เนื่องจากการซื้อขายหุ้นไอพีโอมีการชะลอตัวลงจากปี 2564 ส่งผลให้เงินทุนจากการเสนอขายหุ้นครั้งแรกของบริษัทให้กับสาธารณะชน (IPO) มีมูลค่าลดลงทั่วทั้งตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วง 10.5 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าจำนวนหุ้นไอพีโอและมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นไอพีโอคาดการณ์ว่าจะยังมีการทรงตัวจากปีก่อนหน้า

ข้อมูลจากดีลอยท์ ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 แสดงให้เห็นว่า บริษัทต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถระดมทุนได้เป็นจำนวน 6.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากหุ้นไอพีโอของบริษัทจำนวน 136 บริษัท ในปีนี้ ซึ่งลดลง ร้อยละ 52 จากสถิติ 13.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากหุ้นไอพีโอของบริษัทจำนวน 152 บริษัท ในปี 2564

จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ามีหุ้นไอพีโอรายย่อยจำนวนมากขึ้นในปีนี้ ส่วนใหญ่มาจากบริษัทขนาดเล็กที่ต้องการแพลตฟอร์มเพื่อระดมทุนในสภาพแวดล้อมของตลาดที่ท้าทายในปัจจุบัน

ในปีนี้มี PT, GoTo, Gojek, Tokopedia, Tbk และ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นไอพีโอรายใหญ่เพียง 2 บริษัทเท่านั้น ซึ่งอาจหมายความว่าบริษัทขนาดใหญ่ ต่างรอเวลาและเลื่อนการเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ออกไปเพื่อรอช่วงเวลาที่สภาวะตลาดที่ดีขึ้น

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้กระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อยรายใหม่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น และส่งผลให้ตลาดหุ้นไอพีโอคึกคักทั่วโลกในปี 2564 โดยสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีจำนวนเงินทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ ตลาดทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การซื้อขายหุ้นไอพีโอกลับชะลอตัวลงในปีนี้ แม้ว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้นเล็กน้อย โดยมูลค่าการระดมทุนลดลง ร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับหุ้นไอพีโอในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรที่ลดลง ร้อยละ 95 และ ร้อยละ 91 ตามลำดับ

นางสาว เท ฮวี ลิง Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ เซาท์อีสท์ เอเชีย และสิงค์โปร์ กล่าวถึงตลาดหุ้นไอพีโอในภูมิภาคนี้ว่า “ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การซื้อขายหุ้นไอพีโอมีความเคลื่อนไหวตามการเติบโตของเศรษฐกิจและจีดีพี แต่สองปีที่ผ่านมาสถานการณ์กลับเป็นตรงกันข้าม เช่นเดียวกับที่โลกกำลังเอาชนะการแพร่ระบาด การเปิดกว้างทางเศรษฐกิจโลกและเปิดพรมแดนใหม่อีกครั้งได้กระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.7 ในปี 2564 เป็นร้อยละ 8.8 ในปี 2565 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 4 ตลอดทั้งปีเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เมื่อพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคเหล่านี้ ตลาดหุ้นไอพีโอในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเติบโตได้ดี ในขณะที่เรายังคงเห็นศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค”

ภาพรวมตลาดในประเทศไทย

ประเทศไทยยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำที่สามารถระดมทุนจากไอพีโอได้สูงสุดในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยระดมทุนได้ทั้งหมด 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากหุ้นไอพีโอของบริษัท 28 บริษัท จำนวนเงินที่ระดมทุนได้ในปีนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับจำนวนเงินจากการระดมทุนในปี 2017 - 2019 (มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี) เป็นสัญญาณว่าสิ่งต่างๆ กลับสู่สภาวะเดิมก่อนเกิดโรคระบาด ส่วนในปี 2020 และ 2021 เงินจากการระดมทุนในแต่ละปี มีมูลค่ามากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ นักลงทุนต่างชาติ ที่ส่วนใหญ่หายไปในช่วงปีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้กลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง

เรายังคงเห็นการเสนอขายหุ้นไอพีโอจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ตั้งแต่ สินค้าอุปโภคบริโภค บริการทางการเงิน และธุรกิจก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ เราได้เห็น REIT ที่มีการลงทุนในการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวของท่าอากาศยานเป็นครั้งแรก และมีบริษัท 39 แห่งที่คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนภายในปี 2566” นางวิลาสินี กฤษณามระ Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าว

ภาพรวมตลาดประเทศอินโดนีเซีย

อินโดนีเซีย รั้งอันดับสองของภูมิภาคฯ ด้วยจำนวนเงินทุนที่ระดมทุนได้ถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอ 54 บริษัทในปี 2565 โดย PT GoTo Gojek Tokopedia Tbk เพียงบริษัทเดียวสามารถระดมทุนหุ้นไอพีโอได้ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และครองตำแหน่งสูงสุดในกระดานผู้นำหุ้นไอพีโอของภูมิภาคในปีนี้ และ PT Global Digital Niagra

Tbk หรือที่รู้จักกันในชื่อ “BliBli” ตามมาเป็นอันดับสองด้วยการระดมทุนจำนวน 516 ล้านเหรียญสหรัฐ GoTo และ Blibli ได้เข้าร่วมกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในอินโดนีเซียที่กำลังเติบโต ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นางสาว อิเมลดา ออร์บิโต Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ อินโดนีเซีย กล่าวว่า "ตลาดทุนหุ้นไอพีโอของอินโดนีเซียเริ่มต้นได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 และถึงแม้จะมีการชะลอตัวในไตรมาสที่ 3 แต่อินโดนีเซียยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดไอพีโอในภูมิภาค การที่ GoTo และ BliBl สามารถระดมเงินทุนได้สูงเช่นนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี ท่ามกลางภาวะตกต่ำของตลาดโลกอันเนื่องมาจากความกังวลทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น เรายังคงมองในแง่ดีว่าหุ้นไอพีโอจากบริษัทด้านเทคโนโลยีจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีบริษัทเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอีกสองเดือนข้างหน้า เช่นเดียวกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐาน(Consumer non-cyclicals industry).

ภาพรวมตลาดประเทศมาเลเซีย

ตลาดหุ้นไอพีโอของมาเลเซียได้ผ่านพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีจำนวนเงินที่ระดมทุนได้เพิ่มขึ้น 102% อยู่ที่ 681 ล้านเหรียญสหรัฐ การระดุมทุนที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนของบริษัทจดทะเบียน ACE เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า จากเดิม 11 บริษัทในปี 2564 เพิ่มเป็น 22 บริษัทในปี 2565 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี เมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจผลักดันให้บริษัทพื้นฐานที่ดีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ต้องการใช้ประโยชน์จากตลาดตราสารทุนเพื่อให้มีฐานเงินทุนที่มีความหลากหลายและถูกกว่า

แม้ตลาดหุ้นไอพีโอจะได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีบริษัทต่างๆ ที่มองหาตลาดทุนอย่างต่อเนื่อง ผลการดำเนินงานที่ดีในปี 2565 ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าตลาดทุนมาเลเซียมีการปรับตัวและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” นายหว่อง การ์ ชุน Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ มาเลเซีย กล่าว

ภาพรวมตลาดประเทศสิงคโปร์

สิงคโปร์มีการเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 9 บริษัท โดยสามารถระดมทุนได้ 421 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 10.5 เดือนแรกของปีนี้ ในจำนวนนี้ ประกอบด้วยบริษัทที่จดทะเบียนเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ (Special Purpose Acquisition Companies – “SPAC”) 3 บริษัท ซึ่งระดมทุนได้ 389 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหุ้นไอพีโอในกระดาน Catalist 6 บริษัท โดยระดมทุนได้เป็นจำนวน 32 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการระดมทุนแบบ SPAC ที่เปิดตัวในประเทศสิงคโปร์ในเดือนกันยายน 2021 SPAC ในสิงคโปร์มีกำหนดระยะเวลาให้บริษัทระดมทุนได้ภายใน 24 เดือน โดยสามารถขยายระยะเวลาต่อได้อีก 12 เดือน จึงคาดการณ์ว่า บริษัทที่ผ่านการระดมทุนแบบ SPAC แล้ว (de-SPACs) จะสนับสนุนให้บริษัทอื่นๆ เข้ามาระดมุทนแบบ SPAC เพิ่มขึ้น

