บีเอ็นวาย เมลลอน ที่ปรึกษาการลงทุนระดับโลกและพันธมิตรของเมย์แบงก์ คาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ที่มีต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางในประเทศยักษ์ใหญ่ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างกัน จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเงินเฟ้อ การจ้างงาน การบริโภคภายในประเทศ ตลอดจนคาดการณ์แนวโน้มปัจจัยเสี่ยง สินทรัพย์ และโอกาสการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนได้จับตาดูและเตรียมพร้อมรับมือกับกระแสการลงทุนที่คาดว่าจะกลับมาร้อนแรงขึ้นในหลายประเทศ

  • ทีมวิเคราะห์ของทาง BNY Mellon มองว่า การปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อ และการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกยังคงมีความแตกต่างกัน จึงอาจเป็นเหตุให้ธนาคารกลางขนาดใหญ่ดำเนินนโยบายต่างกันในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้
  • ในสหรัฐอเมริกา BNY Mellon มองอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเริ่มชะลอตัวลง อัตราการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ผสานกับตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ทำให้เกิดมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามนักลงทุนมีแนวโน้มจะประเมินความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานต่ำเกินไป อีกทั้งคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และแสดงจุดยืนด้านนโยบายทางการเงินที่สอดคล้องกันในการประชุม FED เดือนกันยายนนี้
  • ด้านยุโรป ทีมวิเคราะห์ของทาง BNY Mellon มองอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงเช่นกัน แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ในขณะที่แนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แผ่วลง ทำให้ยุโรปยังคงเผชิญความท้าทายมากกว่าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว จึงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรปจะใช้นโยบายที่ระมัดระวังมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา
  • ในทางตรงกันข้าม ญี่ปุ่นและอังกฤษ อัตราเงินเฟ้อยังไม่มีเสถียรภาพ ส่งผลให้ธนาคารกลางของทั้ง
    2 ประเทศ มีแนวโน้มดำเนินนโยบายทางการเงินที่รัดกุมขึ้น ซึ่งจะทำให้ทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจอาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว โดยปัจจุบันญี่ปุ่นยังคงใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย คงอัตราดอกเบี้ย
    ติดลบ ในขณะที่ยุโรปปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในระยะท้ายของ
    วัฎจักร
  • ในส่วนของญี่ปุ่น คาดว่าธนาคารกลาง (BOJ) มีโอกาสผ่อนผันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูงขึ้น ตามสถานการณ์ตลาด และจะเข้าแทรกควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเมื่อเห็นควร (yield curve control) ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธนาคารในญี่ปุ่นในท้ายที่สุด
  • สำหรับจีน BNY Mellon มองว่าการเติบโตที่ชะลอลงของเศรษฐกิจจีน สินค้าคงคลังที่ยังคงเหลือปริมาณมาก จากพฤติกรรมการการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลงของประชากรจีน ทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้า ซึ่งภาวะการชะลอทางเศรษฐกิจของจีนนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกไปจีน โดยเราเริ่มเห็นการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในยุโรป ในขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและได้รับผลกระทบน้อยกว่า

ด้านเมย์แบงก์ ประเทศไทย โดย คุณอภิญญา องค์คุณารักษ์ CFA, CAIA กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายงาน Investment Solutions บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองว่า “การลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ยังคงน่าสนใจทั้งในระยะกลางและระยะยาว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น สังเกตจากผลประกอบการของบริษัทเอกชนในไตรมาสที่สอง ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับตัวเลขภาคแรงงานที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความสำคัญในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายเริ่มชะลอความร้อนแรง จึงยังคงมองว่าตลาดหุ้นสามารถรับปัจจัยที่ FED น่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างน้อยอีกหนึ่งครั้ง และจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไประดับหนึ่งแล้วจึงมี Downside จากประเด็นนี้ หุ้นกลุ่ม Quality Growth ของสหรัฐ ยังมีความน่าสนใจ ที่สามารถเก็บสะสมได้ระยะยาว”

ในส่วนของญี่ปุ่น คุณอภิญญา เปิดเผยว่า “การลงทุนระยะกลาง-ยาว ในหุ้นญี่ปุ่นมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีการปรับมาตรการ Yield Curve Control (YCC) ให้มีความยืดหยุ่น และยังใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ช่วยสนับสนุนให้ค่าเงินเยนยังอ่อนค่าต่อ และการปรับมาตรการ YCC ให้ยืดหยุ่นนี้ อาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (JBG yield) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มการเงินโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี รวมถึงผลประกอบการของบริษัทญี่ปุ่นยังคงออกมาดีต่อเนื่อง ประกอบกับการประกาศซื้อหุ้นคืนและการจ่ายปันผลที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จะช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นให้ก้าวต่อไปอย่างแข็งแรงอีกด้วย”

บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เชิญชวนพนักงานร่วมคัดแยกขยะเพื่อนำวัสดุกลับเข้าสู่กระบวนการคัดแยกอย่างถูกต้อง ภายใต้การดำเนินงานธุรกิจภายใต้หลัก ESG ของเมย์แบงก์ ที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นสร้างความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมในสังคม โดยได้ร่วมกับ Recycle Day เปลี่ยนขยะให้เป็นประโยชน์ ด้วยการคัดแยกและนำวัสดุที่รีไซเคิลได้กลับเข้าสู่กระบวนการอย่างถูกต้อง โดยตั้งเป้าคัดแยกส่งขยะเพื่อส่งเข้ากระบวนการรีไซเคิลเดือนละประมาณ 40-50 กิโลกรัม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคม Zero Waste อย่างแท้จริง

บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) คว้ารางวัลยอดเยี่ยมระดับอาเซียน Best Retail Broker in Thailand เป็นปีที่ 13 จากเวที Alpha Southeast Asia Awards 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 17 โดย Alpha Southeast Asia นิตยสารชั้นนำด้านการลงทุน สถาบันทางการเงิน การธนาคาร และตลาดทุนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ พร้อมกับตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนครอบคลุมทั้งลูกค้ารายย่อยและสถาบัน โดย เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) พร้อมเดินหน้าวิชั่น Democratizing Investment เพื่อให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึง

นักลงทุนที่มีสินทรัพย์ทางการเงินที่สั่งสมมาอย่างยาวนานมักมีความกังวลใจว่า หากต้องถ่ายโอนความมั่งคั่งไปสู่ทายาทรุ่นต่อไป พวกเขาควรวางแผนการเงินและมีแนวทางการลงทุนอย่างไรให้เหมาะสมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ และมีแนวทางการลงทุนแบบใดที่สามารถส่งต่อความมั่งคั่งสู่คนรุ่นหลังได้

คำถามนี้จุดประกายให้เมย์แบงก์ และ เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกันจัดเอ็กซ์คลูซีฟทอล์ก “แผนการลงทุนระดับโลกเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งแบบยั่งยืนสู่คนรุ่นหลัง" โดยเชิญลูกค้าคนสำคัญร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับ Family Wealth Planning ครั้งแรกในรูปแบบการส่งต่อความมั่งคั่งให้กับคนรุ่นหลัง หรือ Intergeneration Planning  ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์การลงทุนแบบครบวงจร นั่นคือ สร้าง ปกป้อง และส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นไม่รู้จบ

ทุกวันนี้นักลงทุนเริ่มเล็งเห็นผลประโยชน์จากการลงทุนที่สามารถเพิ่มมูลค่าต่อเนื่องและมั่นคง ร่วมกับการถ่ายทอดความมั่งคั่งและสินทรัพย์ไปสู่รุ่นถัดไปได้ จึงทำให้รูปแบบการบริหารจัดการสินทรัพย์ Family Wealth Planning ได้รับการพัฒนาต่อยอดให้สามารถสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ให้ผลประโยชน์ที่มั่นคงยาวนาน และส่งต่อความมั่งคั่งให้กับคนรุ่นหลังได้ โดยเมย์แบงก์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมั่นใจว่าการลงทุนภายใต้รูปแบบประกันยูนิต ลิงค์ ของ เอไอเอ จะตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างผลตอบแทนให้ลูกค้าได้ตามที่วางแผนไว้

 AIA Infinite Wealth Prestige (Unit Linked) เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมการส่งต่อความมั่งคั่งให้ลูกหลานและวางแผนชีวิตวัยเกษียณที่น่าจับตามองในขณะนี้ ซึ่งเป็นแบบประกันยูนิต ลิงค์ ที่มีการลงทุนในกองทุนที่ผสมผสานกลยุทธ์การลงทุนระหว่างกองทุนรวมตราสารหนี้และตราสารทุนของเอไอเอ ที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ ที่สามารถเลือกได้ตามระดับความเสี่ยง ได้แก่

  • AIA Global Conventional Allocation Fund  
  • AIA Global Moderate Allocation Fund
  • AIA Global Aggressive Allocation Fund

ภาณุพันธ์ เอกชูเกียรติ ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายขาย และประธาน High Net Worth Club เอไอเอ ประเทศไทย ปี 2020-2022 กล่าวว่า ปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจรูปแบบการลงทุนที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด ทั้งด้านการลงทุนและความคุ้มครองชีวิต และต้องเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะส่งต่อความมั่งคั่งได้ นั่นทำให้แบบประกันยูนิต ลิงค์ อย่าง AIA Infinite Wealth Prestige (Unit Linked) นับเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยส่งต่อสินทรัพย์ไปพร้อมกับองค์ความรู้ทางด้านการเงินและการลงทุนให้กับคนรุ่นหลัง ทั้งยังตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการจัดสรรสินทรัพย์ให้ทายาท กรมธรรม์นี้ยังถือเป็นการส่งต่อสินทรัพย์ที่ทำให้เกิดความมั่นคงในครอบครัว และเสริมความมั่งคั่งต่อไป

