อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก U.S. Green Building Council (USGBC) สหรัฐอเมริกา ประกอบไปด้วย “LEED Zero Waste Certification” และ “TRUE Certification ในระดับ Platinum” โดยถือเป็นแห่งแรกในอาเซียนที่ได้รับการรับรองทั้งสองมาตรฐาน โดยอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นอาคารสำนักงานที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นายกีรติ โกสีย์เจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานบริหาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และ บรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) ภายใต้วิสัยทัศน์ในการพัฒนาตลาดทุนเพื่อทุกภาคส่วน “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone”  โดยล่าสุด อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารสำนักงานที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ประจำปี 2565 จาก U.S. Green Building Council (USGBC) สหรัฐอเมริกา ถือเป็นการสะท้อนความมุ่งมั่นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ระดับนโยบายจนถึงพนักงานที่ร่วมขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยดำเนินการลดปริมาณขยะที่นำไปฝังกลบให้เป็นศูนย์

(Zero Waste to Landfill) ตั้งแต่ปี 2563 มีการจัดการขยะเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามหลัก 3R (Reduce-Reuse-Recycle) พร้อมขยายความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาบริหารจัดการการใช้ทรัพยากร รวมถึงการส่งเสริมกระบวนการจัดหาคู่ค้า สินค้า และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี บิลดิ้ง แอนด์ ลีฟวิ่งแคร์คอนซัลติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีอย่างยิ่งที่มีส่วนในการให้คำปรึกษาแก่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ได้รับมาตรฐานการรับรองในครั้งนื้ ด้วยคะแนนประเมินระดับ Platinum ตามมาตรฐานการรับรองจาก USGBC ทั้งนี้ SCG ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาโลกร้อน จึงนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ESG 4 Plus มาใช้ในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม คือ 1) มุ่งเน้น NET ZERO  2) GO Green 3) Lean เหลื่อมล้ำ และ 4) ย้ำร่วมมือ  ทั้งนี้ บริษัท เอสซีจี บิลดิ้ง แอนด์ ลีฟวิ่งแคร์คอนซัลติ้ง จำกัด มีเป้าหมายที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย NET ZERO ซึ่งการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน “LEED Zero Waste” และ “TRUE Certification ในระดับ Platinum”  เป็นอาคารแห่งแรกในอาเซียนในครั้งนื้ นับเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ และก้าวสำคัญของบริษัทที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนเพื่อเป็นแนวทางให้กับองค์กรต่างๆ ต่อไป

การรับรองมาตรฐานดังกล่าวจะมอบให้กับอาคารที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) โดยยึดหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นอกจากนี้อาคารที่ได้การรับรองจะต้องใช้ประโยชน์จากขยะที่เกิดขึ้นมากกว่าร้อยละ 90 โดยหลีกเลี่ยงการจัดการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง การฝังกลบ และการทำลายสิ่งแวดล้อมอื่นๆ และมีการปนเปื้อนของขยะน้อยกว่าร้อยละ 10 โดยพิจารณาขยะทุกประเภท ด้วยความร่วมมือกับคู่ธุรกิจในการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์, การรับสินค้าคืนหลังการใช้งาน (Product Take back program) การนำบรรจุภัณฑ์ไปรีไซเคิล รวมถึงการเพิ่มมูลค่าด้วยการ upcycling

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้อาคารได้การรับรอง คือความชัดเจนทางด้านนโยบาย และการมีส่วนร่วมของผู้บริหาร และพนักงาน ซึ่งพนักงานและคู่ธุรกิจของอาคารตลาดหลักทรัพย์ได้รับการอบรมและมีส่วนร่วมในด้าน zero waste ยิ่งไปกว่านั้น อาคารตลาดหลักทรัพย์ยังมีการคำนวณการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับการจัดการขยะตลอดทั้ง supply chain เป็นต้น

ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับรางวัลสำนักงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Office) ระดับดีเยี่ยม (Gold Level) จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม รางวัล Thailand energy award ประเภทอาคารที่ใช้พลังงานเป็นศูนย์ (Zero energy building) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และรางวัล ASEAN Energy Award  จาก ASEAN Center of Energy (ACE) และยังได้รับการรับรองอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมมาตรฐานสากล LEED Platinum: Operation and Maintenance (O+M) ระดับสูงสุด จาก U.S. Green Building Council (USGBC) อีกด้วย 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี บิลดิ้ง แอนด์ ลีฟวิ่งแคร์คอนซัลติ้ง จำกัด (BLC) บริษัทที่ปรึกษาในด้านการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมการก่อสร้าง ภายใต้ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการพัฒนาอาคารเขียว นวัตกรรมการก่อสร้าง อาคารและฟาร์มประหยัดพลังงาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน” นำร่อง  3 โครงการสร้างสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคาร  เป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