ตั้งแต่ปี 2010 มี REIT หรือ Business Trust อย่างน้อยหนึ่งรายการในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) อย่างไรก็ตาม เราพบว่าไม่มี REIT ในช่วง 10.5 เดือนแรกของปีนี้ ถ้ามองในแง่ดี มีการเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินทุนและการย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังประเทศสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขยายโอกาสเพิ่มมากยิ่งขึ้นในตลาดหุ้นไอพีโอของสิงคโปร์ หากตลาดของเราสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ อีกสองถึงห้าปีข้างหน้าอาจเป็นปีทองสำหรับตลาดหุ้นไอพีโอของเรา นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ เช่น เสถียรภาพทางการเมืองของสิงคโปร์ การจัดการกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประสบผลสำเร็จ และการเปิดประเทศอย่างราบรื่นจะช่วยให้สิงคโปร์ยังคงดึงดูดความสนใจให้ธุรกิจต่างๆ เข้ามาจัดตั้งสำนักงาน” นายดาร์เรน อึ้ง Disruptive Events Advisory Deputy Leader Deloitte Singapore กล่าว

คาดการณ์แนวโน้มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับการคาดการณ์ในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงปี 2566 นางสาวเทให้ความเห็นว่า “ยังคงมีช่องว่างให้ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเติบโตได้อีกมาก เมื่อภูมิภาคผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เราคาดว่าการซื้อขายหุ้นไอพีโอจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีความผันผวน เนื่องจากตลาดปรับโหมดจากสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับสู่ “สภาวะปกติ” แม้ว่าบริษัทเทคโนโลยีอาจได้รับการประเมินมูลค่าต่ำกว่าปกติในปัจจุบัน แต่บริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคงและความสามารถที่พิสูจน์ได้ว่าธุรกิจสามารถสร้างผลกำไรได้ จะยังคงได้รับการประเมินมูลค่าตลาดที่ดีที่สุดและยังคงได้รับประโยชน์จากตลาดทุนได้”

ข้อมูลทั้งหมดมีความถูกต้อง ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 และไม่รวมการเสนอซื้อขายหุ้นไอพีโอ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14 ถึง 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 รายงานการซื้อขายหุ้นไอพีโอ ประจำปี 2565 จะเผยแพร่ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566

บทความ : ดีลอยท์

SBITO เดินหน้ารุกตลาดเทรดหุ้นออนไลน์ในไทย ตั้งเป้าก้าวสู่เบอร์ 1 ตลาดเตั้งเป้าก้าวสู่โบรกเกอร์ออนไลน์ที่ได้รับความไว้วางในอันดับ 1 ในใจนักลงทุนไทย เปิดสาขาใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการ ชูจุดขายเรทค่าคอมที่เร้าใจ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ของการลงทุนโลกออนไลน์ในไทย หวังดึงกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่สู่ตลาด

