บิสกิต โซลูชั่น แนะองค์กรนำ AI ช่วยจัดการธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ 5 ด้าน วิจัยการตลาด ประหยัดงบโฆษณา ปั้นแคมเปญให้ปัง โต้ตอบลูกค้า 24 ชม. ช่วยเพิ่มกำไร ชี้ปรับใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม
อาทิ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว และบริการ หน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนอุตสาหกรรมร้านอาหาร คว้าโอกาสเติบโตยุคธุรกิจร้านอาหารมาแรง เป็นธุรกิจด่านหน้าที่ได้รับปัจจัยบวกจากกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศขับเคลื่อนได้ตามปกติ รวมถึงการท่องเที่ยวฟื้นตัว เทรนด์ผู้บริโภคโหยหาชีวิตนอกบ้าน คาดธุรกิจร้านอาหารเติบโตสูงถึง 4.5% ในปี 2566 นี้
นายสุทธิพันธุ์ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด หรือ BIZCUIT Solution เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี AI สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมไปถึงธุรกิจร้านอาหารที่กำลังฟื้นตัวเติบโต จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดธุรกิจร้านอาหารปีนี้จะมีมูลค่าราว 4.18 - 4.25 แสนล้านบาท หรือโต 2.7% - 4.5% เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจด่านหน้าที่ได้รับปัจจัยบวกจากกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศที่ขับเคลื่อนได้ตามปกติ กำลังซื้อเริ่มดีขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว บวกกับพฤติกรรมโหยหาการใช้ชีวิตนอกบ้านของผู้บริโภค ที่ต้องการออกไปนั่งรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือแฮงค์เอาท์ สังสรรค์กับเพื่อนและคนในครอบครัวมากขึ้น ประกอบกับคนรุ่นใหม่ สนใจประกอบธุรกิจร้านอาหารมากขึ้น เนื่องจากมีธุรกิจร้านอาหารประสบผลสำเร็จเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรม ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว และบริการ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย ธุรกิจประกัน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ที่สามารถนำเอาเทคโนโลยี AI ไปประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานธุรกิจในทุกกระบวนการทำงาน ทั้งในด้านของการบริหารต้นทุนที่แม่นยำ มีกำไรมากขึ้น การนำหุ่นยนต์หรือเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทำแทนแรงงานที่ขาดแคลน รวมไปถึงการนำมาช่วยวิเคราะห์แคมเปญทางการตลาด ช่วยผสานการขายและให้บริการ ทั้งธุรกิจที่มีหน้าร้าน หรือธุรกิจที่เน้นบริการหลังการขาย เพิ่มการยอดขายและช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี รักษาฐานลูกค้าเดิม และเพิ่มโอกาสในการสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยสามารถนำเทคโนโลยี AI เข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ 5 ด้านได้แก่
1. วิจัยทางการตลาด สามารถรวบรวมความพึงพอใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็วจากลูกค้าที่มาใช้บริการจริง ด้วยต้นทุนที่น้อยกว่า แทนการทำการวิจัยที่ใช้แบบสอบถามแบบเดิม ซึ่งใช้เวลาเก็บรวบรวมข้อมูล ไม่อัปเดตกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ทั้งยังใช้งบประมาณสูง
2. ด้านการวางงบโฆษณา ประหยัดงบ กำหนดกลุ่มเป้าหมายแม่นยำขึ้น ทำให้เจ้าของธุรกิจรู้ว่าสื่อโฆษณาในช่องทางต่าง ๆ ที่ลงทุนไป สร้างยอดขายจริงกลับมาเท่าไหร่ ด้วยการสกัดข้อมูล แยกกลุ่มเซ็กเมนท์ (Segment) วางแผนการบริหารงบประมาณโฆษณาบนช่องทางออนไลน์ไปแต่ละกลุ่มได้แม่นยำ ลดความสิ้นเปลืองในการทุ่มงบยิงโฆษณาหว่านแบบเดิม ๆ
3. ปั้นแคมเปญการตลาดให้ปัง มีประสิทธิภาพ โดยการนำเอาข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า มาพัฒนาต่อยอดเป็นแคมเปญกระตุ้นยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถวัดผลได้
4. ให้บริการโต้ตอบลูกค้า 24 ชั่วโมง เพื่อรับรู้บริบทลูกค้าที่มีต่อร้านค้า กล่าวขอโทษเมื่อลูกค้าไม่พอใจ กล่าวขอบคุณหรือให้สิทธิพิเศษต่อลูกค้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ต่อติดกับลูกค้าอยู่เสมอ ตอบสนองได้รวดเร็วสอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล
5. สร้างคลังข้อมูล เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจให้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และยังช่วยให้ AI เกิดการเรียนรู้ขั้นสูงสุดเกี่ยวกับธุรกิจหรือรูปแบบการขายข้ามสายที่ซับซ้อนมาก ไปพร้อมกับการเรียนรู้พฤติกรรมลูกค้า
อย่างไรก็ดี BIZCUIT ได้พัฒนา Fulloop ให้การเป็น MarTech สำหรับธุรกิจ โดยใช้ AI ที่มีความฉลาดด้านภาษาไทยมากที่สุด โดยสามารถวิเคราะห์ไปถึงเจตนาของความเห็นและข้อความ ในทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เนื่องจากพัฒนาโดยคนไทยที่มีความสามารถด้านการบริหารประสบการณ์ลูกค้า ปัจจุบันมีลูกค้าเชนร้านอาหารชั้นนำ อาทิ ซานตาเฟ่ เหมงนัวร์นัวร์ ซูชิเซนกิ ใช้บริการ รวมไปถึงในธุรกิจกลุ่มอื่น ๆ ปัจจุบันมีลูกค้าเชนร้านอาหารชั้นนำ อาทิ ซานตาเฟ่ เหมงนัวนัว ซูชิเซกิ ใช้บริการ รวมไปถึงในธุรกิจกลุ่มอื่น ๆ อาทิ Studio7, IndexLivingmall, Jubilee, ทีวีไดเร็ค(TVD) โดย Fulloop สามารถนำไปใช้ได้กับธุรกิจได้ทุกขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ด้วยจุดแข็งที่ใช้งบประมาณน้อย AI เข้าใจภาษาไทยเป็นอย่างดี นำข้อมูลประสบการณ์ลูกค้าไปต่อยอดด้านการตลาด การขาย และบริการหลังการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