่งยางเพราะต้องวิ่งบนถนน ตัวเด่นๆ ของคอนติเนนทอล จะเป็นรุ่นสปอร์ตคอนแท็ก เราจะเรียกกันเองว่า ‘ยางเทพ’ แม้จะออกมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ไม่ว่าจะทดสอบที่สนามไหน ก็จะได้รางวัลมาตลอดเวลา คือในยางรถยนต์ไม่มียี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งมีจุดเด่นทุกด้าน แต่ของคอนติฯ เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นเราจะอยู่ใกล้ๆ ท็อป พอรวมแล้วเป็นผู้นำเกือบทุกด้าน เพราะการดีไซน์ยาง จะเอาทุกอย่างเลยเป็นไปไม่ได้ ได้อย่างเสียอย่าง จะบอกว่าใครดีที่สุดไม่มี แต่ในองค์รวม สปอร์ตคอนแท็กถือว่าดีสุด” 

และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทนำมาจำหน่ายในปัจจุบันก็มีวิวัฒนาการทั้งด้านการออกแบบ การเก็บเสียง การรีดน้ำ ที่พัฒนาต่อมาจากยางสปอร์ตคอนแทก ศิริวรรณบอกว่า “เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับเทคโนโลยีของยางเมื่อเทียบกับราคาเพราะว่า ณ ตอนนี้ แม้เราจะเป็นสินค้าพรีเมียม แต่คนก็ยังไม่รู้จักเรามาก ดังนั้นราคาที่เราตั้งจึงไม่ใช่ราคาที่สูงสมกับคุณสมบัติของยาง เพราะยังเป็นช่วงที่เริ่มทำการตลาด”  

 

ว่าด้วยความเป็นผู้นำ 

ศิริวรรณ เล่าถึงปรัชญาการทำงานของคอนติเนนทอล ว่ามีหลักการง่ายๆ คือมองในแง่ความเป็นมนุษย์ที่ทุกคนมีคุณค่าเท่าเทียมกันและอธิบายต่อว่า “Passion to Win เราต้องลุกขึ้นมาทุกวันมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานให้ดีขึ้น Freedom to Act คือ เขาให้อิสระเราในการตัดสินใจหรือนำเสนอไอเดียค่อนข้างมาก For One Another คือ เราต้องไปด้วยกันเป็นทีมเวิร์ค Trust มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน” 

เพราะผู้บริหารของคอนติเนนทอล มองว่า ยางเป็นธุรกิจของคน (Tyre is People Business) คนคือปัจจัยหลักในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นคนขาย คนผลิต คนซื้อ ดังนั้นบริษัทจึงให้คุณค่ากับพนักงานค่อนข้างสูง เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนภายใต้กระบวนการทำงานที่มีอยู่  

ในส่วนการเป็นผู้นำองค์กรศิริวรรณมองว่า การเป็นผู้นำต้องมีผู้ตาม โดยผู้ตามจะเป็นคนเลือกผู้นำ “เราต้องทำให้ผู้ตาม มาเลือกเราเป็นผู้นำ ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือ ต้องทำตัวอย่างให้เห็น พยายามทำตัวอย่างให้ดีที่สุด เห็นเป้าหมายของบริษัทคืออะไร เรามีเป้าหมายเดียวกัน และทุกคนจะต้องซัพพอร์ตให้เราไปถึงเป้าหมายเดียวกันให้ได้ คือเราก็ต้องแสดงความจริงจังและจริงใจ 
ด้วย ต้องพิสูจน์ให้เห็น คือถ้าเขาเห็นเราเป็นตัวอย่างที่ดี เรามีความจริงจัง มีความจริงใจ เราก็จะมีคนตาม การที่เราเป็นผู้นำเราต้องเสียสละด้วย ต้องมีการให้อยู่ตลอดเวลา ต้องเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่า ถ้าเขาเห็นเราทุ่มเท ไม่ได้เอาเปรียบ เอาประโยชน์จากการเป็นผู้บริหาร คนก็จะเกิดศรัทธา”   

 

 

 

 

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click