มร.คาซึนาริ โอกาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด หรือ SBITO (สะไบโตะ) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นโลกในช่วงที่ผ่านมาว่า แม้ผลกระทบของโควิด-19 จะลดลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ยังคงส่งผลกระทบ อาทิ กรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่ทั่วโลกต่างต้องเผชิญ รวมถึงความไม่แน่นอนในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และปัจจัยอื่นๆ อีกมาก ทำให้หลายประเทศต่างปรับนโยบายเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด ส่งผลให้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ของปี 2565 เราเริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เริ่มปรับตัวในทางบวกเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าจะยังสถานะดังกล่าวต่อไปในระยะยาว โดย SBITO คาดการณ์ว่าในปี 2566 ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะขยับตัวทางบวกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทในตลาดจะเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ส่งผลให้ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น นักลงทุนรายย่อยสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบริษัทต่างๆ ในตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ด้านแนวโน้มภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4 ของปี 2565 มร.คาซึนาริ แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า “หลังจากไทยเริ่มเดินหน้าปลดล็อกข้อจำกัดและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ทำให้สามารถกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง เมื่อเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศเริ่มดีขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเช่นกัน SBITO คาดว่านักลงทุนจำนวนมากจะค่อยๆ กลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

ส่วนมุมมองของต่างชาติต่อศักยภาพเศรษฐกิจของไทยในปี 2566 นั้น พบว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนที่ดี มีความแข็งแกร่งในฐานะฐานการผลิตของโลกที่มีแรงงานฝีมือด้านต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงการส่งเสริมจากภาครัฐในการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพด้านการผลิตและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการลงทุนโดยมีเป้าหมายเพื่อดึงกลุ่มทุนต่างชาติในเข้ามาลงทุนในไทย ตลอดจนศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจท่องเที่ยวและการพักผ่อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าลงทุนในปัจจุบัน

SBITO เชื่อว่าจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มดีจะส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นผ่านออนไลน์ที่ SBITO ยังครองความเป็นผู้นำในตลาดโลกและในไทยก็จะยิ่งเติบโตเพิ่มขึ้นเพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนยุคใหม่ที่หันมาทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์ “ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนบัญชีนักลงทุนตลาดหุ้นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตสูงถึง 5,222,983 บัญชี จากบัญชีนักลงทุนตลาดหุ้นทั้งหมด 5,536,637 บัญชี นั่นแสดงให้เห็นว่านักลงทุนตลาดหุ้นเกือบ 100% มีบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยปัจจุบันคนไทยในทุกช่วงวัยเริ่มหันมาเพิ่มความมั่นคงทางการเงินด้วยการลงทุนในตลาดหุ้น จากกระแสนิยมดังกล่าวทำให้ SBITO เชื่อว่านักลงทุนตลาดหุ้นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตในไทยก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่นในประเทศญี่ปุ่นที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นทางอินเทอร์เน็ตสูงถึง 38 ล้านบัญชีในปัจจุบัน” มร.คาซึนาริ กล่าว

“ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 SBITO ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการซื้อขายหุ้นผ่านออนไลน์ จะรุกขยายฐานนักลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องและดูแลนักลงทุนของ SBITO โดยจะเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่นักลงทุนทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ การขยายสาขาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง ร่วมสนับสนุนกิจกรรมกีฬากับสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เพื่อสร้างความรู้จักและความมั่นใจในแบรนด์ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรชั้นแนวหน้าเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่แก่นักลงทุนในไทยให้ได้เปิดโลกการลงทุนยุคใหม่ผ่านโลกออนไลน์ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์จากการลงทุนเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุนของ SBITO ที่ยั่งยืน ที่สำคัญเรายังคงจุดขายในเรื่องอัตราค่าคอมมิชชั่นในเรทพิเศษ เชื่อว่า SBITO จะดึงดูดนักลงทุนรายใหม่สู่ตลาด โดยตั้งเป้าที่จะสร้างให้ SBITO ก้าวสู่การเป็นบริษัทหลักทรัพย์ออนไลน์สากลที่ได้รับความนิยมมากสุดในประเทศไทย” มร.คาซึนาริ กล่าวถึงแผนการรุกตลาดในไทยเพื่อก้าวสู่ผู้นำตลาด

สามารถชมข้อมูล SBITO เพิ่มเติมได้ที่ https://www.sbito.co.th/ หรือ https://www.facebook.com/Sbithaionline/

Image preview

เดินหน้ารุกงานที่ปรึกษาการเงิน ให้กลุ่ม CLMV  เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

Page 2 of 2
X

Right Click

No right click