“พื้นที่สำนักงานให้เช่าได้” หรือ occupied area ในกรุงเทพฯ ปี 2021 มีทิศทางชะลอตัวลงอีกเล็กน้อย โดยคาดว่าจะหดตัวราว -0.5% ถึง -1.0% จากผลกระทบของการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการพื้นที่
อีกเล็กน้อย จากการที่ผู้ประกอบการพื้นที่
• ปัจจัยที่ส่งผลต่อแนวโน้มความต้
ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการที่หลายบริษั
คลายล็อกดาวน์แล้ว ส่งผลให้อุปสงค์ต่อพื้นที่สำนั
• แนวโน้มความต้องการพื้นที่สำนั
COVID-19 ส่งผลให้แนวโน้มความต้องการพื้
1) อุปสงค์ในพื้นที่สำนักงานให้เช่
นอกจากนี้ สถานการณ์ COVID-19 ยังส่งผลให้ภาคธุรกิจปรับเปลี่
เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ประกอบกับเป็นช่วงวันหยุดปีใหม่ ส่งผลให้แนวโน้มที่กำลังฟื้นตั
โดยการลดวัน/เวลาในการเข้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าพนักงานบริษัทมีความต้องการที่จะใช้เวลาทำงานจากทั้งออฟฟิศและบ้าน แต่พื้นที่สำนักงานยังคงจำเป็นต่อการทำงาน แต่รูปแบบของสำนักงานอาจต้องปรับเปลี่ยนไป โดย flexible space เป็นรูปแบบหนึ่งที่ตอบสนองเทรนด์การทำงานในอนาคต จากผลสำรวจของ CBRE เกี่ยวกับรูปแบบสำนักงานในอนาคต (The Future of the Office Survey) จากพนักงานออฟฟิศ 10,000 คน จากหลายประเทศทั่วโลก
ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป อินเดีย และเอเชียตะวันออกซึ่งรวมถึงไทยด้วย พบว่า ภายหลังจากเหตุการณ์ COVID-19 คลี่คลาย 28% ของพนักงานออฟฟิศต้องการทำงานจากที่บ้านแบบเต็มเวลา ขณะที่ 67% ของพนักงานออฟฟิศต้องการใช้เวลาทำงานจากทั้งออฟฟิศและบ้าน ส่งผลให้พื้นที่สำนักงานยังมีความจำเป็นอยู่บางส่วน แต่รูปแบบของพื้นที่สำนักงานจะต้องมีการปรับเปลี่ยนไป เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการทำงานในอนาคต โดยบริษัทส่วนใหญ่ยังคง
ให้ความสำคัญกับพื้นที่สำนักงานเพื่อตอบโจทย์องค์กร 3 ด้านคือ 1) การสร้างความร่วมมือ นวัตกรรม และประสิทธิภาพในการทำงาน 2) ความสามารถในการสะท้อนภาพลักษณ์และวัฒนธรรมขององค์กร 3) สถานที่สำหรับพบปะ
และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ดังนั้น รูปแบบการใช้งานของพื้นที่สำนักงานอาจเปลี่ยนไป พนักงานทุกคนอาจไม่ต้องการโต๊ะทำงานประจำอีกต่อไป อาจต้องการเพียงพื้นที่นั่งทำงานร่วมกันเป็นทีมหรือมุมทำงานส่วนตัว ห้องประชุมอาจต้องมีเทคโนโลยีที่สามารถรองรับได้ทั้งพนักงานที่เข้าประชุมที่สำนักงานและผ่านทางช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้จากผลสำรวจของ CBRE ยังพบว่า 56% ของบริษัทที่มีการสำรวจจะใช้พื้นที่สำนักงานที่เป็นรูปแบบ flexible space ในอนาคต เนื่องจากเป็นรูปแบบที่มีความคล่องตัวสูงและพื้นที่ใช้งานค่อนข้างหลากหลาย โดยอาจมีทั้งพื้นที่ส่วนกลางสำหรับการทำงานเป็นทีม หรือพื้นที่ส่วนตัวสำหรับผู้ที่ต้องการสมาธิ ทั้งนี้ความหมายโดยกว้างของ flexible space คือ พื้นที่สำนักงานที่มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้สอยได้ตามความต้องการในการใช้งาน โดย flexible space มักประกอบไปด้วย
พื้นที่ทำงาน อุปกรณ์สำนักงาน สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ อีกทั้ง ระยะเวลาในการทำสัญญายังสั้นกว่าสำนักงานทั่วไป ซึ่งครอบคลุม 1) สำนักงานสำเร็จรูป (serviced offices) คือพื้นที่สำนักงานให้เช่าพร้อมเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยผู้เช่ามักเป็นองค์กรหรือธุรกิจที่เริ่มตั้งใหม่หรืออยู่ในช่วงขยายกิจการ เนื่องจากสำนักงานลักษณะนี้มีเงื่อนไขและสัญญาเช่าที่ยืดหยุ่นมากกว่าพื้นที่สำนักงานให้เช่าทั่วไป 2) Co-working spaces
เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถเข้าใช้บริการได้ทั้งแบบส่วนบุคคลและแบบกลุ่ม และใช้พื้นที่ร่วมกันได้หลายกลุ่มในเวลาเดียวกัน พื้นที่นี้จะเน้นการแบ่งปันและสร้างเครือข่ายระหว่างผู้เช่าผ่านการจัดกิจกรรมของ community manager
ที่มีหน้าที่รับผิดชอบและตอบสนองความต้องการของผู้เข้าใช้บริการพื้นที่ ส่งผลให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนกว่า
สำนักงานสำเร็จรูป
แนวโน้มการชะลอตัวของภาคธุรกิจและเทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่ส่งผลให้ตลาดสำนักงานให้เช่า
ในกรุงเทพฯ ปี 2021 มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องอีกเล็กน้อยจากในปี 2020 เนื่องจากผลจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 โดย EIC คาดว่าการชะลอตัวของตลาดในปี 2021 มาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) พื้นที่ให้เช่าได้ (occupied space) ในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะปรับลดลงราว -0.5% ถึง -1.0% เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2015-2019 ที่เติบโตราว 1.7% และ 2) อัตราค่าเช่ามีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อยและอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงก่อนเกิด COVID-19 เป็นผลมาจากนโยบายลดหย่อนค่าเช่าและแรงกดดันจากอุปทานใหม่จำนวนมากที่เข้าสู่ตลาด
พื้นที่สำนักงานให้เช่าได้ (occupied space) ในกรุงเทพฯ ในปี 2021 มีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกเล็กน้อย โดยพื้นที่ที่น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ พื้นที่แถบนอกศูนย์กลางทางธุรกิจ (Non CBD) ทั้งนี้ผลจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้แผนการขยายหรืออัปเกรดพื้นที่สำนักงานต่าง ๆ
ในปี 2020 ถูกเลื่อนออกไป สำหรับแนวโน้มในปี 2021 ภาพรวมของพื้นที่ให้เช่าได้จะชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะหดตัวเล็กน้อยที่ราว -0.5% ถึง -1.0% (รูปที่ 4) โดยความต้องการพื้นที่เช่าจะลดลงจากการปิดกิจการหรือลดพื้นที่เช่า
อย่างไรก็ดี พื้นที่เช่าส่วนหนึ่งจะถูกชดเชยด้วยความต้องการพื้นที่เช่าจากในบางกลุ่มธุรกิจที่ยังมีความต้องการขยายพื้นที่ ได้แก่ ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ นอกจากนี้ หลายโครงการที่จะเปิดตัวในปี 2021 มีกลุ่มผู้เช่าแล้วบางส่วนจากที่มีทำสัญญาไว้ล่วงหน้า ประกอบกับเจ้าของโครงการมีแนวโน้มที่จะตั้งราคาค่าเช่าให้ต่ำลงเพื่อดึงดูดผู้เช่าเข้าสู่โครงการ อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และยังมีความเปราะบางทำให้หลายภาคธุรกิจยังต้องระมัดระวังในการขยายกิจการส่งผลให้อัตราเติบโตของอุปสงค์ต่อพื้นที่สำนักงานต่ำกว่าในอดีต โดยพื้นที่ที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ พื้นที่แถบย่านนอกศูนย์กลางทางธุรกิจ (Non CBD) ที่มีบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นผู้เช่าอยู่เป็นสัดส่วนมากกว่าย่านศูนย์กลางทางธุรกิจ (CBD) เนื่องจากธุรกิจกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ส่งผลให้ต้องปรับตัวมากเพื่อให้สามารถอยู่รอดในภาวะวิกฤติ โดยหลายบริษัทต้องมีการลดจำนวนพนักงานหรือบางกิจการอาจต้องปิดดำเนินการส่งผลให้อุปสงค์ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก
