December 04, 2024

เมื่อศิลปะไม่ได้ถูกจำกัดเพียงในกรอบ แต่ก้าวล้ำไปตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในช่วงที่ผ่านมานี้ “Immersive Art” ที่เป็นหนึ่งในรูปแบบงานศิลปะยุคดิจิทัลจึงเป็นที่น่าจับตา เพราะเป็นการจัดแสดงงานศิลปะในห้องโล่งกว้าง ผ่านการฉายภาพสาดแสงไปทั่วทุกมุม ให้ผู้ชมรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมกับแสงสี และมีส่วนร่วมกับงานศิลปะนั้นได้ และจะดีมากแค่ไหน ถ้าเราจะได้สัมผัสกับงานอาร์ตสุดล้ำในกลุ่มเล็กไม่เกิน 10 คน พร้อมกับเปิดให้รับชมงานถึง 2 รอบต่อการเข้าชมหนึ่งครั้ง เพื่อให้สัมผัสกับอรรถรสของการเสพศิลป์ของงาน Immersive Art ได้มากที่สุด  

ความพิเศษเช่นนี้  จัดแสดงที่นิทรรศการ “The Abyss Beyond”   ภายใต้ความร่วมมือกันอีกครั้งของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค และ Topos Studio ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการจัดแสดงงานดิจิทัลอาร์ตจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งครั้งนี้จัดในพื้นที่ของ TDPK Studio 1 บนชั้น 2 ของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์  

ก่อนไปชมงาน อยากพาทุกคนไปสำรวจที่มาที่ไป ธีมหลักของงาน พร้อมคำแนะนำในการรับชม ที่จะทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์แสนพิเศษไปด้วยกัน จากสตูดิโอชั้นนำจากเกาหลีใต้ สู่การจัดนิทรรศการดิจิทัลอาร์ตครั้งที่ 2 ในไทย 

 Topos Studio คือสตูดิโอที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการสร้างสรรค์ผลงานอาร์ตจากเทคโนโลยีดิจิทัลจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยมีการร่วมมือทำงานกับศิลปินระดับโลกและครีเอเตอร์มากมาย โดยในปีที่ผ่านมา ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้เคยร่วมมือกับ Topos Studio จัดนิทรรศการศิลปะ “The Gate immersive Theater” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดี ทำให้ในปี 2567 นี้เกิดความร่วมมือในการจัดแสดงงานอีกครั้งกับนิทรรศการดิจิทัลอาร์ต “The Abyss Beyond” 

นิทรรศการครั้งนี้ตั้งใจถ่ายทอดผลงานศิลปะในสไตล์ Contemporary โดยร่วมมือกับ 2 ศิลปิน เพื่อถ่ายทอดผลงานโดยใช้พลังของสื่อใหม่ สร้างสรรค์เป็นงาน Immersive Art เพื่อมอบประสบการณ์ศิลปะแบบใหม่ ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมเช่นเคย” Daegyeom Heo ซีอีโอของ Topos Studio กล่าว 

พื้นที่จัดแสดงงานยังคงเป็น ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ โดยมีการพัฒนาพื้นที่เป็นโซน TDPK Studio ที่เปิดกว้างสนับสนุนงานอาร์ตและศิลปินรุ่นใหม่อย่างเต็มที่ ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า 

นอกเหนือจากความตั้งใจให้พื้นที่ของเราเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีล้ำสมัยแล้ว เรายังเปิดกว้างสำหรับงานศิลปะรูปแบบต่างๆ รวมถึงงานศิลปะรูปแบบใหม่ที่ถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านเทคโนโลยี ให้ได้มาจัดแสดงในคอมมูนิตี้แห่งนี้ โดยตั้งใจให้เป็นเวทีของศิลปิน สตูดิโอ รวมถึงสตาร์ทอัพต่างๆ ที่มีความสามารถทั้งไทยและต่างประเทศ” 

“The Abyss Beyond” เปิดประสบการณ์อันลึกซึ้งของห้วงเวลาลึกลับที่ยากจะเข้าถึง 

นิทรรศการ “The Abyss Beyond” ได้คัดสรร 2 ผลงานจาก 2 ศิลปินร่วมสมัยที่มีผลงานในธีมเดียวกัน นั่นคือการสื่อสารถึงเรื่องห้วงของจิตไร้สำนึก ช่วงเวลาที่เชื่อมต่อของความเป็นและความตาย ซึ่งเป็นห้วงเวลาลึกลับที่อยากให้งาน Immersive Art พาผู้ชมเข้าไปสำรวจ สร้างแรงบันดาลใจ และขยายความเข้าใจของเราเกี่ยวกับโลก และตัวตนของตัวเอง  

ผลงานชิ้นที่หนึ่ง “Abyss of Black and Light: We are the Primitive of New Era” คือผลงานสุดท้ายในชีวิตของ Aldo Tambellini ศิลปินชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี ผู้บุกเบิกศิลปะ Media Art และนักสำรวจพื้นที่มืดตลอดชีวิต เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้นำด้าน Avant-garde โดยร่วมก่อตั้ง Gate Theatre ในมหานครนิวยอร์ก และมีผลงานจัดแสดงในระดับนานาชาติมากมาย สำหรับผลงานที่จัดแสดงในครั้งนี้ใช้ภาพ สื่อที่สมจริง ที่มาพร้อมเสียง Ambisonics เพื่อสร้าง ‘มิติ’ ของพื้นที่ 