พิธีลงนามความร่วมมือในวันนี้ (22 มีนาคม 2566) เป็นความร่วมมือของทุกฝ่ายที่มีความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน โดยร่วมกันกำหนดแนวทางพัฒนาโครงการอาคารเขียวและการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและการก่อสร้างอาคารและโรงงานในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร เพื่อขอรับรองมาตรฐานอาคารเขียวให้ได้ตามแผนงานที่กำหนด และพัฒนาการก่อสร้างโครงสร้างต่าง ๆ  โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม  เพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ  โดยมี  นายพีรพงศ์ กรินชัย  ผู้บริหารสูงสุด  สายงานวิศวกรรมกลาง  เป็นตัวแทนของซีพีเอฟ ร่วมลงนามกับ นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Managing Director บริษัท เอสซีจี บิลดิ้ง แอนด์ ลีฟวิ่งแคร์คอนซัลติ้ง จำกัด และ นายสุรชัย นิ่มละออ President-Green Solution Business  บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด เพื่อยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างสู่อาคารประหยัดพลังงาน  มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และสร้างสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคาร  ณ  ห้องบอร์ดรูม  อาคาร ซี.พี.ทาวเวอร์   สีลม

นายพีรพงศ์ กรินชัย ผู้บริหารสูงสุด  สายงานวิศวกรรมกลาง ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า   ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร  ให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล โดยใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม     ซึ่งความร่วมมือระหว่างซีพีเอฟและกลุ่ม SCG เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี  ตอบโจทย์แนวทางการดำเนินธุรกิจของทั้งสองบริษัทที่มุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืน  ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามแนวนโยบายของประเทศไทยและประชาคมโลก ด้วยการร่วมมือกันดำเนินโครงการเพื่อขอรับรองมาตรฐานอาคารเขียว โดยในปีนี้ มีแผนที่จะดำเนินโครงการ 3 โครงการ  ได้แก่  โครงการโรงงานชำแหละและตัดแต่งสุกรศรีสะเกษ ห้องปฏิบัติงานและสำนักงานธุรกิจสัตว์น้ำ สมุทรปราการ   โรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง สระบุรี  มุ่งเน้นให้เป็นต้นแบบของอาคารประหยัดพลังงาน   ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างสุขภาวะที่ดีของผู้ที่ทำงานในอาคาร เป็นมิตรกับชุมชนและดูแลสิ่งแวดล้อม สอดรับกับเป้าหมายของซีพีเอฟที่มุ่งสู่องค์กรลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero)ในปี 2050 (พ.ศ. 2593) และมีเป้าหมายใช้พลังงานหมุนเวียน  100 % 

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Managing Director บริษัท เอสซีจี บิลดิ้ง แอนด์ ลีฟวิ่งแคร์คอนซัลติ้ง กล่าวว่า SCG มีเป้าหมายในการส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรต่างๆในการพัฒนาอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ซึ่งสอดรับกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของซีพีเอฟ  จากความร่วมมือในครั้งนี้ ทางSCG พร้อมจะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาในการขอรับมาตรฐานอาคารเขียว    เพื่อยกระดับมาตรฐานอาคารที่ลดการใช้พลังงาน สร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นต่อผู้ใช้งาน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ด้าน นายสุรชัย นิ่มละออ  President-Green Solution Business  บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ CPAC จะนำความเชี่ยวชาญสร้างสรรค์และนำนวัตกรรมโซลูชั่นสำหรับนวัตกรรมการก่อสร้างมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการก่อสร้างใหม่ และซ่อมแซมโครงสร้างอาคารของซีพีเอฟ  เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และแนวทางการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืน ซึ่งซีพีเอฟให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับสากล โดยใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการนำนวัตกรรมก่อสร้างเข้ามาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สถานเอกอัครราชทูตไทย-สวีเดน ร่วมกับเอสซีจีและพันธมิตร ร่วมผลักดันโมเดลจัดการป่ายั่งยืนระดับโลกจากสวีเดน

จับมือภาครัฐและโรงเรียนลงนามความร่วมมือขับเคลื่อนการจัดการขยะ เพิ่มปริมาณการรีไซเคิล เน้นให้เยาวชนเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง

นายอรรถพงศ์ สถิตมโนธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด  และนายอิทธิ ทองแตง รองประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม 5  ในเครือโรงพยาบาลพญาไท และ เครือโรงพยาบาลเปาโล   ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการให้บริการเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสีเขียวของกลุ่มโรงพยาบาล ทั้ง 12 แห่งในเครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโล มุ่งสู่การเป็น Green Hospital (โรงพยาบาลสีเขียว)  ปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลโดยมีเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 40% ภายปี พ.ศ. 2570   และปล่อยก๊าซเรือนกระจกคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593

X

Right Click

No right click