อัตราค่าเช่าปี 2021 มีแนวโน้มปรับลดลงอีกเล็กน้
ในระยะกลาง อุปทานพื้นที่สำนักงานแห่งใหม่
ที่เข้าสู่ตลาดจะเพิ่มขึ้
แนวโน้มความต้องการพื้นที่สำนั
นอกจากนี้ การออกแบบพื้นที่ทำงานและพื้นที่
บทวิเคราะห์จากเว็บไซต์ EIC : https://www.scbeic.com/th/
ตลาดวิดีโอเกมในอาเซียนถือว่าน่าจับตา ด้วยอัตราการเติบโตระดับสองหลักทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเปิดตัวหรือโปรโมตเกมใหม่ๆ นอกจากนี้ความต้องการของผู้บริโภคด้านความบันเทิงในบ้านที่เพิ่มขึ้นจากโควิด-19 ทำให้ตลาดเกมมิ่งยังคงมีศักยภาพสูง
ธนาคารดอยซ์แบงก์ ประเทศไทย (XETRA: DBKGn.DB / NYSE: DB) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ เป็นครั้งแรกของการให้บริการบริหารความเสี่ยงโดยใช้ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในประเทศไทย (Onshore hedge) หรือการบริหารความเสี่ยงค่าเงินให้แก่นิติบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศที่มีคุณสมบัติตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด ภายใต้เกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการผ่อนคลายมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทสำหรับนิติบุคคลที่อยู่นอกประเทศให้สามารถทำธุรกรรมเงินบาทได้คล่องตัวขึ้น ภายใต้ โครงการ Non-resident Qualified Company หรือ NRQC
ธนาคารดอยซ์แบงก์ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและสามารถให้บริการเป็นธนาคารแรกแก่ลูกค้านิติบุคคลต่างประเทศ ในระยะเวลาเพียง3สัปดาห์หลังจากธปท.ประกาศกฎเกณฑ์ใหม่สำหรับนิติบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ภายใต้โครงการ NRQC เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564
กฎเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทที่ไม่ได้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าถึงสภาพคล่องสกุลเงินบาท ภายในประเทศได้คล่องตัวขึ้น โดยไม่ต้องแสดงเอกสารหลักฐานในการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง
น.ส.ธีรดา ทัพพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายค้าตราสารหนี้และตราสารอนุพันธ์ ธนาคารดอยซ์แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้เป็นธนาคารแห่งแรกในไทยที่ให้บริการ Onshore hedge แก่นิติบุคคลต่างประเทศให้สามารถเข้าถึงตลาดแลกเปลี่ยนเงินในไทย บริการนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเรา ที่เป็นบริษัทในต่างประเทศ สามารถเข้าถึงการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาทในต้นทุนที่ถูกลงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ภายใต้โครงการ NRQC ใหม่”
บริษัทที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศสามารถลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันความเสี่ยงได้ โดยใช้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศภายในประเทศไทยเป็นอัตราอ้างอิง เพราะโดยทั่วไปแล้วอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าเงินในประเทศจะถูกกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่มีอยู่ในตลาดต่างประเทศ