ผลงานชิ้นที่สอง “Abyss of the Unconscious: After Death Before the Birth” โดยคามิน เลิศชัยประเสริฐ ศิลปินไทยที่ผสานศิลปะเข้ากับจิตวิญญาณ สร้างสรรค์ผลงานที่มีเนื้อหาที่เน้นเรื่องความไม่เที่ยง การมีสติ และความเชี่อมโยงระหว่างกันของชีวิต สำหรับผลงานนี้จะพาไปสำรวจส่วนลึกอันมืดมิดของจิตใจมนุษย์ ดำดิ่งสู่สภาวะระหว่างช่วงท้ายของชีวิต สัมผัสปรัชญาของศิลปินเกี่ยวกับชีวิตและจักรวาลผ่าน ‘Golden Skull’ อันเป็นชิ้นงานที่แสดงถึงตัวตนของศิลปิน 

จัดกลุ่มผู้เข้าชมกลุ่มเล็ก พร้อมข้อแนะนำให้สัมผัสกับประสบการณ์รับชมเต็มที่ 

“เนื่องจากทั้งสองผลงานเป็นการสื่อสารถึง Fine Art ที่มีความเป็นนามธรรมอย่างมาก จึงเป็นความตั้งใจที่จะจัดแสดงภายในห้องสตูดิโอสีขาวขนาดกำลังพอดีที่เรียกได้ว่าเป็น Theater และแสดงงานภาพบนจอแสดงผลมีเดีย 250 องศา พร้อมเสียง Ambisonics เพื่อมอบประสบการณ์เสียงที่ดีที่สุด เพราะเสียงไม่ใช่เพียงส่วนประกอบ แต่นับเป็นหนึ่งส่วนสำคัญในการส่งสารสู่ผู้ชม” Daegyeom Heo เน้นย้ำ 

และเพื่อการรับชมแบบเต็มประสบการณ์ดังที่ผู้จัดแสดงตั้งใจ การเข้าชมในเวลาประมาณ 30 นาที โดยจะจัดแสดงผลงานให้ผู้ชมได้รับชม 2 รอบ โดยมีคำแนะนำในการชมดังนี้  

  • รอบแรก – ชมและดำดิ่งกับผลงานทั้งแสงและเสียง  
  • รอบที่สอง - เดินเข้าไปสัมผัสกับแสงที่สาดส่อง มีส่วนร่วมกับงานอย่างเต็มที่ พร้อมถ่ายภาพเก็บความประทับใจ 

ทรู ดิจิทัล พาร์ค สตูดิโอ พื้นที่สนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ และการชมงานศิลปะที่ควรเกิดขึ้นได้ทุกเวลา 

อีกหนึ่งความพิเศษของการแสดงงานครั้งนี้ คือ การจัดแสดงทุกวัน แบบไม่มีวันหยุด เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสงานศิลปะได้อย่างสะดวกที่สุด 

“เพราะเราเชื่อว่าศิลปะควรเป็นเรื่องใกล้ตัวผู้คนมากที่สุด นิทรรศการที่ทรู ดิจิทัล พาร์คจึงเปิดทุกวัน ไม่ได้มีวันหยุดประจำสัปดาห์ในวันจันทร์หรือวันพุธเหมือนกับที่อื่นทั่วไป เราอยากให้ผู้คนได้มีเวลาเข้ามาสัมผัสงานศิลปะได้ในช่วงที่พวกเขาสะดวก อาจเป็นเวลาพักกลางวันของวันทำงาน หรือในวันหยุดต่างๆ ที่สะดวกได้เช่นกัน” ดร.ธาริตทิ้งท้าย 

 

  • นิทรรศการ “The Abyss Beyond” จัดแสดงระหว่างวันที่  18 ก.ค. 67 – 30 ก.ย. 67 ที่ Studio 1 ชั้น 2 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ฝั่งเวสต์ กรุงเทพฯ (สถานีรถไฟฟ้า BTS ปุณณวิถี ทางออก 6) ตั้งแต่เวลา 11.30 น.  – 19.00 น. (ระยะเวลาการแสดง 30 นาที) 
  • เปิดจำหน่ายบัตร Early Bird ในราคาพิเศษ 99 บาท จากราคาปกติ 149 บาท ระหว่างวันที่ 15 ก.ค. – 14 ส.ค. 67 สำหรับรับชมผลงาน “Abyss of Black and Light: We are the Primitives of a New Era” โดย Aldo Tambellini 
  • จำหน่ายบัตรในราคาปกติ 149 บาท ระหว่างวันที่ 15 ส.ค. – 30 ก.ย. 67 สำหรับรับชมผลงาน “Abyss of Black and Light: We are the Primitives of a New Era” โดย Aldo Tambellini และ ผลงาน “Abyss of the Unconscious: After Death Before the Birth” โดย คามิน เลิศชัยประเสริฐ 
  • สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชมสามารถจองบัตร และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eventpop.me/e/41080/topos-the-abyss-beyond 