ทั้งนี้ การลงทุนเพื่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนด้วยแบบประกัน AIA Infinite Wealth Prestige (Unit Linked) ยังโดดเด่นด้วยการดำเนินงานผ่านแพลตฟอร์มการลงทุนระดับโลก บริหารการลงทุนโดยบลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) และกลุ่มการลงทุนของเอไอเอ อีกทั้งยัง ร่วมมือกับพันธมิตร ผู้จัดการกองทุนระดับโลก อาทิ Ballie Gifford, Blackrock, Capital Group และ Wellington ซึ่งมีกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับแนวทางในการส่งมอบความมั่งคั่งในระยะยาว เข้ามาเป็นผู้ช่วยดูแลความมั่งคั่งให้กับลูกค้า เพื่อก้าวสู่การลงทุนระดับสากล และบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้

อารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เผยว่า “การที่องค์กรระดับโลกอย่าง เอไอเอ เลือกพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์มาช่วยเติมเต็มพอร์ตของลูกค้าให้ครบวงจร จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วยการเข้าถึงการลงทุนระดับโลก ซึ่งการเลือกลงทุนในกองทุน AIA Global Allocation Funds ที่บริหารพอร์ตการลงทุนโดยกลุ่มการลงทุนของเอไอเอ และยังเสริมด้วยกองทุนของเอไอเอที่บริหารโดยพันธมิตรของเอไอเอ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลกยังสะท้อนถึงบทบาทการเป็นผู้นำด้านการลงทุนครบวงจรของเมย์แบงก์ ที่มีบริการด้านการลงทุนรอบด้านแบบ 360 องศา ให้ลูกค้าสามารถต่อยอดการลงทุน และมีพอร์ตที่มั่นคงแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย”

อภิญญา องค์คุณารักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายงาน Investment Management บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “นอกจากการใช้ประสบการณ์ของเมย์แบงก์ในการบริหารกองทุนให้กับลูกค้า โดยเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย กระจายความเสี่ยง จัดพอร์ตอย่างเหมาะสมกับสไตล์ลูกค้าแล้ว เมย์แบงก์ ยังให้คำแนะนำถึงกลยุทธ์การวางแผนการลงทุนระยะยาวสำหรับนักลงทุนและครอบครัวเพื่อความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องประกอบด้วยหลักคิด 3 ข้อเสมอ นั่นคือ

  1. นักลงทุนจำเป็นต้องรู้เป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการลงทุนเพื่อตัวเองด้วยการวางแผนในวัยเกษียณ หรือ ต้องการส่งต่อเป็น ความมั่งคั่งให้กับคนรุ่นหลัง
  2. เลือกรูปแบบการลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ และ ที่สำคัญ
  3. ต้องอยู่ในตลาดทุนเป็นเวลานาน โดยเน้นที่การทยอยลงทุน จึงจะเป็นโอกาสที่ทำให้ไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ”

นับว่ากิจกรรมสุดพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อลูกค้าคนสำคัญในครั้งนี้ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าทำความรู้จักกับการลงทุนเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งให้กับคนรุ่นหลังแล้ว ยังเป็นการส่งต่อแนวคิดใหม่ให้กับนักลงทุนที่กำลังวางแผนการเงินให้เหมาะสมกับรูปแบบชีวิต ถือเป็นการช่วยจุดประกายความคิดการลงทุนที่จะได้ประโยชน์แบบสองเด้ง นั่นคือ ลงทุนเพื่อตนเองและคนรักที่อยู่ข้างหลังไปพร้อม ๆ กัน

นาย ธัญญราช มีนะนันทน์(กลาง) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจเพื่อรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ นางสาวศันสนีย์ เหล่ากาวี(ที่สามจากขวา) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จัดกิจกรรมสุดพิเศษให้ลูกค้า “วิเคราะห์ศาสตร์แห่งตัวเลขความโชคดีและโชคลาภในการลงทุน” โดย คุณแมน การิน(สองจากขวา) นักออกแบบตัวเลขชื่อดัง มาเผยความลับของตัวเลขมงคลที่มาแรงในปีนี้ ร่วมกับ วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากพรูเด็นเชียลฯ ที่มาเสริมความรู้ด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนในการสร้างมั่นคงและมั่งคั่งในอนาคต ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายด้านการลงทุนไปกับเมย์แบงก์ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ณ โรมแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ

Page 2 of 6
X

Right Click

No right click