“เรามั่นใจว่าเกณฑ์ NRQC ใหม่นี้จะช่วยดึงดูดให้บริษัทต่างๆ ที่มีถิ่นฐานนอกประเทศไทย หันมาทำธุรกรรมเพื่อป้องกันความเสี่ยงโดยใช้ตลาดแลกเปลี่ยนเงินในประเทศมากขึ้น และถือเป็นมิติใหม่ของตลาดการค้าเงินสกุลเงินบาทในประเทศไทย” น.ส.ธีรดา กล่าวเพิ่มเติม จากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 10% จากจุดสูงสุดในปี 2563 ทำให้บริษัทต่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของค่าเงินบาท มีต้นทุนในการบริหารความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทุกธุรกิจต้องบริหารจัดการต้นทุนอย่างเข้มงวดเพื่อเร่งการฟื้นตัวจากโควิด โครงการ NRQC ของ ธปท. ช่วยให้บริษัทที่ทำการค้าขายและลงทุนโดยตรงในประเทศไทย สามารถเข้าถึงสภาพคล่องในสกุลเงินบาทจากตลาดแลกเปลี่ยนเงินในประเทศได้คล่องตัวมากขึ้น และปรับเปลี่ยนการทำธุรกรรมเพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าเงินที่จากเดิมต้องพึ่งพาอัตราแลกเปลี่ยนของตลาดนอกประเทศมาเป็นอัตราแลกเปลี่ยนตลาดในประเทศได้อย่างง่ายดาย หรือจะปรับเปลี่ยนในทางกลับกันก็ได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการหรือขั้นตอนป้องกันความเสี่ยงที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
SteelSeries ปล่อยหูฟังรุ่นใหม่ล่าสุด “TUSQ” หวังมอบประสบการณ์เหนือชั้นในการเล่นเกมอย่างเต็มอรรถรส
เอสเอ็มอี คู่ค้าของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กว่า 6 พันราย ตอบรับโครงการ Faster Payment ให้เครดิตเทอมภายใน 30 วัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่อง ให้ SME รับมือวิกฤติเศรษฐกิจเพราะโควิทระลอกนี้ ตอบรับความมุ่งมั่นซีพี
เอฟในการพัฒนาคู่ค้าธุรกิจเติ บโตไปด้วยกัน Razer™ แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเกมเมอร์ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยี Razer™ HyperPolling ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ใหม่ของบริษัท
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จัดกิจกรรมสุดพิเศษ บรรยายธรรม รูปแบบออนไลน์ ในหัวข้อ “ธรรมะมีสุขในยุค New Normal”
January 31, 2021บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จัดกิจกรรมสุดพิเศษ บรรยายธรรม รูปแบบออนไลน์ ในหัวข้อ “ธรรมะมีสุขในยุค New Normal”
คปภ. รายงานการติดตามการช่วยเหลือด้านประกันภัยกรณีอุบัติเหตุรถไฟชนรถบัส ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ประกันภัยเยียวยาแล้วทั้ง 17 ราย รวมกว่า 12 ล้านบาท
January 27, 2021ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถไฟขนส่งสินค้า
ซีพีเอฟ เดินหน้าเครดิตเทอม 30 วันต่อเนื่อง ช่วยคู่ค้าเอสเอ็มอียืนหยัดต่อสู้โควิด-19 ระลอกใหม่
January 27, 2021บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ส่งมอบความห่วงใยกลุ่มคู่ค้าที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เดินหน้าโครงการ “Faster Payment”
เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ตอกย้ำคุณภาพการให้บริการด้านสินไหมทดแทนที่รวดเร็ว สะดวกสบาย ทันสมัยด้วยการนำแอปพลิเคชั่นเข้ามาใช้ให้การบริการลูกค้า
New News
Corporate Move (N) Right
Finance
Lifestyle