สำหรับนิทรรศการที่สามของสเปซ Blind Space Bangkok ยินดีนำเสนอ A Primordial Void นิทรรศการการจัดวางเสียงและวิดีโอโดยศิลปิน จัน เพ็ญจันทร์ ลาซูส

ในงานชิ้นล่าสุดของจันชิ้นนี้ เธอโผตัวดำดิ่งลงไปในความมืดมิดที่ว่างเปล่า เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการแปลงเปลี่ยน โดย A Primordial Void สำรวจความสัมพันธ์ดังกล่าวผ่านการคิดถึงถ้ำในฐานะสถานที่ลี้ลับแห่งการก่อกำเนิด ธรณีอันเป็นพยานของเวลาเบื้องลึก และรากฐานเชิงสัญลักษณ์ของภาพยนตร์นั้นเอง นิทรรศการชิ้นนี้จะพาผู้ชมเดินทางเข้าไปในถ้ำจำแลง และเชื้อเชิญผู้ชมให้จ้องมองความมืดที่กลืนกิน มองเข้าไปในความกลวงเปล่า ล้วงสายตาลึกเข้าไปในลำไส้ของผืนดินและในท้องไส้ของตนเอง และอาจเป็นไปได้ที่ในกระบวนการนั้นเอง เราจะประจักษ์ถึงสิ่งที่อาเดรียน ริชเรียกว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ก่อกำเนิดจากความว่างเปล่า, จุดเริ่มต้นแห่งความจริงของเรา”

ถ้ำ คือธรณีประตูที่เมื่อก้าวข้ามแล้ว ความมืดมิดกลายเป็นความเที่ยงแท้สัมบูรณ์ และยิ่งถลำตัวเข้าไปเบื้องลึกภายในเท่าไหร่ยิ่งทวีความเข้มข้นของความโปร่งที่ไม่ตายตัวและห้วงนอกเหนือสำนึกรู้ของความมืดมิดขึ้นไปอีก เราต่างก้าวออกจากห้วงเวลาชั่วครู่หนึ่ง แล้วเข้าสู่ภวังค์แห่งความไร้ซึ่งรูปร่าง เพื่อสละและลอกคราบสู่ร่างใหม่ พ้นเส้นเขตแดนแห่งเนื้อหนัง

นิทรรศการจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2565 ถึง 20 มกราคม 2566 (ไม่มีค่าใช้จ่าย) โดยจะมีงานเปิดนิทรรศการในวันที่ 9 ธันวาคม 2565 ตั้งแต่ 17.00 น. ถึง 21.00 น. Blind Space Bangkok ตั้งอยู่ที่ 75 ถ.จันทน์เก่า แขวง ช่องนนทรี เขต ยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 สเปซเปิดวันพุธ-เสาร์ เวลา12.00 น. ถึง 18.00 น. หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ +66 88 635 6554 หรืออีเมล์ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

เกี่ยวกับศิลปิน

จัน เพ็ญจันทร์ ลาซูส (เกิดพ.ศ. 2534) เป็นศิลปินเชื้อชาติไทย-ฝรั่งเศสที่ทำงานกับภาพเคลื่อนไหว การจัดวางวิดีโอ ภาพถ่ายและการเขียน งานของเธอดึงข้อคิดเกี่ยวกับการรับรู้ผัสสะและความพรุนโปร่งของพื้นที่และร่างกาย กระบวนการการทำงานของเธอตั้งคำถามถึงวิธีที่เราที่รวมทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รับรู้และตระหนักรู้ถึงสภาพแวดล้อม ดังนั้นกระบวนการของเธอจึงพิจารณาว่าการรับรู้เหล่านั้นหล่อหลอมประสบการณ์ของเราอย่างไร รวมไปถึงภาษาที่เราใช้ การเคลื่อนไหวและยืดเหยียดตัวตนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน

โปรเจคของจันที่โดดเด่นประกอบไปด้วย Embodied Cartographies and Visual Entanglements in the Indus Delta โครงการวิจัยที่ยังดำเนินการอยู่และทำร่วมกับศิลปินชาฮานา ราจานี, Eye your Ear จัดแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, และ House of Flowing Reflection ศาลาหนึ่งในเทศกาล Bangkok Biennial ปี 2561 เมื่อปี 2563 เพ็ญจันทร์เข้าร่วมโปรแกรม Ocean Fellowship โดย TBA21 ที่เวนิซ และได้รับทุนวิจัยจาก Alserkal Art Foundation เพ็ญจันทร์จบการศึกษาจาก École Nationale des Beaux-Arts ที่ปารีส ปัจจุบันพำนักอยู่กรุงเทพมหานคร

จากแนวคิด Make REAL Change สู่นิทรรศการศิลปะและเวทีโชว์เคสผลงานสร้างสรรค์จากเด็กๆ โดยทีเอ็มบีและธนชาต

X

Right Click

No right click