การจัดการให้เกิดการประสานอย่างสอดคล้องกันทั้งวงจร ดังเช่นนวัตกรรมด้านซอฟต์แวร์การบริหารจัดการของ Lexer Research Inc. ที่เป็นหนึ่งในนวัตกรรมของงานโอตาไก คอนเคลฟครั้งที่ 12 ที่เมืองทองธานี

        Masahiro Nakamura เล่าว่า “ผมอยากจะนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นตัว simulation software ซึ่งเราพัฒนาขึ้นมาและมันไปไกลกว่า Industry 4.0 แล้ว โดยเราจะเริ่มต้นจากการติดตั้งเครื่องมือเพื่อติดตาม catch up ข้อมูลจากส่วนงานต่างๆ ในสายการผลิต นับเป็นเครื่องมือตรวจจับ ติดตามข้อมูลที่เราสร้างสรรค์ โดยใช้ simulation technology เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนการผลิต วัตถุดิบ กำลังคน ซึ่งข้อมูลที่เก็บมาได้นี้จะสามารถทำให้ผู้ควบคุมจัดการงานเข้าใจ และสามารถประมาณการวางแผนขั้นตอนการทำงานเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดราวกับเห็นภาพ”

        Masahiro Nakamura ยังเล่าต่อว่า เทคโนโลยีนี้ถือเป็นนวัตกรรมที่ใช้กันมากว่า 22 ปีในประเทศญี่ปุ่น อาทิ ฮอนด้า โตโยต้า เอปสัน หรืออีกหลายบริษัท ทำให้เรามีขีดความสามารถในการจัดการด้านการผลิตและการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้ว่าโรงงานผลิตใดๆ ก็ตาม อาจจะไม่อยู่ในที่เดียวกัน หน่วยผลิตอาจมีการกระจายกันอยู่ เช่นในไทยมีแรงงานที่ถูกกว่าในญี่ปุ่น เมื่อตั้งโรงงานผลิตในไทยก็ย่อมทำให้ต้นทุนต่อหน่วยผลิตถูกกว่า หรือเหตุผลของการตั้งโรงงานผลิตในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ก็อาจขึ้นกับปัจจัยด้านวัตถุดิบ หรืออะไรก็ตาม เพื่อให้การบริหารมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนต่อการผลิตได้มากถึงมากที่สุด ระบบที่ใช้ในการบริหารจัดการจึงมีความสำคัญมากเพราะจะเป็นเครื่องมือในการช่วยดำเนินงาน โดยใช้ต้นทุนในการบริหารจัดการข้ามพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และนั่นถือเป็นนวัตกรรมแห่งความสำเร็จของเราในอดีตที่ผ่านมา และในวันนี้ ทาง Lexer Research Inc. ก็เริ่มมีการจับมือกับผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีองค์กรข้ามชาติ ในยุคไร้พรมแดน ในการนำเทคโนโลยีตัวนี้เข้ามาใช้ในเมืองไทยแล้ว และคาดหวังว่าซอฟต์แวร์ของเราจะมีส่วนช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งที่มีโรงงานผลิตในประเทศไทยหรือต่างประเทศ ในทวีปที่ห่างไกลจากส่วนกลางการทำงานก็สามารถเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และควบคุมการผลิตได้อย่างเที่ยงตรงชัดเจน